BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : กรุงเทพมหานคร : วัดสุวรรณาราม

กรุงเทพมหานคร : วัดสุวรรณาราม

วัดสุวรรณารามเดิมชื่อวัดทองมีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
สมัยกรุงธนบุรีคราวพม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิษณุโลก พระเจ้าตากสินมหาราช
จะยกกองทัพไปช่วยจึงโปรดให้ถามเชลยศึกพม่าที่จับมาได้จากค่ายบางแก้วว่า
จะสมัครใจไปช่วยรบพม่าด้วยหรือไม่ แต่เชลยศึกพม่าตอบปฏิเสธ

“มันไม่ภักดีเราโดยแท้ ยังนับถือเจ้านายมันอยู่และเราจะยกไปทำสงคราม
ผู้คนอยู่รักษาบ้านเมืองน้อยพวกมันมาก จะแหกคุกออกไปทำแก่จลาจลข้างหลัง
จะเอาไว้มิได้ จึงดำรัสให้เอาไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดทอง คลองบางกอกน้อย ทั้งสิ้น”

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯโปรดให้รื้อวัดทองเสีย แล้วสถาปนาใหม่
ทั่วทั้งพระอารามสร้างพระอุโบสถ เก๋งด้านหน้าวิหาร กำแพงแก้ว และอื่น ๆ
เมื่อสถาปนาแล้วเสร็จจึงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสุวรรณาราม

สมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงพระราชศรัทธาสร้างเครื่องป่าช้าขึ้น
วัดสุวรรณารามจึงเป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีปลงศพเป็นสำคัญทั้งพระศพเจ้านาย
ที่มิได้เป็นชั้นที่ต้องมีการสร้างพระเมรุที่ท้องสนามหลวงและรวมถึงขุนนางผู้ใหญ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดที่ศาลาท่าน้ำจะมีการลงยันต์หลังคาให้เห็นเป็นจุดสังเกต

ภายในวัดมีพระวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งช่อฟ้าใบระกาประดับ
ด้วยกระจก และหน้าบันจำหลักลายรูปเทพนม ด้านข้างเป็นหอระฆังร่วมสมัย
รายรอบสองข้างทางด้วยหมู่กุฏิสงฆ์ที่เป็นเรือนไม้ฝาปะกนเก่าแก่และงดงาม
แต่พระอุโบสถน่าจะถูกบูรณะก่อนหน้านั้น ด้วยมีจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อ

ภายในพระอุโบสถมีหลวงพ่อศาสดาประดิษฐานเป็นพระประธาน
เสียดายช่วงที่ผมไปในราวเดือนพฤศจิกายน 2554 มีการคลุมผ้าน่าจะบูรณะ
หนังสือประวัติวัดสุวรรณารามกล่าวว่า พระศาสดาองค์นี้ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง
และสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่ารัชกาลที่ 1 คงจะทรงหล่อขึ้นเพื่อเป็นพระประธาน
แต่ในยุคสมัยนั้นเป็นช่วงการตั้งกรุง ไม่น่าจะมีกำลังพอที่จะหล่อพระขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
และพระประธานในพระอุโบสถส่วนใหญ่ยังอัญเชิญมาจากหังเมืองเสียเป็นส่วนมา

อาจจะเป็นเหตุผลว่าพระนครใหม่ไร้ซึ่งมนต์ขลัง จึงจำต้องสร้างประวัติศาสตร์
โดยรวบรวมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คงถูกทิ้งร้างมาแต่สมัยคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
เข้ามาทำนุบำรุงรักษาในพระนคร สอดคลอ้งกับความเห็นของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พิจารณาจากลักษณะแล้วเห็นว่าเป็นฝีมือเดียวกับช่างที่หล่อพระศรีศากยมุนี
ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย จึงทรงเห็นว่าคงจะเชิญพระศาสดามาในคราวเดียวกัน

ชาวบ้านให้ความศรัทธาหลวงพ่อศาสดากันมาก คนมาบนบานศาลกล่าวเรื่อง
ของการงานและการค้าขาย เมื่อสำเร็จผลได้ฝันว่า มีพราหมณ์ท่านหนึ่งมาบอกว่า
ให้แก้บนด้วยการวิ่งม้า ต่อมาก็ใช้คนวิ่งและมีผ้าขาวม้าเป็นสัญลักษณ์แทนเท่านั้น
มีเรื่องเล่าอีกว่า มีคนมาวิ่งม้าแก้บน แต่แกล้งวิ่งม้าหลอกๆ ไม่ยอมวิ่งจริงๆ
ทันใดนั้นได้มีมือขนาดยักษ์มาเขกหัว ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไม่มีใครเลย

การแก้บนจะทำที่ใบเสมาแรกทางด้านหน้าของพระอุโบสถ ก่อนที่จะทำการวิ่งม้าแก้บน
จะต้องนำผ้าขาว ม้ามาวางหน้าใบเสมาและต้องขมวดปมให้เรียบร้อย
ในการวิ่งม้าแก้บน จะต้องวิ่ง 3 รอบขึ้นไป และต้องร้องเสียงม้าไปพร้อมกันด้วย
เมื่อวิ่งเสร็จนำผ้าขาวม้ามาวางกับพื้นตรงหน้าใบเสมาใบแรกแล้วกราบลา เป็นอันเสร็จพิธี

ในเทศกาลลอยกระทงชาวบ้านบุซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันประเพณีเวียนกระทง
ในเวลาห้าโมงเย็นชาวบ้านจะนำกระทงมาที่วัดสุวรรณารามเพื่อทำพิธีสวดมนต์
โดยจะมีพระมานำสวดสวดพุทธชัยมงคลคาถาที่พระอุโบสถ
จากนั้นชาวบ้านเดินถือกระทงเวียนรอบพระอุโบสถสามรอบเพื่อเป็นการบูชาพระจุฬามณี

ในขบวนเวียนกระทงนั้นก็จะมีการควงกระบองไฟเดินนำขบวน
มีขบวนกลองยาวและมีชาวบ้านมาร่ายรำในขบวนเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน
เมื่อเวียนครบสามรอบแล้วจึงนำกระทงไปลอยในคลองบางกอกน้อย
แต่ผมไปในวันออกพรรษา เลยไม่ได้เห็นอะไร ปีนี้อาจจะแวะไปซักหน

Create Date : 10 กันยายน 2555

Last Update : 12 กันยายน 2555 14:13:12 น.

4 comments

Counter : 2764 Pageviews.

มาชมด้วยค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 11 กันยายน 2555 เวลา:16:47:55 น.

มาแล้ว แต่ จะมาอ่านละเอียดใหม่ค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 11 กันยายน 2555 เวลา:21:48:53 น.

โดนเขกหัวด้วย

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 12 กันยายน 2555 เวลา:14:10:40 น.

ย้อนกลับมาอ่านตอนแรกก่อน ใกล้ตัวเข้ามาทุกที ครั้งก่อนรถไฟ คราวนี้วัดที่ให้พื้นที่โรงเรียนเราเลทั้ง ร.ร ประถม และมัธยม เห็นรูปศาลาท่าน้ำแล้วจี๊ดๆ เพราะเคยจมน้ำเกือบตายโชคดีที่ครูช่วยรอดมาได้. ไว้จะอ่านตอนต่อไปค่ะ

โดย: lukta

วันที่: 5 ตุลาคม 2555 เวลา:6:25:33 น.