Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
17 กันยายน 2557

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (20)

14502664951_cd909c585e_b


22. พระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวานิพพาน
พระพุทธองค์โปรดอาลวกยักษ์ บุคคลฆ่าความโกรธเสียได้จึงมีความสุข


พระสารีบุตรมีชื่อเดิมว่า อุปติสสะ เกิดในตระกูลพราหมณ์
อาศัยอยู่ที่ตำบลนาลกะ หรือนาลัลทะ ไม่ไกลจากกรุงราชคฤห์
มีเพื่อนสนิทคือโกลิตตะ ต่อมาคือพระมหาโมคคัลลานะ
ทั้งสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นบุตรผู้มั่งคั่งเหมือนกัน

วันหนึ่งอุปติสสะและโกลิตะไปเที่ยวเล่นในงานรื่นเริงประจำปี
ขณะชมมหรสพอยู่นั้นก็เกิดความสลดใจขึ้นมาอย่างเดียวกันว่า
กิจกรรมเหล่านี้ช่างไร้สาระสิ้นดี หาประโยชน์แก่นสารมิได้เลย
ควรจะหาสิ่งใดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและหลุดพ้นจากบ่วงเช่นนี้

จึงพาบริวารไปขอบวชอยู่ในสำนักของอาจารย์สัญชัย
เรียนจบสิ้นวิชาทั้งหมดจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยสอนหมู่ศิษย์
แต่ทั้งสองยังไม่พอใจ เพราะไม่ใช่แนวทางที่ต้องการ
จึงตกลงกันที่จะออกไปแสวงหาอาจารย์ โดยสัญญากันว่า

หากฝ่ายใดได้โมกขธรรม ก็ขอให้บอกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
วันหนึ่งอุปติสสะได้พบพระอัสสชิ หนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ กำลังบิณฑบาต
ในกรุงราชคฤห์มีอาการน่าเลื่อมใสจึงเข้าไปถามพระอัสสชิว่า
ผู้ใดคือศาสดาของท่าน พระอัสสชิตอบว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


อุปติสสะจึงขอให้พระอัสสชิแสดงธรรม พระอัสสชิออกตัวว่า
พึ่งบวชได้ไม่นาน ไม่อาจแสดงธรรมโดยกว้างขวางได้
อุปติสสะขอให้พระอัสสชิแสดงธรรมสั้น ๆ ก็ได้
พระอัสสชิจึงได้แสดงธรรมที่เรียกกันว่า คาถาเยธัมมา

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
เอวํ วาที มหาสมโณ

ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
พระตถาคตกล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับของธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้


ในสมัยหลังพุทธกาล พระธรรมถือเป็นสิ่งที่สูงสุดเมื่อไม่มีศาสดา
เราจะพบจารึกคาถาบทนี้เป็นประจำในศิลปวัตถุสมัยทวาราวดี
อุปติสสะได้ฟังก็บรรลุโสดาบัน แล้วนำคำสอนของพระอัสสชิ
ไปบอกโกลิตตะ ท่านก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นเดียวกัน


ทั้งสองกลับไปสำนักเพื่อชักชวนอาจารย์สัญชัยไปบวชด้วยกัน
แต่ท่านกลับไม่สนใจ ทั้งสองก็รบเร้าว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้แจ้ง
ต่อไปคนทั้งหลายจะหลั่งไหลไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
อาจารย์สัญชัยจึงถามทั้งสองว่า โลกนี้มีคนโง่หรือคนฉลาดมากกว่ากัน

ทั้งสองตอบว่า คนโง่นั้นย่อมมีจำนวนมากกว่า
อาจารย์สัญชัยกล่าวว่า เช่นนั้นปล่อยให้คนฉลาดไปเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า
ให้คนโง่มาเป็นศิษย์ของเรา เราจะได้รับเครื่องสักการะจำนวนมาก
ส่วนคนฉลาดอย่างเธอทั้งสองจะไปเป็นศิษย์ของพระสมณโคดมก็ตามใจ

อุปติสสะและโกลิตตะจึงได้พาบริวาร 250 คน จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ที่สวนเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ หลังจากฟังธรรม บริวารทั้งหมดก็บรรลุอรหันต์
แต่อุปติสสะและโกลิตะ ยังคงบรรลุเพียงโสดาบันเช่นเดิม
ทั้งสองได้ทูลขออุปสมบท พระองค์ก็ได้ทรงอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุ

พระมหาโมคคัลลานะอุปสมบทได้ 7 วัน ก็สำเร็จพระอรหันต์
ส่วนพระสารีบุตรอุปสมบทได้กึ่งเดือน จึงสำเร็จพระอรหันต์
ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ในคืนนั้นพระพุทธเจ้าทรงประทาน
โอวาทปาติโมกข์แก่พระอรหันต์ 1,250 รูป หรือวันมาฆะบูชานั่นเอง

ทรงประกาศแต่งตั้งพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวาเลิศในทางปัญญา


IMG_1043


ในพรรษาที่ 45 ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับที่สวนเชตวัน กรุงสาวัตถี
พระสารีบุตรได้พิจารณาว่า ในกัลป์พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
พระศาสดานิพพานก่อนหรือพระอัครสาวกนิพพานก่อน
ก็ได้ทราบแน่ชัดว่าพระอัครสาวกนิพพานก่อน

จากนั้นก็พิจารณาเห็นว่าท่านมีอายุขัยเหลือเพียง 7 วัน
จึงพิจารณาต่อไปว่าควรจะไปนิพพานที่ไหนดีก็นึกถึงพระราหุล
ว่าไปนิพพานที่บันฑุกัมพลศิลาอาสน์ ที่ดาวดึงสเทวโลก
พระอัญญาโกณฑัญญะ ไปนิพพานที่สระฉัททันต์ ป่าหิมพานต์

พระเถระได้นึกถึงสารีพราหมมณี มารดาของท่านว่า
มารดาของเรานี้ ได้เป็นมารดาของพระอรหันต์ถึง 7 องค์
(น้องชายของพระสารีบุตรคือพระจุนทะ พระอุปเสน พระเรวัตตะ
และน้องสาว คือ นางจาลา อุปจาลา และสีสุปจาลา)

ถึงกระนั้นมารดาท่านก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย
จึงตกลงใจที่จะไปนิพพานที่บ้าน เพื่อโปรดมารดาเป็นวาระสุดท้าย
จึงสั่งให้พระจุนทะผู้เป็นน้องชาย ให้ไปแจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นศิษย์ว่า
จะไปเยี่ยมมารดาที่นาลันทา ขอให้ภิกษุทั้งหลายเดิน ทางไปด้วยกัน


พระสารีบุตรก็พาพระสงฆ์เหล่านั้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อทูลลา
จากนั้นก็ออกเดินทางเป็นเวลา 7 วัน ก็ถึงบ้านนาลันทา
นางสารีพราหมณ์ผู้เป็นมารดา ได้จัดให้พระสารีบุตรพักในห้องที่เกิด
และจัดเสนาสนะสำหรับเป็นที่อยู่ของภิกษุ 500 องค์ ที่เป็นบริวาร

ในคืนวันนั้น ท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ ได้มาถวายนมัสการพระสารีบุตร
ซึ่งกำลังนอนอาพาธอยู่ เมื่อท้าวจาตุมหาราชกลับไปแล้ว
พระอินทร์ได้มาถวายนมัสการ เมื่อพระอินทร์กลับไปแล้ว
ท้าวสหัมบดีมหาพรหมก็ได้มาถวายนมัสการ

เมื่อท้าวมหาพรหมกลับไปแล้ว นางสารีพราหมณีได้ถามพระจุนทะว่า
ผู้ใดที่เข้ามาหาพี่ชายของท่าน พระจุนทะเถระจึงบอกมารดาว่า
ท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช และท้าวมหาพรหม ได้มาถวายนมัสการ
ได้ฟังดังนั้นก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระสารีบุตรและพระพุทธเจ้า

คิดว่าพระลูกชายของตนยังเป็นใหญ่กว่าท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช
และท้าวมหาพรหม พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นครูจะต้องมีอิทธิศักดานุภาพยิ่งใหญ่
พระสารีบุตรรู้ว่า บัดนี้มารดาได้เกิดความปีติโสมนัสและศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้ว
ถึงเวลาที่จะเทศนาทดแทนพระคุณและโปรดมารดาให้เป็นสัมมาทิฏฐิ

จึงได้เทศนาสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อจบเทศนานางก็ได้พระโสดาบัน
รุ่งเช้าพระสารีบุตรก็นิพพาน พระจุนทะเถระได้ทำฌาปนกิจสรีระพระสารีบุตร
เก็บอัฐิธาตุนำไปถวายพระพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ที่เชตวัน เมืองสาวัตถี
พระพุทธเจ้าโปรดให้ก่อพระเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรไว้ ณ ที่นั้น



Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 17 กันยายน 2557 15:35:26 น. 2 comments
Counter : 1905 Pageviews.  

 
อ่านต่อค่ะ
ยากที่ว่าคนในรูปคือใครนี่แหละค่ะ
ดูไปนาน ๆ บ่อย ๆ คงจะพอมองออกนะคะ
ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 กันยายน 2557 เวลา:20:46:38 น.  

 
มาอ่านต่อ... สนุกดีค่ะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 กันยายน 2557 เวลา:18:14:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]