Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
11 พฤศจิกายน 2557

วัดบวรสุทธาวาส : ตำนานพระพุทธสิหิงค์ (2)


Untitled


บริเวณเชิงเขาสิงฆุตตระมีตะขาบใหญ่ตัวหนึ่งเที่ยวจับช้างกินเป็นอาหาร
เมื่อกินเนื้อหมดก็เหลือกระดูกและงาช้างมันจึงนำมาสร้างเป็นรังอาศัย
นานวันเข้าช้างในบริเวณเขาสิงฆุตตระลดน้อยลงและหายาก
มันจึงออกจากเชิงเขาไปหาล่าช้างเป็นอาหารยังสถานที่ห่างไกลออกไป

ที่บริเวณภูเขาสิงฆุตตระนั้น มีฤๅษีอาศัยอยู่ 10 ตน ได้ทำกติกากันไว้ว่า
ทุกคืนจะแสดงแสงประทีปให้ปรากฏแก่กันและกัน
หากวันใดไม่เห็นแสงประทีป เหล่าฤๅษีทั้งหมดจะต้องไปประชุมพร้อมกัน
เพื่อจะได้รับทราบสาเหตุว่าทำไมฤๅษีตนนั้นจึงไม่แสดงแสงประทีป

ต่อมาฤๅษีผู้เป็นหัวหน้าชื่อว่า ราคะ ได้เกิดเจ็บป่วยจึงไม่ได้แสดงแสงประทีป
เหล่าฤๅษีจึงได้มาประชุมกันยังที่อยู่ของราคะฤๅษีกันทั้งหมด
แม้จะช่วยกันรักษาอย่างไร ก็ไม่สามารถจะรักษาอาการป่วยให้ทุเลาลงได้
และได้ถึงแก่อนิจกรรมไปในที่สุด

ราคะฤๅษีเมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินในเมืองแห่งหนึ่ง
ต่อมาพระองค์เกิดประชวรปวดพระเศียรอย่างแรงกล้า
แม้พวกแพทย์หลวงจะถวายการรักษาอย่างไรก็ตามอาการประชวรก็ไม่สงบ
พระองค์จึงรับสั่งให้บวงสรวงเทวดา

ตกกลางคืนพระองค์ทรงพระสุบินว่า อาการปวดพระเศียรถ้าจะให้หายขาด
พระองค์จะต้องนำเอาแก่นจันทน์ไปขอขมาฤๅษีที่อาศัยอยู่ที่ภูเขาสิงฆุตตระ
ครั้นรุ่งขึ้นพระองค์ทรงรับสั่งให้นำเอาแก่นจันทน์ขาวประมาณ 7 ลำเรือ
มุ่งหน้าไปสู่ภูเขาสิงฆุตตระ

เมื่อเสด็จไปถึงพระราชาตรัสว่า เรามาเพื่อจะขอขมาพระคุณท่านทั้งหลาย
ฤๅษีได้ฟังอย่างนั้น จึงพากันหัวเราะ แล้วทูลกับว่าในอดีตชาติที่ผ่านมาแล้วนั้น
พระองค์เป็นอาจารย์ของพวกเรา มีชื่อว่า ราคะฤๅษี เมื่อสิ้นชีวิตไป

แต่ยังมีใจผูกพันอยู่กับทรัพย์สิ่งของ จึงได้ไปเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ส่วนแก่นจันทน์ขาวที่พระองค์นำมานั้น ขอให้นำไปฝนที่บริเวณพระเศียร
พระราชาจึงนำแก่นจันทน์ขาวไปฝนที่พระเศียรของพระองค์
ปรากฏว่าอาการปวดพระเศียรหายขาดเป็นปลิดทิ้ง


Untitled


พระราชาได้เสด็จประพาสชมบริเวณรอบ ๆ ภูเขาแห่งนั้น
แล้วทอดพระเนตรเห็นกองงาช้างที่ตะขาบทำรังไว้ที่เชิงภูเขาแห่งนั้น
จึงรับสั่งให้ราชบริพารขนงาช้างงาลงเรือจนเต็ม 7 ลำเรือแล้ว
พระองค์ก็ทูลลาฤๅษีแล้วเสด็จกลับยังพระนคร

ขณะที่เรือกำลังแล่นออกไปนั้น ก็พอดีกับเวลาที่ตะขาบได้กลับมา
จากการเที่ยวหาช้างกินเป็นอาหาร เมื่อไม่พบรังของมันก็เที่ยวตามหา
จนไปที่ทะเลก็ได้พบกับเรือ 7 ลำที่บรรทุกงาช้างของตนกำลังแล่นออกไป
มันจึงไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด

กลางทะเลใหญ่ มีปูยักษ์อาศัยอยู่ตัวหนึ่ง มีชื่อว่า คันธัพพะ
เหลือบไปเห็นตะขาบที่กำลังไล่ตามเรือมาด้วยความโกรธ
ปูจึงคิดในใจว่า น่าจะมีเหตุไม่ดีบางประการ และเป็นอันตรายกับตนเป็นแน่
จึงได้อ้าก้ามค้างไว้เพื่อป้องกันตัว

ปรากฏว่าเรือทั้ง 7 ลำมีขนาดเล็กกว่าช่วงระยะอ้าก้ามของปูจึงลอดไปได้
ส่วนตะขาบตัวใหญ่จึงถูกหนีบจนขาดเป็น 3 ท่อน ตายอยู่ตรงนั้น

ต่อมาสมัยพุทธกาล มีพ่อค้าสำเภาชาวมอญสองคน ชื่อว่า ตะปุสะ และ ภัลลิกะ
ได้แล่นเรือไปค้าขายยังชมพูทวีปและได้พบกับพระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้แล้ว
บังเกิดความเลื่อมใส จึงถวายข้าวสัตตุก้อนและสัตตุผงแก่พระพุทธองค์
หลังจากฉันภัตราหารนี้แล้ว พระองค์ลูบพระเศียรได้พระเกศาติดพระหัตถ์มา

จึงได้พระราชทานพระเกศาธาตุให้ทั้งคู่นำกลับมายังบ้านเมืองของตัวเอง
สองพ่อค้าเที่ยวหาพื้นที่สำหรับประดิษฐาน จนมาเจอดอยสิงคุตต์
จึงได้สร้างพระเจดีย์ที่เรียกขานต่อมาว่า เจดีย์ชเวดากอง
และเพื่อเป็นการระลึกถึงเจ้าของดอยสิงคุตต์ จึงได้ทำธงตะขาบแขวนไว้

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเจดีย์ชเวดากองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมอญ
ในเวลางานบุญ เช่นวันสงกรานต์ เราก็ยังเห็นธงตะขาบนี้โบกสะบัด
อยู่ในวัดของชาวมอญมาจนกระทั่งทุกวันนี้



Create Date : 11 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 9:39:14 น. 3 comments
Counter : 1915 Pageviews.  

 
เกี่ยวข้องกับธงตะขาบเวลาจองกฐิน ไหมคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:10:17:51 น.  

 
Like ให้เป็นคนที่ 1
อุ้มมาอ่านต่อค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:09:00 น.  

 
เรื่องด้านบน เพิ่งเคยฟังค่ะ แต่เรื่องด้านล่าง พอคุ้นบ้าง




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา:18:27:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]