Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
20 พฤศจิกายน 2556

วัดนี้มีพระประธานแปลก : วัดวงศมูลวิหาร

IMG_9465


บริเวณข้างวัดเครือวัลย์วรวิหารในปัจจุบัน
เคยเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของเหล่าขุนนางในสมัยกรุงธนบุรี
ต่อมาเมืองหลวงย้ายไปอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา
ราชนิกูลวังหลวงส่วนหนึ่งก็มาประทับอยู่ที่พะราชวังเดิม
เมื่อมีวังหลังก็โปรดให้ใช้พื้นที่สร้างวังจากปากคลองบางกอกน้อยมาจนถึงวัดระฆัง

ยกเว้นพื้นที่ระหว่างกลางของสองวัดนี้ที่เคยเป็นบ้านเดิมของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าจุ้ยขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวร
และแต่งตั้งพระองค์เจ้าชายประยงค์ พระโอรสของเจ้าฟ้าจุ้ยเป็นกรมขุนธิเบศร์บวร
แล้วทรงโปรดให้สร้างวังขึ้นที่บริเวณที่เคยเป็นบ้านเดิมของรัชกาลที่ 1

กรมขุนธิเบศร์บวร ได้สร้างวัดขึ้น แต่จะสร้างในปีใดไม่ปรากฏหลักฐาน
แต่ศิลปะที่เห็นเป็นแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 แต่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ
พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี 2400 รัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าให้กรมหมื่นอนันตการฤทธิ์
อนุชาก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จและขอพระราชทานวิสุงคามสีมาปี 2418

พระราชทานนามว่าวัดวงศมูลวิหาร เป็นพระอารามในบัญชีผ้าพระกฐินหลวง

พ.ศ.2433 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้ใช้พื้นที่ทางตอนใต้ของวัดระฆัง
ที่แต่เดิมนั้นเป็นอู่กำปั่นหลวง พัฒนาขึ้นเป็นอู่ต่อเรือเหล็กแบบตะวันตก
หลังจากนั้นก็มีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมออกมาเรื่อยๆ ล้อมพื้นที่วัดและวังเดิม
เพราะเมื่อสิ้นกรมหมื่นอนันตการฤทธิ์แล้ว ก็มิได้ทรงโปรดเกล้าให้ใครมาครองต่อ

จนถึงปี พ.ศ.2459 ในสมัยรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้ขอพระบรมราชานุญาตยุบเลิกวัดวงศมูลวิหาร
ด้วยทรงเห็นว่าถูกกองทัพเรือโอบล้อมอยู่ไม่เป็นที่ทำบุญฟังเทศน์อย่างแต่ก่อน
มีพระจำพรรษาอยู่ 7-8 รูป ก็เป็นแค่เฝ้าวัด ไม่ได้ทำกิจประโยชน์แก่พระศาสนา

IMG_9476

จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติย้ายพระสงฆ์ไปอยู่ที่วัดอื่น
เสนาสนะที่รื้อไปปลูกที่วัดอื่นได้ก็ให้รื้อไป แล้วมอบพื้นที่ให้กระทรวงการทหารเรือ
แต่พระอุโบสถนั้นไม่มีการถอดถอนเขตวิสุงคามสีมา จึงถือว่าเป็นพื้นที่ทางศาสนาเช่นเดิม
โดยปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานไว้แล้ว

การก่อสร้างที่คาบเกี่ยวกันระหว่างสองรัชกาล ศิลปะจึงเป็นการผสมผสานกัน
อุโบสถขนาดกลางห้าห้อง หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ประดับกระจก เสาพาไลขนาดใหญ่ ลวดลายฝีมือแบบพระราชนิยม
แต่เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน จะเห็นซุ้มพระพุทธรูปข้างพระประธานแบบตะวันตก

โดยพระพุทธรูปองค์หนึ่งนั้นเป็นปางห้ามแก่นจันทร์
ในขณะที่อีกองค์นั้นเป็นปางห้ามพยาธิซึ่งแตกต่างกันเพียงการยกพระหัตถ์ปางห้ามนั้น
สลับข้างกันคนละข้างเหมือนกระจกเงา คงเป็นความตั้งใจของผู้สร้าง
ซึ่งเป็นความแปลกที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

แต่ยังคงมีความแปลกแบบมาตรฐานที่ทุกคนที่เคยไปวัดนี้คงทราบกันดี
นั่นก็คือพระประทานที่สมเด็จพระสังฆราชประทานนามว่า พระพุทธวงศมูลมิ่งมงคล
ไว้เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2554 นั้นอยู่ด้านผนังด้านตามยาวหันพระพักต์ไปทางทิศใต้
โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เดิมพระประธานก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามปรกติ

แต่หลังจากนั้นกรมขุนธิเบศร์บวรไม่สบายพระองค์ประชวรอยู่เนืองๆ
จึงมีการแก้เคล็ดโดยหันพระประธานในพระอุโบสถไปด้านข้างแบบที่เห็น
คำถามคือทิศเดิมนั้นมีอะไร คำตอบคือวัดมหาธาตุ วัดระหว่างวังหลวงและวังหน้า
ที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นไว้นั่นเอง

IMG_9474

แต่คงต้องระบุไว้ว่าเป็นพระประธานในพระอุโบสถ เพราะถ้าเดินไปอีกไม่ไกล
เราจะพบพระประธานที่ตั้งอยู่ด้านข้างพระวิหาร และคนส่วนมากคงรู้จักกันดี
นั่นก็คือพระทองคำของวัดหงษ์รัตนารามนั่นเอง

ดูเหมือนวัดที่มีสิ่งก่อสร้างแปลกในซีรีย์นี้จะจบลงเพียงแค่ที่สามวัด
แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่สำคัญเท่านั้นเอง
เพราะหากมองอย่างผิวเผินดูเหมือนทั้งสามวัดนี้ไม่มีมีความเกี่ยวข้องกันอันใด
แต่เมื่อมองลึกลงไปนั้นมันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือเป็นวัดในสมัยรัชกาลที่ 3

เป็นที่ทราบกันดีว่าในสมัยนี้มีการสร้างวัดจำนวนมาก ทั้งวัดที่พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้สร้าง
วัดที่ทรงโปรดเกล้าให้บูรณะ วัดที่มาสำเร็จในรัชกาล และวัดที่คนอื่นสร้างเพื่อน้อมถวาย
เมื่อลองทบทวนให้ดีไม่ใช่มีแต่เรื่องของปริมาณ เพราะเมื่อคิดลงไปให้มากไปกว่านั้น
วัดต่างๆ แต่ละแห่งนั้นจะมีความพิเศษบางอย่างที่แตกต่างไปจากวัดที่สร้างกันก่อนหน้า

อย่างที่บอกไว้เสมอว่าในรัชสมัยนี้มีการฟื้นฟูพุทธศาสนาอย่างสำคัญ
แต่ละอย่างที่พระองค์โปรดเกล้าให้สร้างนั้นก็เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
สืบทอดและส่งผ่านมายังคนรุ่นหลังอย่างเราไว้เพื่อเป็นหลักฐานความรู้นั่นเอง
สักวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะได้มาสานต่อซีรีย์วัดในรัชกาลที่ 3 นี้กัน

และเราจะไม่ลืมที่จะบอกว่าอะไรคือความพิเศษเหล่านั้น ถือเป็นการบ้านจากบล็อกนี้



Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2556 9:21:08 น. 3 comments
Counter : 2679 Pageviews.  

 
หนูซื้อหนังสือ "งานช่างสมัยพระนั่งเกล้าฯ" มา ตั้งใจจะเก็บไว้ดูเทียบเคียง ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยค่ะ

เมื่อวานไปวัดยานนาวามา เดินไปด้านหลังสำเภาเรือถึงรู้ว่าพระอุโบสถอยู่ด้านหลัง มีซุ้มที่รัชกาลที่ 3 เคยประทับอยู่ตรงนั้นเมื่อครั้นตรวจงานการก่อสร้างสำเภาเรือ เห็นแล้วบอกไม่ถูกค่ะ ต่างกันกับแท่นที่ประทับ ที่วัดราชโอรสาราม

สงสัยต้องรอเฉลยการบ้านแล้วล่ะค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา:17:13:40 น.  

 
เรื่องแบบนี้จะว่าไม่เชื่อก็ว่าไม่ได้นะคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา:21:04:24 น.  

 
ไปถ่ายรูปปรางค์เก่า ที่วัดปรางค์ทองมาแล้วค่ะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=01-12-2013&group=49&gblog=13

และทำรูป นครธมใหม่ค่ะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=03-03-2009&group=17&gblog=7


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 ธันวาคม 2556 เวลา:14:16:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]