เที่ยวปราจีนบุรี : ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศก์
ปราจีนบุรีนี่เป็นจังหวัดที่ใหญ่มากเลย ยิ่งสมัยก่อนนั้นยังไม่มีการแยกเป็นจังหวัดสระแก้ว มันยากที่จะจินตนาการนะ ในขณะที่ตัวเมืองถือว่าไม่ไกลเพราะอยู่ใกล้กับ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เราไปไหว้หลวงพ่อโสธรกันบ่อยๆ แต่ขณะที่ปลายอีก้านของจังหวัดติดกับชายแดนกัมพูชา ทำให้รู้สึกว่าเป็นจังหวัดที่ไกล ในความคิดของคนที่อยากจะเดินทางจะไปท่องเที่ยวมาก จนกระทั่งมีสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด ที่บีบให้เราต้องขับรถออกไปท่องเที่ยว ปราจีนบุรีจึงก้าวเข้าสู่ลิสต์จังหวัดที่เราอยากจะไป ในเวลาเพียงการไปเช้าเย็นกลับ เช้าวันหนึ่งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ก็ได้เวลาออกเดินทางด้วยรถ Mazda 3รุ่นเก่า แต่ด้วยความอยากที่จะลองใช้ apple carplay ก็เลยต้องเสียเงินไปอัพเกรดมา มีหลายเส้นทางที่จะนำเราออกจากกรุงเทพไปปราจีนบุรีได้ แต่เส้นทางที่ผมเลือกมานั้น เป็นการใช้ทางด่วนขั้นที่ 1 ต่อด้วยทางด่วนสายบูรพาวิถี ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปยังแถวลาดกระบัง แผนแรกนั้นจะแวะตลาดร้อยปีนครเนื่องเขต แต่ดูแล้วเหลืออีกตั้งครึ่งทางไปกินเช้าวกลางวันดีกว่า หลังจากลงจากทางด่วนไม่นาน ผมก็จินตนาการเส้นทางไม่ถูกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ GPS พาไป รู้แต่ว่าเส้นทางนั้นผ่านแถวมีนบุรี เป็นถนนสองเลนสวนกันได้ เห็นทุ่งนาและมัสยิดมากมาย แทบไม่เชื่อว่ากรุงเทพนั้น ยังมีสิ่งนี้หลงเหลือยู่ เวลาถึงทางแยกเท่านั้นถึงจะมีเกาะกลางถนน พร้อมด้วยไฟส่องทางและสัญญาณไฟจราจร แดดที่ไม่ร้อนเกินไปนักอากาศที่กำลังเย็นสบาย ทำให้ผมสามารถย้อนนึกถึงไปในสมัยวัยเด็ก ที่จะได้ติดรถพ่อไปเที่ยว ถนนนั้นเป็นแบบนี้เลย ราวสองชั่วโมงก็ผ่านแถวบ้านสร้างไปชนถนนใหญ่ สาย 319 ที่เราต้องข้ามไปอีกฝั่ง ที่เป็นเขตเมืองปราจีนบุรี ที่หมายแรกในเวลาก่อนเที่ยงวันนี้ คือก๋วยเตี๋ยวสมุนไพรครูต้อ เราได้ชื่อนี้มาจากรายการเล่าเส้นเป็นเรื่อง ที่ในแต่ละตอนก็จะมีร้านอาหารที่ทำจากเส้นชื่อดัง ในแต่ละจังหวัดมาออกอากาศ รสชาติอร่อยใช้ได้ ไม่ผิดหวังที่ตามรอยรายการนี้มา
ท้องอิ่มก็ไปต่อได้ GPS พาเราไปในสถานที่แรก นั่นก็คือ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผมว่าใครไปใครมาจังหวัดปราจีนบุรี ก็คงต้องมาเที่ยวที่นี่ที่โด่งดังจากการผลิตยาสมุนไพร รถข้ามแม่น้ำมา และเลี้ยวขวาเข้าไปจอด อือ ในโรงพยาบาลจะหาที่จอดได้ไหมเนี่ย โชคดีที่พอมีอยู่ 1 คัน ลงจากรถกันเถอะ ปรากฏว่า มีป้ายปิดปรับปรุง มาแล้วก็อย่าคิดมาก ถ่ายแค่ภายนอกอาคารแล้วก็ไป อย่างน้อยก็ได้มาแล้วนี่นา ตึกนี้สร้างขึ้นโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ไม่ใช่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของตัวท่าน แต่เพื่อใช้เป็นที่ประทับรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เพราะท่านเห็นว่าพลับพลาชั่วคราวที่ใช้รับเสด็จ คราวเมื่อเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรีในปี พ.ศ. 2551 นั้นไม่สมพระเกียรติ พ.ศ.2452 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจึงได้ว่าจ้างให้ บริษัทโฮวาร์ดเออร์สกิน ออกแบบก่อสร้าง อาคาร 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยามุงด้วยกระเบื้องลอนเล็กที่สั่งมาจากฝรั่งเศส ตรงกลางหลังคามีโดมและที่ยอดโดมมีเครื่องบอกทิศทางลมรูปไก่ สถาปัตยกรรมแบบ Baroque ผสมกับลวดลายปูนปั้นแบบ Rococo แต่รัชกาลที่ 5 ก็ได้เสด็จสวรรคตลงเสียก่อนในปี 2453 แต่ก็ได้รับเสด็จและเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 6 ในอีกสองปีต่อมา พ.ศ. 2465 เจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ถึงแก่อสัญกรรมและได้ใช้ตึกหลังนี้ตั้งบำเพ็ญกุศล ต่อมาเมื่อตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ตกทอดมายังพระนางเจ้าสุวัทนาวรราชเทวี พระมเหสีของรัชกาลที่ 6 ในฐานะที่เป็นหลานปู่ พ.ศ.2480 พระนางเจ้าฯ จึงประทานที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้มณฑลทหารบกที่ 2 ปราจีนบุรี ให้จัดเป็นสถานพยาบาลทหารและประชาชน ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้เจรจา ขอตึกจากระทรวงกลาโหมเพื่อสร้างเป็นโรงพยาบาลปราจีนบุรี และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในที่สุด
Create Date : 17 กันยายน 2564 |
Last Update : 17 กันยายน 2564 15:42:08 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1127 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณอุ้มสี, คุณSertPhoto, คุณKavanich96, คุณtuk-tuk@korat, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5** |
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 17 กันยายน 2564 เวลา:16:56:19 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 17 กันยายน 2564 เวลา:17:42:27 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 17 กันยายน 2564 เวลา:19:51:35 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 กันยายน 2564 เวลา:23:14:05 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 กันยายน 2564 เวลา:20:38:00 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:10:46:21 น. |
|
|
|
โดย: นกสีเทา วันที่: 24 กันยายน 2564 เวลา:11:53:30 น. |
|
|
|
| |
เป็นฉาก วัง..บ้าน"มหศักดิ์"
ของฝั่งพระเอก ในละครช่อง 3 เรื่อง"วนิดา"
ด้วยค่ะ
หากจำไม่ผิด
งดงามๆมากๆ