Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
19 กันยายน 2557

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (21)


IMG_1045


พระราชาอาฬวกะผู้ครองกรุงอาฬวีโปรดปรานเกมกีฬาการล่าเนื้อ
วันหนึ่งได้พาเหล่าข้าราชบริพารเข้าไปในป่าเพื่อล่าเนื้อ
พระองค์ยิงศรไปโดนเนื้อสิ้นชีพลง จึงแบกเนื้อกลับมายังที่พัก

ระหว่างทางด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงเข้าไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ต้นไม้นั้นเป็นถิ่นของอาฬวกยักษ์ผู้ได้รับพรจากท้าวเวสสุวัณว่า
ถ้าผู้ใดมาพักอยู่ใต้ต้นไม้นี้ อาฬวกยักษ์มีสิทธิ์จับกินได้
ยักษ์จึงออกมาแล้วกล่าวกับพระราชาว่า เราจะกินท่านเป็นอาหาร

พระราชาต่อรองว่า ถ้าปล่อยไปพระองค์จะส่งมนุษย์มาให้กินเป็นอาหารทุกวัน
เมื่อเสด็จกลับมาถึงพระนครพระราชาจึงออกอุบายว่า
ถ้านักโทษคนใดนำถาดภัตตาหารไปให้เทวดาใต้ต้นไม้
เมื่อกลับมาจะได้รับอภัยโทษ จนนักโทษถูกส่งไปให้ยักษ์กินจนหมดเรือนจำ

เมื่อไม่มีนักโทษ พระราชาก็ออกอุบายให้อำมาตย์นำเงินจำนวนพันชั่งใส่ถุง
แล้วนำไปทิ้งไว้กลางทาง ถ้าผู้ใดเก็บขึ้นมาก็ให้จับตัว แล้วส่งไปให้ยักษ์กิน
แรก ๆ ก็มีคนหลงกลอุบายเก็บถุงนั้น จึงถูกพาไปให้ยักษ์กิน จนเกิดข่าวลือว่า
ผู้ใดเก็บไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก จึงไม่มีใครกล้าเก็บเงินในถุงอีกต่อไป

อำมาตย์ให้คำปรึกษาว่า ให้จับเอาเด็กเล็กๆ ซึ่งยังไม่รู้เดียงสาไปให้ยักษ์กิน
พอชาวเมืองทราบข่าวก็พาลูกของตนหนีไปอยู่เมืองอื่น จึงไม่มีเด็กเหลืออีก
เว้นแต่พระราชาโอรสของพระองค์เอง ด้วยความรักชีวิตของตนเอง
พระองค์จึงให้ทหารนำพระโอรสไปให้อาฬวกยักษ์กิน

IMG_1041

ด้วยพระญาณอันประมาณมิได้ของพระพุทธเจ้าโคดมทรงเห็นว่า
ถึงเวลาที่พระราชาอาฬวกะ และอาฬวกยักษ์จะถึงกาลบรรลุธรรมแล้ว
ในวันนั้นอาฬวกยักษ์ต้องออกจากวิมานเข้าไปประชุมที่สภา
พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปประทับนั่งนะบัลลังค์ของอาฬวกยักษ์

ในเวลานั้นมียักษ์สองตนชื่อ สาตาครียักษ์ และเหมวตยักษ์เหาะผ่านมา
ยักษ์ทั้งสองก็ดีใจแทนอาฬวกยักษ์ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาหาถึงวิมาน
จึงรีบเหาะนำความไปบอกแก่อาฬวกยักษ์ที่สภา
อาฬวกยักษ์ไม่สามารถระงับโทสะเอาไว้ได้ จึงเหาะกลับมายังวิมานของตน

อาฬวกยักษ์เหยียบภูเขาไกลาสพังลงเป็นหินใหญ่กลิ้งเข้าไปหาพระพุทธเจ้า
แต่พอหินเข้าใกล้พระพุทธเจ้าก็กลับกลายสภาพไปเป็นดอกไม้หอมแทน
ยักษ์เนรมิตฝนลูกไฟไปยังพระพุทธเจ้า ลูกไฟก็แปลสภาพไปเป็นดอกไม้หอม
สั่งให้ภูตผีเข้าไปเอาชีวิตพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้พระพุทธเจ้าได้

ทำเช่นนี้ไปถึงครึ่งคืนก็ไม่สามารถทำร้ายพระพุทธเจ้าได้
อาฬวกยักษ์จึงปล่อยอาวุธประจำตนที่ใครก็ไม่สามารถเอาชนะได้
อันเป็นหนึ่งในสี่อาวุธที่ทรงอานุภาพในสามโลก ได้แก่ วชิราวุธของท้าวสักกะ
คทาวุธของท้าวเวสวัณ นยนาวุธของพระยายม และทุสสาวุธของอาฬวกยักษ์

แต่เมื่อพุ่งทุสสาวุธใส่พระพุทธองค์ก็กลับกลายไปเป็นผ้าเช็ดพระบาท
พระองค์ทรงประทับนั่งบนบัลลังค์นั้นไม่หวั่นไหวแต่ประการใด
เวลาใกล้รุ่งอาฬวกยักษ์ก็หมดมานะ หายตัวไปโผล่เบื้องหน้าพระพุทธเจ้า
แล้วทูลขอพระพุทธเจ้าไทรงออกจากบัลลังค์ของตนด้วยคำอ่อนโยน

พระพุทธเจ้าได้ลุกขึ้นตามคำทูลเชิญ อาฬวกยักษ์ก็แปลกใจว่าแค่คำพูดไพเราะ
พระพุทธเจ้าก็เสด็จออกมาจากบัลลังค์ จึงคิดว่าพระพุทธเจ้ามีความโกรธอยู่หรือไม่
ถ้ามีเราจะจับกินซะ จึงขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับนั่งเหมือนเดิม
พระองค์เสด็จลุกขึ้นและนั่งบนบัลลังค์ตามคำเชิญของอาฬวกยักษ์ถึงสามครั้ง

IMG_1044


ในครั้งที่สี่พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่า ถ้าไม่ทรงกระทำตามคำทูลเชิญ
อาฬวกยักษ์ก็จะถามปัญหาแก่พระองค์ จึงทรงไม่กระทำตามคำทูลเชิญ
แล้วตรัสว่า ถ้าท่านประสงค์จะถามคำถาม ก็จงถามเถิด

ในอดีตอาฬวกยักษ์เคยได้เรียนคำถาม 8 ข้อจากบิดามารดา
ซึ่งเรียนมาจากพระพุทธกัสสปะ หรือพระพุทธเจ้าในอดีต
แต่ตอนนั้นยังเยาว์วัยจึงจำคำตอบไม่ได้ไป
แต่ก็ได้อธิษฐานขอให้คำถามทั้งหมดนั้นติดอยู่ที่ผนังของวิมาน

เวลาผ่านไปอาฬวกยักษ์นำคำถามนี้ไปถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย
แต่จะแกล้งทำหน้าตาให้น่าสะพรึงกลัว ให้ผู้ถูกถามไม่มีสมาธิ
เมื่อตอบคำถามไม่ได้ก็จับที่ข้อเท้าแล้วเหวี่ยงข้ามไปอีกฟากของแม่น้ำคงคา
อาฬวกยักษ์คิดจะทำเช่นที่ผ่านมาจึงทูลถามปัญหา ทั้ง 8 ข้อ

พระพุทธเจ้าตรัสคาถา เช่นเดียวกับอดีตพระพุทธเจ้าเคยตอบไว้
ครั้นตรัสคาถานี้แล้ว ในที่สุดอาฬวกยักษ์ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล.
พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า พระราชกุมารนี้ถูกนำมาเพื่อพลีกรรมแก่ท่าน
เชิญท่านจงเคี้ยว จงกินพระราชกุมารนี้ หรือจงทำตามใจชอบเถิด

อาฬวกยักษ์นั้นละอายแล้วเพราะค่าที่ตนเป็นพระโสดาบัน
และถูกกล่าวอย่างนี้ข้างหน้าพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยพิเศษ
จึงรับพระกุมารนั้นด้วยมือทั้งสองน้อมถวายแด่พระพุทธเจ้าว่า
ข้าพระองค์ขอถวายพระกุมารนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า



Create Date : 19 กันยายน 2557
Last Update : 22 กันยายน 2557 9:35:02 น. 3 comments
Counter : 3017 Pageviews.  

 
โหวตหมวดความรู้ให้ค่าา

เมื่อก่อนร้านนี้มีริบอายส์ด้วยเหรอคะ ความรู้ใหม่นะนี่


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 กันยายน 2557 เวลา:10:36:36 น.  

 
เพื่อให้ตนอยู่คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
ไม่เคยล้าสมัยเลย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 19 กันยายน 2557 เวลา:20:09:41 น.  

 
หนูงงตอนท้ายค่ะ พระกุมารคือใครคะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 กันยายน 2557 เวลา:18:22:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]