เชียงใหม่ : วัดพระสิงห์วรวิหาร (1)
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งที่เมื่อสัปดาห์ก่อนยังหนาวอยู่เลย เราเริ่มการเดินทางด้วยการไปเที่ยวชมวัดพระสิงห์วรวิหาร เมื่อไปถึงเค้ากำลังจัดงานงานอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธกัสสปะ ในวิหารหลวงอยู่พอดีเลยเดินอ้อมไปด้านข้างเพื่อดูเจดีย์ก่อน
พ.ศ. 1888 พญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 4 พระราชโอรสของพระเจ้าคำฟู ได้ครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาเมื่อพระชนมายุได้ 29 พรรษา ในยุคนี้เชียงใหม่กลับเป็นราชธานีของล้านนาอีกครั้งหนึ่ง เพราะสมัยพระเจ้าคำฟูนั้นโปรดไปประทับที่เชียงแสน
ได้โปรดเกล้าให้สร้างสร้างเจดีย์สูง 23 วาเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระราชบิดา มีพระพุทธรูปประจำซุ้มคูหา 4 ทิศ เพื่อบรรจุพระอัฐิพระเจ้าคำฟูพระราชบิดา ต่อมาอีกสองปีจึงสร้างพระวิหารหลวง วิหารการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ และได้อาราธนาพระมหาอภัยจุลเถระจากวัดพระธาตุหริภุญไชย และพระสงฆ์อีก 10 รูป มาจำพรรษาที่พระอารามนี้
พ.ศ. 2088 มหาเจดีย์ได้หักลงมาเพราะแผ่นดินไหว ได้รับบูรณะซ่อมแซม ในสมัยเจ้ากาวิละและได้ประดิษฐานพระธาตุไว้ในเจดีย์องค์นี้ การบูรณะสมัยครูบาศรีวิชัยพระพุทธรูปประจำซุ้มคูหา 4 ทิศถูกรื้อออกเพื่อสร้างพระวิหารใหม่ ได้รับบูรณะในปี พ.ศ. 2492 ครั้งหนึ่ง โดยท่านพระครูสิกขาลังการเจ้าอาวาสในขณะนั้น และในสมัยต่อมาโดยพระราชสิทธินายก เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
พระเจดีย์เป็นพุทธศิลป์แบบล้านนา ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูง มีประติมากรรมช้างครึ่งตัว แบกตรงกลางฐานอยู่ทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 ตัว เหนือขึ้นไปเป็นฐานกลม 3 ชั้น มาลัยเถาซ้อนกัน 3 ชั้น องค์ระฆังทรงกลมเล็ก บัลลังก์ และ เปลือกยอดประดับฉัตร
ด้านข้างมีกู่อีกองค์หนึ่งเรียกกันว่า กู่อัฐิพญาคำฟู เมื่อครั้งครูบาศรีวิชัย มาปฏิสังขรณ์วัด ได้พบโกฏิบรรจุอัฐิ พร้อมของมีค่าอื่นๆ ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยว่าพบที่มหาเจดีย์หรือที่กู่องค์นี้ แต่สิ่งของเหล่านั้นสูญหายไปแล้ว เมื่อครั้งสงครามมหาเอเชียบูรพา
Create Date : 21 มีนาคม 2555 |
Last Update : 21 มีนาคม 2555 13:53:36 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1876 Pageviews. |
|
|
|