เส้นทางแห่งเงินตรา : ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
การชมพิพิธภัณฑ์เหรียญที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าได้จบลงไปแล้ว แต่การจัดแสดงเหรียญกษาปณ์เก่าๆ นั้นยังมีอีกหนึ่งแห่งโดย สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน ในสังกัดกรมธนารักษ์เช่นกัน ที่ศาลาเหรียญกษาปณ์ไทยหลังศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง
เพราะว่าห้ามถ่ายรูป ผมไม่สามารถจะเล่าเรื่องได้โดยไม่อาศัยภาพ แต่มุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ได้บอกเล่าเรื่องราวเหรียญกษาปณ์ที่โด่งดังที่สุด นั่นก็คือ เงินถุงแดง
สอบถามเรื่องรศ.112 ครับ
จากกระทู้จะเห็นว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องที่มาของเงินก้อนนี้ ค้นต่อไปเราจะพบความเข้าใจผิดแม้แต่ในสารคดีของ ThaiPBS หากอ่านกระทู้ก็จะเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่เงินสามหมื่นชั่งนั้นคือเงินถุงแดง แต่แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเข้าใจเช่นนั้นพบว่ามีการกล่าวอ้างอิงแหล่งที่มา
1. สารานุกรมประวัติศาสตรืไทยฉบับราชบัณฑิตสถาน 2. บันทึกของสมภพ จันทรประภา อดีตรองอธิบดีกรมศิลปากร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องทรงนำเงินที่ใส่ ถุงแดง จำนวนสามหมื่นชั่ง (๒,๔๐๐,๐๐๐ บาท) ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้สำหรับแผ่นดิน และ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงนำไปใช้จ่าย มาทรงใช้ในการนี้ และส่วนที่ยังขาดอยู่ ๖ แสนบาทนั้น ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายใน ส่วนใหญ่เป็นของสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ที่ทรงเก็บไว้ใต้ถุนตำหนัก
ฝรั่งเศสเรียกร้องเงิน 3 ล้านฟรังก์ มิใช่ 3 ล้านบาท ดังนั้นจึงผิดพลาดแน่นอน แล้วความเข้าใจผิดนี้มีที่มาอย่างไร เราจะย้อนกลับไปในวรรคทองของพงศาวดาร
การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่าเห็นจะไม่มีแล้วจะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่งให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ ......อาลัยแต่วัดวาสร้างไว้ใหญ่โตหลายวัด ที่ยังค้างอยู่ก็มี
.. เงินในพระคลังที่เหลือจับจ่ายในราชการแผ่นดินมีอยู่ 40,000 ชั่งนี้ ขอสัก 10,000 ชั่งเถิดให้ไว้บำรุงวัดวาที่ยังค้างอยู่
เงินสามหมื่นชั่งเป็นเงินในพระคลัง แปลว่าเป็นเงินภาษีที่เก็บได้ในแต่ละปี เมื่อพระมหากษัตริย์ได้รับมาก็จะโปรดให้แจกจ่ายฝ่ายหน้าเป็นเบี้ยหวัดขุนนาง และฝ่ายในคือพระมเหสี พระราชโอรส พระราชธิดา และพระประยูรญาติ ส่วนหนึ่งโปรดเก็บไว้เป็นเงินส่วนพระองค์มีบันทึกถึงเรื่องนี้แต่ในสมัยรัชกาลที่ 1
ว่าเงินนี้เก็บไว้ข้างที่บรรทมเพื่อไว้พระราชทานแก่บุคคลตามพระราชอัธยาศัย เรียกเงินก้อนนี้ตรงตัวเลยว่า เงินข้างที่ (บรรทม) เมื่อลุถึงสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ได้นำเงินส่วนนี้มารวมกับเงินที่ค้าขายที่ได้มาตั้งแต่ยังไม่ครองราชย์ เก็บไว้ในถุงแดงผูกด้วยลวดเงินบรรจุไว้ในกำปั่น เราจึงเรียกกันว่าเงินถุงแดง
สรุปเป็นภาษาง่ายๆ ว่า เงินพระคลังคือเงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เงินในถุงแดงเป็นเงินส่วนพระองค์ที่เรียกว่าเงินข้างที่
คำถามต่อไปคือ เงินนี้มีจำนวนเท่าไหร่ หากเชื่อตามที่ฝรั่งเศสบันทึกไว้ คือมีประมาณ 9 แสนกว่าเหรียญ อัตราแลกเปลี่ยนในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ 5 เหรียญต่อ 3 บาท คิดเป็นเงินไทยได้ราว 540,000 บาท 80 บาท เท่ากับ 1 ชั่ง ในสมัยรัชกาลที่ 3 เงินถุงแดงจึงมีค่าประมาณ 7 พันชั่ง
ภาพเงินถุงแดงที่เราคุ้นตา คือเหรียญสีทองประทับตรานกอินทรีย์ แล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ย้อนกลับในสมัยกลางกรุงศรีอยุธยา โปรตุเกสและสเปนต่างไขว่คว้าโอกาสจนเกิดเป็นสงครามระหว่างกัน เพื่อออกเดินทางตามหาสินค้าที่ชาวยุโรปถือว่ามีค่านั่นก็คือ เครื่องเทศ
พระสันตะปาปาแบ่งแอตแลนติกออกเป็นสองส่วน ซีกเหนือเป็นของสเปน ในขณะที่โปรตุเกสต้องมุ่งลงใต้ เรือโปรตุเกสค้นพบเส้นทางผ่านทวีปแอฟริกา ไปจนพบตลาดการค้าที่ชาวอาหรับเก็บเป็นความลับอยู่นาน นั่นก็คืออินเดีย พวกสเปนกลับพบแต่แผ่นดินที่ว่างเปล่าของทวีปอเมริกาโดยไร้เงาของพริกไทย
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1520 การสกัดแร่เงินขนานใหญ่จากแคว้นกวานาวาโต ของเม็กซิโกได้เริ่มต้นขึ้น และเพิ่มปริมาณขึ้นอีกจากเหมืองแร่เงินอีกสองแห่ง ในแคว้นซากาเตกัสของเม็กซิโกและแคว้นโปโตซีของเปรูตั้งแต่ปี ค.ศ. 1546 การขนส่งแร่เงินเหล่านี้เป็นตัวปรับทิศทางเศรษฐกิจสเปนเข้าสู่ความรุ่งเรือง
เหรียญเงิน 8 reales กลายเป็นมาตรฐานในการค้าขายไปทั่วทั้งทวีปอเมริกา และอาณานิคมในเอเชียเช่นฟิลิบปินส์นำไปใช้ซื้อขายสินค้ากับประเทศจีน มหาอำนาจยุคโบราณที่ยอมรับในมาตรฐานการผลิตและมูลค่าของโลหะเงิน เหรียญเงินจะถูกตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วปั๊มตราเพื่อรับรองว่าเป็นเงินแท้
เมื่อเมืองจีนยอมรับเหรียญเงินของสเปนในการค้ามันจึงกลายเป็นเงินตราสากล ในภูมิภาคเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ ต้นรัตนโกสินทร์ 1 บาทแลกได้ 3 เหรียญ เพราะเงินบาทนั้นมีมูลค่าตามหลักอุปสงค์อุปทาน สยามได้ดุลการค้ามหาศาล เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาซื้อสินค้าเกษตร แต่ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้ซื้ออะไรจากฝรั่ง
ค.ศ. 1820 อาณานิคมในทวีปอเมริกาปฏิวัติตนเองจากการเป็นเมืองขึ้นสเปน 5 ปี ต่อมา เหรียญเงินของเสปนก็เริ่มเสื่อมมูลค่าลง แต่ก็ยังคงเป็นเงินตราหลัก ที่ใช้ในการค้าขายในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การผลิตยังคงดำเนินการต่อ
ค.ศ. 1869-1870 เม็กซิโกเปลี่ยนมาใช้มาตรราระบบเมตริกเป็นมาตรฐาน การผลิตเหรียญทั้งขนาดและน้ำหนักเปลี่ยนไปเล็กน้อย ประเทศจีนปฏิเสธเหรียญชนิดใหม่ ค.ศ. 1873 ในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 เม็กซิโกหันกลับมาผลิตเหรียญรูปแบบเดิม แต่มูลค่าของโลหะเงินตกต่ำอย่างหนัก ทำให้ทองคำกลายมาเป็นมาตรฐานแทน
ดังนั้น เหรียญนกในถุงแดงจำนวนเกือบล้านอันนั้นไม่ใช่ทองคำ แต่เป็นเหรียญเงินของสเปนที่เรียกว่า the piece of eight การแสดงรูปเหรียญทองในพิพิธภัณฑ์ก็แค่ทำให้มันดูมีมูลค่าน่าชื่นชมเท่านั้นเอง การตามหาที่มีของเหรียญกษาปณ์คงจบลงตรงนี้ อย่าลืมไปอ่านเรื่องเงินถุงแดง
ที่จัดแสดงในศาลาเหรียญกษาปณ์ไทยในพระบรมมหาราชวังกันนะครับ
Create Date : 14 มีนาคม 2559 |
Last Update : 16 มีนาคม 2559 9:11:29 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1994 Pageviews. |
|
|
|
|
+