Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
4 เมษายน 2554

ลพบุรี : วัดไลย์


จากนี้ไปเราจะออกนอกเมืองมุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย
เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้
โดยทิ้งเป้าหมายหลายแห่งไว้เบื้องหลัง เช่น วัดตองปุ

วัดสันเปาโล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในลพบุรีที่เล่าไปนั้น
ล้วนอยู่ใกล้กันแบบเดินถึงได้ ซึ่งหากคุณเป็นคนรักรถไฟ
มันง่ายมากที่จะมาถึงในตอนเช้าเที่ยวไปและกลับได้ในตอนเย็น
โดยไม่ต้องอาศัยรถยอนต์ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

เส้นทางที่ผมมุ่งหน้าไปนั้นต้องผ่านอำเภอท่าวุ้ง
ฉนั้นเราจะแวะพักซักสองวัดที่นี่เสียก่อน วัดแรกนั้นก็คือวัดไลย์
ตั้งอยู่ริมน้ำบางขาม เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
และมีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ



วิหาร

เป็นวิหารทรงยาวฐานรับตัวอาคารทำเป็นบัวคว่ำชั้นเดียว ไม่มีหน้าต่าง
แต่เจาะช่องลมที่ผนังทั้งสองข้าง ข้างละห้าช่อง แบบศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น

ด้านหน้าและด้านหลังของพระวิหารมีลายปูนปั้นสมัยอยุธยาตอนปลาย
เรื่องทศชาติ และเรื่องปฐมสมโพธิ ซึ่งนับว่าเป็นภาพประติมากรรมฝาผนัง
ขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญยิ่งชิ้นหนึ่งของชาติ ประดับอยู่ที่ผนังนอกวิหาร
เป็นลายปูนปั้นเต็มพื้นผนัง มีความงดงามและสภาพค่อนข้างสมบูรณ์

ด้านนอกของผนังสกัดหน้าเป็นเรื่องทศชาติชาดกแต่ละเรื่องเป็นฉากเดียว
ปั้นไว้ภายในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรียงกัน
พื้นที่ระหว่างกรอบตรงส่วนกลางปั้นเรื่องพุทธประวัติ
ตอนพระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์

ประตูของผนังสกัดถัดเข้าไปในอาคาร เป็นงานปูนปั้นประดับหน้าบัน
ตอนเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์

ด้านนอกของผนังสกัดด้านหลังเป็นเรื่องมโหสถชาดก ฉากสงคราม 101 ทัพ
นอกจากผนังหลักแล้วลวดลายประดับกรอบเสา ยังเป็นลวดลายที่งดงาม น่าชม

ภายในวิหารมีพระประธานขนาดใหญ่ปางสมาธิในซุ้มเรือนแก้ว
ศิลปะอู่ทองสังเกตได้จากพระพักตร์เป็นรูปไข่ แต่ดูเข้มแข็งบึกบึน
มีไรพระศก และชายสังฆาฏิตัดตรง เดิมองค์พระเป็นหินทรายแดง
แต่ปัจจุบันมีการพอกปูนและลงรักปิดทอง



วิหารพระศรีอาริย์

ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่งประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก คือพระศรีอาริย์
โดยมีตำนานเล่าเกี่ยวกับพระศรีอาริย์นี้ว่า ชายแก่คนหนึ่งชื่อว่ามณฑา
หมั่นทำบุญรักษาศีลภาวนาอยู่เป็นนิจ เพื่อจะได้มีอายุยืนให้ถึง
สมัยพระศรีอาริย์มาโปรดโลกมนุษย์ ก่อนจะตายแกได้สั่งญาติไว้ว่า
ให้เอาศพแกไว้7วันแล้วค่อยเผา

ด้วยบุญกุศลที่แกสร้างสมไว้ พระอินทร์จึงเป็นผู้มารับวิญญาณ
และแจ้งว่าพระศรีอาริย์มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วและบวชเป็นพระอยู่วัดไลย์
แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร พระอินทร์จึงมอบดอกบัวหนึ่งดอกแก่เฒ่ามณฑา
เพื่อนำไปกราบพระศรีอาริย์ แล้วส่งวิญญาณแกกลับสู่ร่าง

เฒ่ามณฑาฟื้นขึ้นมาแล้วเล่าเรื่องไปพบพระอินทร์ให้ญาติพี่น้องฟัง
และรีบไปวัดไลย์ เมื่อไปถึงพระกำลังสวดปาฏิโมกข์อยู่ในโบสถ์
แกจึงนั่งรออยู่ที่บันไดโบสถ์พร้อมกับพนมมือชูดอกบัวขึ้นถวาย
พระได้เดินออกจากโบสถ์ทีละรูป แต่ไม่มีพระองค์ใดรับดอกบัวเลย
เนื่องจากพระมองไม่เห็นดอกบัว เห็นเพียงเฒ่ามณฑานั่งพนมมืออยู่

เมื่อพระออกจากโบสถ์จนหมดแล้ว เฒ่ามณฑาจึงถามเณรว่า
พระวัดนี้หมดแล้วหรือ เณรบอกว่ายังมีอีกรูปหนึ่งชื่อพระศรี
วันนี้อาพาธไม่ได้ลงโบสถ์ แกจึงรีบไปหาพระศรีที่กุฏิเพื่อถวายดอกบัว
พระศรีเห็นดอกบัวก็รีบลุกขึ้นรับ เฒ่ามนฑารู้ทันทีว่าเป็นพระศรีอาริย์
ยังความปลาบปลื้มปิติให้แก่เฒ่ามณฑาเป็นอย่างยิ่ง จึงขออยู่รับใช้พระศรีอาริย์



โดยพระศรีอาริย์ไม่ให้แกเล่าเรื่องที่พระศรีอาริย์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์
และบวชเป็นพระอยู่วัดไลย์ให้แกรู้ อยู่ต่อมาพระศรีย์ก็ถึงแก่มรณะภาพ
พระภิกษุสามเณรและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจึงร่วมกันหล่อรูปพระศรีอาริย์
แต่ทำอย่างไรก็ไม่เสร็จ พระอินทร์จึงแอบมาหล่อให้ในเวลาเพลที่ภิษุสามเณรไปฉันเพล
เมื่อกลับจากฉันเพลก็เห็นรูปหล่อพระศรีอาริย์เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นที่อัศจรรย์

ตามตำนานว่าหล่อขึ้นแทนองค์พระศรีอาริยเมตไตรองค์เดิม
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ที่อยู่ในวิหารที่ถูกไฟใหม้
ต่อมาในรัชกาลที่ 5 จึงโปรดฯ ให้อัญเชิญลงมาปฏิสังขรณ์ในกรุงเทพ

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ซ่อมสร้างขึ้นใหม่
แล้วคืนกลับไปประดิษฐานอย่างเดิม เป็นการหล่อแบบพุทธสาวก
ศีรษะโล้น ไม่มีเปลวรัศมี ลักษณะคล้ายมนุษย์สามัญ
นั่งขัดสมาธิคล้ายปางมารวิชัย ศิลปะรัตนโกสินทร์ ทำจากสำริดลงรักปิดทอง

ถึงเทศกาลราษฎรยังเชิญออกแห่เป็นประเพณี ในวันขึ้น 14 คํ่าเดือน 6
โดยทางวัดไลย์จะอัญเชิญรูปหล่อประดิษฐานบนแท่นตะเฆ่
แล้วประชาชนร่วมกันชักลากตะเฆ่ ตลอดทางที่ชักพระผ่าน
จะมีประชาชนตั้งโรงทาน และมีจุดหยุดเพื่อให้ประชาชนได้สรงนํ้า
ซึ่งเป็นประเพณีที่มีผู้หลั่งไหลเข้าร่วมเป็นจำนวนมากทุกปี
ปัจจุบันทางวัดได้ก่อสร้างวิหาร สำหรับประดิษฐานพระศรีอาริย์ขึ้นใหม่

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุและข้าวของเครื่องใช้
ที่ชาวบ้านนำมาถวายและเปิดให้ชมไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา



Create Date : 04 เมษายน 2554
Last Update : 4 เมษายน 2554 13:36:29 น. 2 comments
Counter : 3992 Pageviews.  

 
โอ้..ถ้าวัดนี้นี่ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ไม่เคยได้ยินชื่อด้วยอ้ะ

หุๆ ต่อให้ไม่เป็นหนอน ถ้าได้ลองไปเดินงานหนังสือ เราว่าโอกาสไม่เสียตังค์นี่น้อยมากๆ ค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:12:07:14 น.  

 

อุ้มนึกภาพวัดสันเปาโลออกเลยค่ะ
เพราะเป็นการทำงานออก OUTDOOR
ออกตจว.ครั้งแรกในชีวิต
แต่อย่าถามว่ากี่ปีมาแล้ว 555
ส่วนวัดไลย์ผ่านค่ะไม่เคยได้เข้าไปเลยล่ะ
แวะมาสักการะที่นี่ละกันเน๊าะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:23:14:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]