BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : เชียงใหม่ : วัดโพธารามมหาวิหาร (3)

เชียงใหม่ : วัดโพธารามมหาวิหาร (3)

พ.ศ. 2038 พญายอดเชียงรายสวรรคต พญาเมืองแก้วขึ้นครองเมือง
พ.ศ.2054 โปรดให้สร้างอุโบสถทรงโถงขนาดใหญ่กว้าง 16.20 เมตร
ยาว 46.65 เมตร ขึ้นบนบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระศพพญายอดเชียงราย
พ.ศ.2068โปรดให้อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรแก่นจันทร์แดงจากพะเยามาประดิษฐาน
ในปีเดียวกันนั้นพญาเมืองแก้วสวรรคต

ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ ศาสนสถานต่างๆ ล้อมรอบบริเวณวัดด้วยกำแพง
ทางเข้าหลักทางทิศตะวันออกสร้างเป็นซุ้มประตูโขง ก่อด้วยอิฐถือปูน
ช่องประตูตอนบนสร้างเป็นรูปครึ่งวงกลม ขนาบด้วยช่องประตูทำอย่างเสาย่อมุม
หลังช่องประตูโขงขึ้นไปเป็นเครื่องยอด แต่ปัจจุบันพังไปหมดแล้ว

ตำนานพระพุทธรูปแก่นจันทร์แดงมีอยู่ว่าเป็นพระยืน มีแท่นสูง 6 นิ้ว
ส่วนองค์พระสูง 22 นิ้ว วัดโดยรอบได้ 23 นิ้วครึ่ง เป็นของโบราณเมืองสุวรรณภูมิ
ภายหลังเมืองเกิดศึกสงคราม ราชบุตรเจ้าสุวรรณภูมิสองพี่น้องพากันหนีข้าศึก
พระอนุชาชื่อว่าจันทรราชกุมารได้นำพระบรมธาตุมาไว้ที่เมืองลำปาง

พระเชษฐาชื่อว่าอาทิตยราชนำพระแก่นจันทร์แดงมาไว้ที่เมืองแจ้ตาก
พระแก่นจันทร์อยู่ที่เมืองนี้ประมาณ 300 ปีต่อมาเมืองแจ้ตากเกิดภัยพิบัติ
พระพุทธรักขิตะมหาเถระจึงได้ไปอัญเชิญมาไว้ที่เมืองแจ้ห่ม
พระพุทธปฏิมากรแก่นจันทร์แดงอยู่ที่เมืองแจ้ห่มได้ 10 ปี

ครั้นพระยาหลวงคำแดงถึงแก่อนิจกรรม พระยาคำลือได้นำไม้แก่นจันทร์
ที่มีค่าแสนคำ มาขอแลกเปลี่ยนพระแก่นจันทร์แดงเพื่อนำไปบูชาที่ตำบลสบสอย
อยู่ที่บ้านสบสอยเป็นเวลา 10 ปี พระสีวัตตะเถระพระมหาเถระเมืองแจ้ตาก
ขออาราธนากลับไปไว้ตำบลบ้านพลูแขวงเมืองแจ้ตาก ที่อารามตำบลกิ่วหมิ่น

กลับมาอยู่ที่เมืองเดิมนาน 73 ปี จนเมืองแจ้ตากเกิดศึกสงคราม
ปู่เมาจึงไปอาราธนามาไว้ที่วัดหนองบัวแขวงเมืองพะเยาได้ 30 ปี
พระยาเชลียงมาสวามิภักดิ์พระเจ้าติโลกมหาราชทรงให้ครองเมืองพะเยา
พระยาเชลียงสร้างวัดดอนไชยขึ้นได้อาราธนาพระแก่นจันทร์แดงมาประดิษฐาน

กิตติศัพท์ทราบถึงพระเจ้าติโลกมหาราชจึงโปรดให้พระธรรมเสนา
มาอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดอโศการามนครเชียงใหม่ 15 ปี
ครั้นถึงแผ่นดินพระยอดเชียงรายเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
หมื่นหน่อเทพครูเชื้อพระวงค์พระยาเชลียงทูลขอกลับคืนไปไว้เมืองพะเยาดังเดิม

และในสมัยพระเมืองแก้วเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้นำกลับไปไว้ที่วัดศรีภูมิ
และภายหลังย้ายมาประดิษฐานที่โบสถ์วัดโพธาราม เมื่อจุลศักราช 887 ปีระกา
สัปตศกวันพุธ เดือน 7 ทุติยาสาฒ ขึ้น 9 ค่ำ ตำนานยาวเหมือนพระแก้วมรกตเลย

หลังจากสงครามคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 เชียงใหม่ก็ถูกทิ้งร้าง
เนื่องจากการศึกสงครามระหว่างกรุงธนบุรีและพม่า จนถึงรัตนโกสินทร์ช่วงต้น
พ.ศ. 2339 สมัยพระเจ้ากาวิละจึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ และยังได้มีการสร้าง
พระอุโบสถหลังปัจจุบันขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 10.55 เมตรขึ้นบนฐานเดิมของเก่า

ด้านหลังอุโบสถเป็นมณฑปพระแก่นจันทร์แดงที่สร้างขึ้นภายหลัง (ตอนไหน?)
ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 5.70 เมตร ยาว 6 เมตร ด้านบนเป็นซุ้มคูหา
ทะลุถึงกันทั้ง 4 ด้าน ภายในประดิษฐานพระแก่นจันทร์องค์จำลอง

มีวิหารหลังเก่าตั้งอยู่ด้านหน้าวัด ภายในประดิษฐานพระเจ้า 700 ปี ศรีเมืองเชียงใหม่
หน้าตัก 70 นิ้ว สร้างขึ้นโดยชมรมลานนา 39 ในวาระเชียงใหม่ มีอายุ ครบ 700 ปี
แต่ที่หน้าเศร้าคือมีการสร้างวิหารหลังใหม่ ในบริเวณที่ว่างซึ่งครั้งหนึ่งอาจจะเคยเป็น
สัตยมหาสถานอีกสี่แห่งที่หายไป ตรงข้ามกับเจดีย์เจ็ดยอดอันเก่าแก่แลดูขัดตายิ่งนัก

วันที่ 8 มีนาคม 2478 วัดเจ็ดยอดได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ
กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2508 ครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2517-2527
และครั้งที่สามเมื่อ พ.ศ. 2545-2547

Create Date : 04 พฤษภาคม 2555

Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 9:52:08 น.

2 comments

Counter : 2612 Pageviews.

โดย: Kavanich96

วันที่: 5 พฤษภาคม 2555 เวลา:3:20:27 น.

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง

วันที่: 7 พฤษภาคม 2555 เวลา:23:03:40 น.