กรุงเทพมหานคร : หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม (1)
สิ่งที่งดงามชิ้นที่สองที่เห็นจากวีดิทัสน์งานแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสม ในการเฉลิมฉลองคราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 84 พรรษา จากเหตุการณ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ก็คือ หอไตรสามหลังของวัดระฆังโฆสิตาราม
วัดระฆังโฆสิตารามเดิมเรียกว่าวัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงกู้อิสรภาพของไทยกลับคืนมา แล้วเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ทรงมาสร้างพระราชวังหลวงที่เมืองธนบุรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในขณะนั้นรับราชการอยู่มีบรรดาศักดิ์ พระราชวรินทร์หรือตำแหน่งเจ้ากรมพระตำรวจนอกขวาจึงได้ย้ายบ้านจากสมุทรสงคราม มาปลูกเรือนไทยอยู่ในบริเวณวัดบางหว้าใหญ่ใกล้กับพระราชวังของสมเด็จพระเจ้าตากสิน พ.ศ. 2311 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นไปตีเมืองพิมายซึ่งมี กรมหมื่นเทพพิพิธเป็นเจ้าเมืองโดยมีพระราชวรินทร์และพระมหามนตรี ได้รับพระราชโองการให้ยกทัพร่วมในศึกครั้งนี้ด้วย หลังจากการศึกในครั้งนี้ พระราชวรินทร์ทรงได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอไภยรณฤทธิ์ จางวางพระตำรวจฝ่ายขวา เพื่อเป็นการปูนบำเหน็จที่มีความชอบในการสงคราม
พ.ศ. 2312 สมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดให้ยกวัดบางหว้าใหญ่ขึ้นเป็นพระอารามหลวง และทรงมีพระราชปรารภว่า พระไตรปิฎกได้กระจัดกระจายเสียหายเมื่อครั้ง สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยา จึงมีพระราชประสงค์จะรวบรวมชำระสอบทาน พระไตรปิฎกนั้นให้ถูกต้องครบถ้วนตามเดิม โดยได้ อัญเชิญพระไตรปิฎก มาจากเมืองนครศรีธรรมราช ในคราวพระราชดำเนินไปทำสงครามที่เมืองนี้
นอกจากนี้ได้ทรงพบพระอาจารย์สี แต่เดิมอยู่ที่วัดพนัญเชิง ที่กรุงศรีอยุธยา เป็นผู้มีความสามารถแตกฉานในพระไตรปิฎก ทั้งเป็นผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระ ซึ่งท่านได้หลีกไปอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราชเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงทรงอาราธนาพระอาจารย์สีร่วมมากรุงธนบุรี และโปรดเกล้าให้ครองวัดบางหว้าใหญ่ พร้อมทั้งทรงตั้งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช
ในคราวเดียวกันนี้พระยาอไภยรณฤทธิ์ได้รื้อบ้านเรือนไทยหลังคามุงจาก ฝาสำหรวด กั้นห้องด้วยกระแชง มาถวายวัดบางหว้าใหญ่ เพื่อเป็นที่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์
พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรีมาตั้งใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และทรงโปรดเกล้าให้อาราธนาสมเด็จพระสังฆราช (สี) ที่ถูกถอดยศในสมัย ของพระเจ้ากรุงธนบุรี มาครองวัดบางหว้าใหญ่ตามเดิม
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้มีพระราชปรารภถึงพระตำหนัก ที่ได้รื้อไปปลูกไว้ที่วัดบางหว้าใหญ่ สมัยที่รับราชการในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระราชประสงค์จะปฏิสังขรณ์ปรับปรุงให้มั่นคงสวยงามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะยกขึ้นเป็นหอพระไตรปิฎก จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้สืบถาม
เรื่องระฆังของวัดบางหว้าใหญ่ซึ่งเป็นระฆังที่มีเสียงไพเราะยิ่งนัก ว่าขุดได้ ณ ที่ใด และได้ทรงทราบว่าขุดได้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระอุโปสถ (หลังเก่า) จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้ขุดสระขึ้นในที่ขุดเจอระฆังนั้น แล้วให้สร้างเขื่อนรอบสระ เรียงอิฐก่อด้วยดินเหนียว แล้ว จึงรับสั่งให้รื้อพระตำหนักและหอประทับนั่งจากที่เดิม
มาปลูกลงในสระ เป็นรูปเรือน 3 หลังแฝด หอด้านใต้ลักษณะเป็นหอนอน หอกลางเป็นห้องโถง หอด้านเหนือเข้าใจว่าเป็นห้องรับแขก และได้เปลี่ยนเหลังคามุงจาก เป็นมุงกระเบื้อง ชายคาเป็นรูปเทพพนมเรียงรายเป็นระยะๆ เปลี่ยนฝาสำหรวดไม้ขัดแตะ เสียบกระแชงเป็นขัดด้วยหน้ากระดานไม้สัก ระหว่างลูกสกล ใช้แผ่นกระดานไม้สักเลียบ
ฝาภายในแล้วเขียนรูปภาพต่างๆ บานประตูด้านใต้เขียนลายรดน้ำ บานประตูหอกลางด้านตะวันออกแกะเป็นลายกนกวายุภักษ์ประกอบด้วยกนกเครือเถา บานซุ้มประตูนอกชานแกะเป็นมังกรลายกนกดอกไม้ภายนอกติดคันทวยสวยงาม
เสร็จแล้วทรงสร้างตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่เขียนลายรดน้ำ ๒ ตู้ ประดิษฐานไว้ใน หอด้านเหนือ 1 ตู้ หอด้านใต้ 1 ตู้ การก่อสร้างทั้งหมดนี้โปรดเกล้าให้อยู่ในความควบคุม ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เป็นแม่กองการก่อสร้าง จึงเชื่อได้ว่าลายรดน้ำและลายแกะสลักของหอไตรที่นี่นั้นเป็นฝีพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 2
Create Date : 29 ธันวาคม 2554 |
|
6 comments |
Last Update : 29 ธันวาคม 2554 16:06:12 น. |
Counter : 2722 Pageviews. |
|
|
อ๋อ ยำแหนมทอดเจ้าันั้นนั่นเอง เคยดูรีวิวเหมือนกันค่ะ