ปลายรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาอำภา ซึ่งเป็นเจ้าจอมในสมัยรัชกาลที่ 2 พร้อมด้วยกรมหมื่นภูบาลกรมขุนวรจักรกรีได้เสด็จมาบูรณะวัด ซึ่งกำลังทรุดโทรมและทรงเห็นว่า ต้นหมากก็หมดไปแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดเสาธงทอง
ภายในพระอุโบสถกำลังปิดทองพระประธาน ดูดาวเพดานไปพลางก่อนๆ
ทางทิศตะวันตกของโบสถ์มีเจดีย์ย่อมุมสิบสองแสดงว่าวัดนี้ถูกบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3
ทางทิศตะวันออกมีเจดีย์ทรงระฆังแสดงว่าการบูรณะยาวนานมาจนกระทั่งรัชกาลที่ 4-5
มีต้นยางนาขนาดใหญ่ ใต้ร่มไม้นั้นมีเจดีย์ทรงประหลาดแปลกตา คนชอบมาถ่ายรูป
เรียกว่าเจดีย์ทรงกลีบมะเฟืองซึ่งไม่พบที่อื่น และยังไม่มีใครรู้ว่าแนวคิดมาจากไหน
เดาว่าช่างก็อาจทำเลียนแบบอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นภาชนะก็เป็นได้
แต่ในทางประวัติศาสตร์ศิลป์เราใช้เรียกชื่อเจดีย์จำนวนหนึ่งพบที่วัดมหาธาตุลพบุรี
วัดมหาธาตุ สรรคบุรีที่มีการผสมผสานระหว่างเจดีย์ทรงลังกากับพระปรางค์แบบขอม
ทำให้เกิดศิลปะเฉพาะกับกลุ่มเจดีย์ที่มีไม่เกิน 5 องค์นี้ว่า เจดีย์ทรงกลีบมะเฟือง
ลพบุรี : วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
สรรคบุรี : วัดมหาธาตุ
แม้มอญจะได้รับอิสรภาพหลังกุบไลข่านตีเมืองพุกามแตก
แต่ก็ตกอยู่ในสภาวะเป็นรัฐเล็กๆ ตามปากแม่น้ำ
พ.ศ. 1927พระเจ้าราชาธิราชได้เอาชนะแคว้นต่างๆ และสถาปนากรุงหงสาวดี
หลังเมืองพุกามแตก ชาวพม่าส่วนใหญ่ก็ถอยมารวมกันที่เมืองอังวะ
เมื่อมอญก้าวมีอำนาจ พม่าเริ่มสงครามโดยการการนำของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
ต่อมาพระเจ้าราชาธิราชก็ยกทัพไปตีเมืองอังวะเป็นการตอบแทน
สงครามในช่วงเวลา 40 ปี ระหว่างหงสาวดีและอังวะถูกเขียนไว้ในพงศาวดีมอญ
ที่เป็นเพียงเอกสารบันทึกของชนชาติมอญที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว
ต่อมาได้กลายเป็นวรรณกรรมที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ ราชาธิราช
พ.ศ. 2078 พระเจ้าตะเบงชเวตี้สถาปนาอาณาจักรตองอูและบุกลงใต้
เพียง 7 ปี แว่นแคว้นมอญปากแม่น้ำอิรวดี สะโตง สาละวินก็ถูกพิชิตจนหมด
เป็นการอพยพครั้งแรกของชาวมอญที่เข้ามยังกรุงศรีอยุธยา
หลังจากนั้นมอญก็ไม่เคยมีกษัตริย์ที่มีความเข้มแข็งอีกเลย
การขุดคลองลัดเกร็ดเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าท้ายสระ พงศาวดารว่า
ในปีขาล จัตวาศกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดให้พระธนบุรีเป็นแม่กองเกณฑ์ไพร่พล
คนหัวเมืองปากใต้ให้ได้คนหมื่นเศษให้ขุดคลองเกร็ดน้อยลัดคุ้งบางบัวทองนั้นอ้อมนัก
ขุดลัดให้ตรง พระธนบุรีรับสั่งแล้วถวายบังคมลามาให้เกณฑ์คนไพร่พล
ในบรรดาหัวเมืองปากใต้ได้คนหมื่นเศษ ให้ขุดคลองเกร็ดน้อยนั้นลึก ๖ ศอก
กว้าง ๖ วา ทางไกลได้ ๒๙ เส้นเศษ ขุดเดือนเศษจึงแล้ว
เหตุผลที่ถูกขุดหลังสุดคือ บริเวณนี้โค้งน้ำนั้นมีความกว้างน้อย
จึงมีความสำคัญด้อยกว่าโค้งน้ำขนาดใหญ่ที่ทำให้สิ้นเปลืองเวลาในการเดินทาง
ดังเช่นการขุดคลองลัดคลองบางกอกใหญ่ในสมัยพระไชยราชา
หรือการขุดคลองลัดคลองอ้อมนนท์ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ทุกครั้งที่ชาวมอญพ่ายแพ้ให้แก่ชาวพม่า ก็อพยพมายังกรุงศรีอยุธยา
เริ่มแรกในสมัยอยุธยาก็จะโรปดตั้งบ้านเรือนอยู่ชานพระนคร
ด้วยความคล้ายกันในศาสนาจึงผสมกลมกลืนกับคนไทยไปในที่สุด
หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เข้าสู่ยุคธนบุรีก็มีการอพยพมาอีกครั้ง
คราวนี้ก็โปรดให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ทางเหนือน้ำแถวปากเกร็ดและปทุมธานี
แตกต่างกับมอญเก่าที่อยู่มาแต่สมัยอยุธยานั้นถือว่าเป็นคนไทยไปแล้ว
หลังจากนั้นมีการอพยพต่อมาอีกหลายครั้งก็จะโปรดให้ไปตั้งบ้านเรือนรวมกัน
ชาวมอญเป็นคนต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาอยู่อาศัยอยู่ในรัฐไทยแต่โบราณ
และเป็นกำลังสำคัญสำคัญในการรบป้องกันและขยายดินแดนไทยตลอดมา
แต่พวกเขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝัน ที่ในวันหนึ่ง
ธงหงส์นั้นจะได้โบกสะพัดบนดินแดนของชนชาติตนเองอีกครั้ง
เจดีย์วัดทุงยูน่าจะเป็นทรงปราสาท แบบล้านนา
อุโบสถสร้างใหม่ โบสถ์เดิมอาจมีหน้าบันเป็นรูปหงส์จึงใช้อันเดิม เพราะพม่าเข้ามามีอิทธิพลในเชียงใหม่ 200 ปี น่ะค่ะ