Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
22 กันยายน 2557

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (22)

14504913582_da773a858d_b


23. พระนางยโสธราบวชเป็นภิกษุณี ครั้นพระชนมายุ 78 พรรษาเสด็จนิพพาน
พระนางมาคัณฑิยา พระมเหสีพระเจ้าอุเทนแห่งโกสัมภีด่าทอบริภาษพระพุทธองค์
พระองค์ทรงอดกลั้น


ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พระนางยโสธราทรงเกิดความเศร้าโศกยิ่งนัก
ได้ทรงละเว้นการตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับนานาประการ
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติ

ในวันแรกพระนางมิได้ทรงออกไปถวายการต้อนรับ
ในวันที่สองขณะที่พระพุทธองค์เสด็จออกทรงรับบาตร
พระนางทรงชี้ให้พระราหุลได้ทอดพระเนตรพระบิดาของพระองค์

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับภัตตาหารในพระราชวังเสร็จ
ก็เสด็จไปโปรดพระนางในพระตำหนัก เมื่อพบกันพระนางก็เข้ามากอดพระบาท
ร่ำไห้รำพันอย่างน่าสงสาร พระพุทธองค์ก็ทรงเทศนาให้พระนางดำรงพระสติไว้

พระนางยโสธราประทับอยู่ในตำหนักอย่างเงียบเหงาต่อมาอีกสามปี
พระเจ้าสุทโธทนะก็สวรรคต หลังจัดงานพระบรมศพแล้ว
พระนางโคตรมี พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะก็พามาตุคาม 500
เสด็จตามพระศาสดาไปจนได้พุทธานุญาตให้บรรพชาเป็นภิกษุณี

พระราชนิเวศน์ที่เงียบเหงาอยู่แล้วบัดนี้จึงเงียบเหงาหนักยิ่งขึ้น
พระนางยโสธราดำริว่าพระสวามีเราบวชเป็นพระพุทธเจ้า
โอรสเราก็บวช พระมาตุจฉาก็บวช นางสนมของพระเจ้าสุทโธทนะก็บวช
ในพระราชวังแห่งนี้มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้อาลัยอีก

พระนางจึงชวนนางสนม 1100 คน ออกบรรพชาเป็นภิกษุณี
ในสำนักของพระโคตมีเถรี พระนามว่า พระภัททากัจจานาเถรี
ต่อมารับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้าและเจริญวิปัสสนายังไม่ทันถึง 15 วัน
ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์

เมื่อมีพระชนมายุได้ 78 พรรษา พระภัททากัจจานาเถรีนิพพาน
ในพรรษาที่ 43 หลังจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือ 2 ปี ก่อนที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพานในพรรษาที่ 45


ภาพด้านขวาเป็นพระโกศมีเทวดามาชุมนุม
ถ่ายไม่ได้เนื่องจากถอยไปจะติดกับต้นไม้เงินต้นไม้ทอง


IMG_1049

บนสุด นางขุธชุตตราฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า


หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงได้มีโอกาสแสดงธรรม
แก่บิดาและมารดาของนางมาคัณฑิยา เมื่อทั้งสองเห็นลักษณะของพระพุทธเจ้า
รู้ได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญ จึงประสงค์จะยกลูกสาวที่มีรูปโฉมงดงาม
ขนาดมีผู้ชายมากมายทั่วทั้งเมืองมาสู่ขอให้เป็นภรรยาพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบว่า อย่ายกลูกสาวให้พระองค์เลย
เพราะแม้แต่ปลายเล็บ พระองค์ก็ไม่พึ่งประสงค์ที่จะมอง
นางคัณฑิยาได้ฟังจึงโกรธแค้นและผูกอาฆาตมาตั้งแต่นั้น

หลังจากนั้นนางคัณฑิยาก็ได้มาอาศัยอยู่กับน้าในกรุงโกสัมพี
น้านั้นเห็นว่านางคัณฑิยามีรูปสดสวยสมควรแก่พระราชา
จึงถวายนางคัณฑิยาให้กับพระเจ้าอุเทน และด้วยความหลงในรูป
พระเจ้าอุเทนจึงแต่งตั้งให้เป็นมเหสีองค์หนึ่ง

วันหนึ่งนางคัณฑิยาได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมายังเมืองโกสัมพี
เมื่อพระพุทธองค์เข้าไปในเมืองทรงถูกเหล่าชนมิจฉาทิฏฐิซึ่งได้รับสินจ้าง
จากพระนางมาคัณฑิยาติดตามด่าว่าเยาะเย้ยด้วยประการต่างๆ
จนพระอานนท์ทนฟังไม่ไหว ได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า

ควรจะเสด็จหนีไปเมืองอื่นเสีย แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเห็นด้วยทรงตรัสว่า
เรื่องเกิดขึ้นที่ไหนก็ควรทำให้สงบ ณ ที่นั้นเสียก่อน จึงค่อยไปที่อื่น
พระพุทธองค์ ก็ทรงตั้งพระทัยที่จะอยู่เพื่อแสดงพระธรรมต่อไป



IMG_1050


ตอนกลาง นางคัณฑิยาจ้างมิจฉาทิฏฐิไปเยาะเย้ยพระพุทธเจ้า

พระนางสามาวดี มเหสีอีกองค์พระเจ้าอุเทนมีข้าทาสอยู่คนหนึ่ง
ชื่อนางขุธชุตตรา เป็นคนที่ต้องไปจัดซื้อดอกมะลิให้กับพระนาง
แต่ชอบจะแอบยักยอกเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้

วันหนึ่งคนขายดอกมะลิชวนนางขุธชุตตราทำบุญกับพระพุทธเจ้า
นางจึงอยู่ถวายทานแก่พระพุทธเจ้า และฟังธรรมจนบรรลุเป็นโสดาบัน
และเมื่อจะกลับไปในวัง ก็ต้องซื้อดอกมะลิกลับไปด้วย
แต่คราวนี้นางละอายใจจึงซื้อดอกมะลิเต็มจำนวนแทนที่จะยักยอกเงินไว้

พระนางสามาวดีก็เห็นมีดอกมะลิมากกว่าปกติ จึงถามนางขุธชุตตราว่า
ทำไม่วันนี้มีดอกมะลิมากกว่าปกติ นางก็บอกตามความเป็นจริงว่า
วันนี้นางมีความละอายตัวเองที่เคยแอบยักยอกเงินค่าดอกมะลิไว้

พระนางสามาวดีจึงถามว่า ทำไมจึงมีความละอาย นางตอบว่า
ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามา ด้วยธรรมนั้นนางจึงเกิดความละอายต่อบาป

พระนางสามาวดีมีความสนใจจึงกล่าวว่า ให้เล่าธรรมะที่พระพุทธเจ้าแสดง
นางจึงขอให้พระนางจัดสถานที่ให้เหมาะกับการกล่าวธรรม
ส่วนข้าทาสบริวารถ้าประสงค์ฟังธรรมก็ให้มาประชุมรวมกันทั้ง 500 คน

หลังจากนางขุธชุตตราก็แสดงธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้จบ
พระนางสามาวดีและเหล่าบริวารทั้งหลายก็บรรลุเป็นพระโสดาบันทั้งหมด
พระนางสามาวดี จึงตั้งให้นางขุธชุตตราทำหน้าที่ไปเข้าเฝ้าพุทธเจ้า
เพื่อฟังพระธรรมที่แสดงทั้งหมด แล้วกลับมาถ่ายทอดกับพวกเขาเหล่านั้น

เมื่อนางมาคัณฑิยาเห็นพระนางสามาวดีและบริวารมีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า
นางจึงมีความอาฆาตพระนางสามาวดี เพราะไปบูชากับบุคคลที่นางเกลียด
นางมาคันทียาจึงหาเรื่องใส่ร้ายพระนางสามาวดีโดยเอางูเห่าใส่ตะกร้า
แล้วนำไปแอบวางไว้ที่ห้องของพระนางสามาวดี

เมื่อพระเจ้าอุเทนเห็นงูออกมาจากตะกร้าก็ตกใจกลัว
นางมาคัณฑิยาจึงทูลยุยงว่า พระนางสามาวดี หวังจะปรงพระชนม์
พระเจ้าอุเทนจึงสั่งจับพระนางสามาวดีไปประหาร

พระนางสามาวดีแผ่เมตตาแก่พระเจ้าอุเทน
พระเจ้าอุเทนทรงยกศรขึ้นง้างเพื่อยิงลูกธนูอาบยาพิษไปยังพระนาสามาวดี
แต่ปรากฏว่าไม่สามารถง้างหรือปล่อยธนูไปได้ค้างเกร็งสั่นอยู่อย่างนั้น

จนพระเจ้าอุเทนเกิดความกลัว ต้องเอ่ยปากขอให้พระนางสามาวดียกโทษให้
พระนางสามาวดีจึงเข้ามาใกล้พระเจ้าอุเทน แล้วจึงกล่าวยกโทษให้
พระเจ้าอุเทนจึงขยับตัวเองและลดธนูลงได้


IMG_1051

ตอนล่าง นางขุธชุตตราตักบาตร และตอนแสดงธรรม


พระนางสามาวดีจึงพาพระเจ้าอุเทนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เมื่อได้ฟังธรรมพระองค์ก็มีความศรัทธาแสดงตนเป็นอุบาสก
นางมาคัณฑิยาจึงไม่สามารถปลงพระชนม์พระนางสามาวดีได้
ต่อมานางก็ได้โอกาสอีกครั้งเมื่อพระนางสามาวดีสร้างปราสาทหลังใหม่

นางมาคัณฑิยาจึงให้น้าและเหล่าญาติพร้อมทั้งนักเลงที่จ้างมาปิดประตู
ไม่ให้ออกมาได้ แล้วทำการวางเพลิงเผาปราสาทนั้นในเวลากลางคืน
พระนางสามาวดีและเหล่าบริวารจึงถูกไฟเผาจนสิ้นชีพ

เมื่อพระเจ้าอุเทนได้ทราบก็บังเกิดความเสียใจและเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่ง
เพราะพระนางสามาวดีทำให้พระองค์เกิดศรัทธาในพุทธธรรม
แต่ต้องข่มใจไว้เพื่อหาผู้ที่วางเพลิง พระเจ้าอุเทนจึงประกาศออกไปว่า
ผู้ใดที่วางเพลิงปลงพระชนม์พระนางสามาวดีจะได้รับรางวัล

เพราะพระนางสามาวดีได้ลอบปลงพระชนม์พระองค์มาหลายครั้ง
นางคันทียาพอได้ทราบดังนั้นจึงกล่าวว่า นางและญาติช่วยกันวางเพลิง
พระเจ้าอุเทนจึงให้พระนางมาคัณฑิยารวบรวมญาติและนักเลง
มาเฝ้าพระองค์ แล้วพระเจ้าอุเทนก็จับทั้งหมดไว้ แล้วสั่งประหาร



1. ฉากนี้เป็นตอนต้นเรื่อง แต่ตอนสำคัญคือเผาปราสาท พบที่วัดดาวดึงษาราม
อยู่ด้านนอกที่ยังไม่โดนซ่อม ฝีมืองดงามร่วมสมัยกับวัดในแถบเดียวกัน

2. ไม่มีหลักฐานว่า นางข้าหลวงในสมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์เป็นหญิงค่อม
แต่พบว่าฉากมโหสถในหลายวัดมีตอนชักรอกเตี้ยค่อม ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้

3. ฉากขุนนางที่เข้าเฝ้าพระเจ้าอุเทนยังคงสวมหมวกลอมพอก
แบบภาพที่เราคุ้นตาที่ฝรั่งได้วาดไว้ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์



Create Date : 22 กันยายน 2557
Last Update : 22 กันยายน 2557 14:26:03 น. 3 comments
Counter : 2432 Pageviews.  

 
เดี๋ยวหนูมาเก็บอีกรอบตั้งแต่ตอนที่ 19 มังคะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ปลาทอง สมองน้อย Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 กันยายน 2557 เวลา:19:37:43 น.  

 
แสดงว่าน่าจะมีนะคะ หลังค่อม


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2557 เวลา:20:20:18 น.  

 
คงจะมีอีกหลายวัดที่น่าไปแน่เลยค่ะ แต่ไม่ใช่วัดดังเนียสิคะ แทบไม่รู้ข้อมูลเลย




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 กันยายน 2557 เวลา:18:29:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]