Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
มิถุนายน 2559
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
1 มิถุนายน 2559

กาลครั้งหนึ่ง อัมพวา : อาสนวิหารแม่พระบังเกิด




พ.ศ.2390 คริสตชนประมาณ 200 คน ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นในที่ดิน
ของฟรังซิสโก ไง้ เป็นเรือนไม้หลังคามุงจาก มีชื่อว่าวัดศาลาแดง บางคนเรียก วัดรางยาว
ตั้งอยู่ริมคลองที่ชาวจีนขุดต่อกับแม่น้ำแม่กลองเพื่อนำน้ำมาทำสวนผัก

พ.ศ. 2433 รัชกาลที่ 4 ทรงสั่งขุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำแม่กลองกับแม่น้ำท่าจีน
บาทหลวงเปาโลซัลมอน หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า คุณพ่อเป่า
จึงได้มาสร้างวัดหลังใหม่อยู่ที่ปากคลองบางนกแขวกชื่อว่า วัดแม่พระบังเกิด
โดยได้รับทุนสนับสนุนจากญาติพี่น้องและคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปรารีส

เป็นสถาปัตยกรรมกอทิก ภายในประดับด้วยกระจกสีที่สวยงามจากประเทศฝรั่งเศส
เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระนางมารีย์พรหมจารีและภาพของบรรดานักบุญทั้งชายและหญิง
ทำพิธีเสกและเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439
พ.ศ. 2537 ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัดครั้งใหญ่เพื่อให้ทันฉลองครบ 100 ปี



อาสนวิหาร (Cathedral) หมายถึงโบสถ์ที่มีที่นั่งของพระที่มีสมณศักดิ์สูง
เช่นมุขนายกหรือสังฆราชประจำอยู่ ในกรณีนี้คือผู้ปกครองสังฆมณฑลเขตราชบุรี
ส่วนพระแม่บังเกิด หมายถึงการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของพระแม่มารี
อีกคำที่เราได้ยินคือ พระแม่ปฏิสนธินิรมล คือการปฏิสนธิของพระนางพรหมจารีมารี

หลังกรุงโรมแตกในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ยุโรปเข้าสู่ยุคมืดของศิลปะและวิทยาการ
จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 ในฝรั่งเศสเกิดศิลปะที่เรียกว่า Gothic
ลักษณะโครงสร้างทรงสูงมียอดหอคอยรูปทรงแหลมอยู่ข้างบน
ทำให้ตัวอาคารมีรูปร่างสูงระหงขึ้นสู่เพดาน

จุดเด่นของศิลปะคือการใช้ค้ำยันที่ทำด้วยอิฐปูนไว้ค้ำยันจากภายนอก
และการใช้เสาหินเพื่อรองรับช่วยกระจายน้ำหนักน้ำหนักของหลังคา
ประตูหน้าต่างเปลี่ยนจากโค้งกลมขนาดเล็กเป็นโค้งแหลมขนาดกว้าง
ที่แสงสว่างสามารถลอดผ่านได้ ตามกำแพงมีการประดับด้วยกระจกสี

การล่มสลายของกรุงคอนสแตนติโนเปิลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15
ทำให้ยุโรปตกตะลึงถึงการสูญเสียโรมันตะวันออกให้กับชาวอิสลาม
จึงได้เกิดการดิ้นรนเพื่อฟื้นฟูศิลปะจากสมัยกรีกโรมันขึ้นมาอีกครั้ง
ถือเป็นการสิ้นสุดของยุคมืดเข้าสู่ศิลปะที่เรียกว่า renaissance ในอิตาลี่

ศิลปะโกธิกย้อนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในศตวรรษที่ 19



การทำกระจกสีเกิดขึ้นในยุคก่อนการเกิดของศิลปะแบบโกธิกเพียงเล็กน้อย
เริ่มจากช่างกระจกได้แบบหน้าต่างที่จะนำไปติดตั้งในโบสถ์มาวัดขนาด
เพื่อออกแบบภาพให้พอดี เพราะหน้าต่างนั้นจะไม่ได้มีเพียงกรอบเดียว
แต่มีกรอบซ้อนกันหลายชั้นในหน้าต่างเพียง 1 บาน

ช่างจะร่างภาพลงบนพื้น เพื่ออกแบบแนวการเชื่อมแนวตะกั่วแต่ละชิ้น
ให้สามารถเชื่อมกระจกที่อออกแบบไว้ให้ต่อเนื่องกันจนเป็นภาพขนาดใหญ่
แล้วตัดกระจกสีที่ต้องการออกเป็นชิ้น นำมาขัดให้ได้มุมที่ถูกต้อง
ชิ้นใดที่มีภาพลายเส้น เช่น ผม มือ จะมีการวาดด้วยสีผสมพิเศษลงไป

เมื่อได้กระจกที่สมบูรณ์จึงประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้ซีมเนต์นิ่มเป็นตัวประสาน
ยกกระจกเข้ากรอบดามด้วยเหล็กแล้วผูกด้วยลวดทองแดงเพื่อรับน้ำหนัก
กระบวนการที่กินเวลามากนี้ทำให้กระจกสีมีความคงทนได้ราว 100 ปี เลยทีเดียว
ซึ่งปัจจุบันนี้หลายโบสถ์ในประเทศไทยก็เริ่มมีการนำลงกระจกสีลงมาซ่อมกันแล้ว

ค่าซ่อมนั้นเป็นราคาเหมาทั้งโบสถ์แต่เฉลี่ยราวหนี่งแสนบาทต่อบาน



กระจกสีด้านหนึ่งเป็นรูปนักบุญ ด้านหนึ่งเป็นเหตุการณ์ตอนการตรึงกางเขน
ผมไม่มีความรู้ทางศาสนาคริสต์ แต่เคยได้ฟังว่าเพราะในโบสถ์มีไม้กางเขน
ทางเดินในโบสถ์จึงเปรียบได้กับช่วงเวลาที่พระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนนั่นเอง

หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารที่ครัวน้ำทิพย์ที่อยู่เชิงสะพานข้ามคลอง
ก่อนที่จะเจ้าหน้าที่จะพาลงเรือล่องแม่น้ำแม่กลองไปยังที่พักที่หลายคนรู้จัก
The legend meklong เป็นบ้านเรือนไทย ซึ่งค่าที่พักก็คงแพงไม่ใช่น้อย
ซึ่งดูจากแผนที่ห่างจากร้านอาหารไม่ถึง 2 กิโล แต่เรานั่งเรือกันนานมาก

คงเป็นความหวังดีที่อยากให้เราได้ชมหิ่งห้อย เรือเลยพาวนย้อนกลับ
ไปเข้าคลองหมาหอน กว่าจะได้เข้าที่พักน่าจะราวชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว



Create Date : 01 มิถุนายน 2559
Last Update : 2 มิถุนายน 2559 9:16:12 น. 5 comments
Counter : 1355 Pageviews.  

 
ที่นี่สวยดีค่ะ ไป 3 ครั้ง เพิ่งได้เข้าไปภายในโบสถ์ครั้งเดียว แถมช่วงนั้น มีการคลุมรูปปั้นภายในโบสถ์ทั้งหมด ก่อนเทศกาลอะไรซักอย่างค่ะ

ฟังดูการทำกระจกสี ยุ่งยากเหมือนกันนะคะ มิน่าซ่อมเฉลี่ยบานละแสน

เชยค่ะ ไม่รู้จัก The Legend maeklong เลย


*** ไปนครพนมครั้งนี้ ตั้งใจอยากไปไหว้พระธาตุพนมค่ะ เคยเห็นคอมเมนต์แว๊บ ๆ ที่บล็อกพี่ตุ๊กไว้เหมือนกัน ว่า น่าแวะรอยเท้าไดโนเสาร์ (พี่ตุ๊กก็ไม่ได้แวะ)

ไว้รอบหน้า จะเก็บรายละเอียดนครพนมให้ได้มากกว่านี้ เสียดายหลายที่เลยค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 มิถุนายน 2559 เวลา:19:31:01 น.  

 
ยังไม่เคยไปที่นี่ค่ะ
+


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 1 มิถุนายน 2559 เวลา:20:38:34 น.  

 
ได้ความรู้เรื่องการทำกระจกสีเยอะเลย

เมื่อก่อนที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายรายละเอียดต่างๆในโบสถ์ด้วยค่ะ
ได้ความรู้เยอะมาก
แต่ท่านนั้น เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว


โดย: VELEZ วันที่: 1 มิถุนายน 2559 เวลา:21:44:27 น.  

 
เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือน พ.ค. นี้เลยครับ เสร็จแล้วข้ามไปชุมชนริมน้ำ เสียดายร้านก๋วยเตี๋ยวกั้งคนแน่นเลยไม่ได้กิน
โรมันคงไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าคอนสแตนติโนเปิลจะเสร็จพวกเติร์ก สุดท้ายอิสลามก็ครองได้ทั้งตะวันออกกลางเลยนะครับ แถบนั้นเป็นดินแดนกำเนิดหลายศาสนาหลายอารยธรรมจริงๆ
แต่กรุงคอนสแตนติโนเปิลล่มสลายไปก็ได้ยุคฟื้นฟูศิลปะกลับมา ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ช่วงนั้นแถบบ้านเราเพิ่งจะต้นๆยุคอยุธยาเอง

คุณผู้ชายฯพูดถึงถ้ำยายจูงหลานแล้วผมอยากไปเหมือนกันนะครับ เดี๋ยวต้องหาที่เที่ยวใกล้เคียงแล้วจัดเพชรบุรีสักทริป แต่พวกวัดพระนอนหรือบ้านปืนก็ดันไปหมดแล้ว



โดย: ชีริว วันที่: 1 มิถุนายน 2559 เวลา:23:40:11 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 มิถุนายน 2559 เวลา:5:28:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]