เส้นทางแห่งเงินตรา : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า
ออกจากพิพิธภัณฑ์เหรียญไปไม่ไกลจะเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า แต่ว่าวันนั้นเราอยากลองชิมพิซซ่าลันตา ก็เลยไม่มีเวลาไป และในที่สุดเราก็มีโอกาสกลับไปอีกครั้ง ในนิทรรศการที่ชื่อว่า
ภาพถ่ายโบราณสยามผ่านมุมกล้องจอห์น ทอมสัน ๒๔๐๘-๒๔๐๙
ช่างภาพชาวสก็อตที่เดินทางเข้ามายังทวีปเอเชีย หลายแห่ง เช่น ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง เป็นต้น นายจอห์น ทอมสันได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2408 และใช้เวลาอยู่ในพระนครและจังหวัดใกล้เคียงเป็นเวลาหลายเดือน
ได้ถ่ายภาพบุคคลสำคัญ ชาวบ้าน บ้านเมือง ทิวทัศน์ ภาพถ่ายชิ้นที่สำคัญที่สุด คือ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์หรือรัชกาลที่ 5 ตอนทรงพระเยาว์ ช่างภาพคนแรกที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพ พระองค์ในพระบรมมหาราชวังและพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่นอีกหลายพระองค์
นิทรรศการนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นหนึ่งในงานแรกที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจะทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ และเป็นการรำลึกครบรอบ 150 ปีในการเข้ามาเมืองไทยของจอห์น ทอมสันอีกด้วย
เป็นนิทรรศการที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะว่าเค้ามีหนังสือเรื่องนี้ขาย แต่ก็เห็นคนมากมายถ่ายรูป สุดท้ายผมก็ยังคิดในว่ามันไม่ควรอยู่ดี ถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจในการชมงานศิลป์ เราสามารถถ่ายรูปของศิลปินได้หรือเปล่า ผมมองว่ามันน่าจะติดเรื่องลิขสิทธิ์ในการนำรูปของศิลปินเหล่านั้นมาเผยแพร่
เวลาเข้าไปภายในจะรู้สึกได้ว่าตึกนี้แปลกๆ ดูเหมือนโรงงาน ถูกต้องแล้ว เพราะว่าที่นี่ในอดีตนั้นคือโรงกระสาปน์สิทธิการ โรงที่ 3 นั่นเอง
ด้วยความเจริญก้าวหน้าด้านการค้า ส่งผลให้ความต้องการใช้เหรียญกษาปณ์เพิ่มขึ้น ในขณะที่เครื่องจักรแรงดันไอน้ำที่มีอยู่เริ่มชำรุดเนื่องจากใช้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ถึง 25 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้สร้างโรงกระสาปน์สิทธิการแห่งใหม่ขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นวังเจ้านาย 6 พระองค์
หรือวังสะพานเสี้ยว ตั้งอยู่ติดกับคลองโรงไหมทางทิศเหนือของท้องสนามหลวง ออกแบบโดยนาย Carlo Allegriสถาปนิกชาวอิตาเลียนประจำราชสำนักสยาม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโรงงานเครื่องจักรที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ
มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมคือ อาคารหลักด้านหน้าเป็นทรงปั้นหยาสูงสองชั้น หลังคามุงกระเบื้องว่าว สองข้างอาคารหลักต่อเป็นปีกทอดยาวเป็นอาคารชั้นเดียว หักมุมฉากสี่ด้านบรรจบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เชื่อมต่อกันบริเวณสันหลังคา เชิงชาย ช่องบานประตู หน้าต่างประดับด้วยลวดลายฉลุไม้อย่างงดงาม
เริ่มดำเนินการผลิตเหรียญครั้งแรกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกรมกระสาปน์ สิทธิการ
ติดตั้งเครื่องจักรผลิตเหรียญกษาปณ์เครื่องใหม่ซึ่งทำงานด้วยกำลังไฟฟ้า สามารถผลิตเหรียญได้ประมาณวันละ 80,000 ถึง 100,000 เหรียญ ส่วนเงินพดด้วงได้ โปรดเกล้าให้เลิกใช้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2451
เมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติมาตราทองคำ รัตนโกสินทร์ศก 127 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ผลิตเหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 1 บาท ประทับตราไอราพตซึ่งถูกใช้เป็นตราประจำแผ่นดินจากโรงกษาปณ์ปารีส จำนวน 1,036,691 เหรียญ แต่ไม่ทันได้ประกาศใช้ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน
เหรียญดังกล่าวถูกนำมาใช้ในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่หลังจากนั้นประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 โลหะเงินและโลหะต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตเหรียญกษาปณ์มีราคาสูงขึ้น จึงต้องผลิตธนบัตร ราคา 1 บาทออกใช้แทนเหรียญกษาปณ์
พ.ศ. 2470 สมัยรัชกาลที่ 7 ทั่วโลกประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยโปรดเกล้าให้ยุบกรมกระสาปน์สิทธิการลงเป็นโรงงานขึ้นกับกรมฝิ่นหลวง งดผลิตเหรียญกษาปณ์ในประเทศ เหรียญที่ใช้ในรัชกาลนี้เป็นชนิดนิกเกิล 5 สตางค์ และชนิดทองแดง 1 สตางค์ที่นำเข้าจากต่างประเทศเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
หลังการปฏิวัติโดยคณะราษฎรเปิดโรงงานกษาปณ์ขึ้นใหม่เพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ เมื่อปีพ.ศ. 2476 โดยตั้งขึ้นเป็นแผนกกษาปณ์ และโอนไปสังกัดกรมพระคลังมหาสมบัติ ต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกองกษาปณ์ สังกัดกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยมีเหรียญเงิน 25 และ 50 สตางค์ โดยใช้พระบรมรูปช้างยืนแท่นเป็นตราประจำรัชกาล
สมัยรัชกาลที่ 8 ไทยต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนเงินปลีก ด้วยการนำเหรียญเงิน 50 สตางค์ในคลัง มาหลอมและผลิตเหรียญเงิน ราคา 20 สตางค์ 10 สตางค์ และ 5 สตางค์ ขึ้นใช้แทนการสั่งผลิตจากต่างประเทศ เมื่อโลหะเงินและทองแดงมีราคาสูงขึ้น จึงได้นำดีบุกมาใช้ผลิตแทน โดยใช้พระครุฑพ่าห์เป็นตราประจำรัชกาล
พ.ศ.2511 กรมธนารักษ์ได้ย้ายโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ไปที่รังสิต ปทุมธานี โรงกษาปณ์สิทธิการ ถนนเจ้าฟ้าจึงร้างลง ในวาระครบรอบ 100 ปีการพิพิธภัณฑ์ไทย กรมศิลปากรได้ริเริ่มโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานประเภทศิลปะสมัยใหม่ ได้เสนอขอใช้โรงกษาปณ์สิทธิการเพื่อปรับปรุงให้เป็นหอศิลป์
กรมธนารักษ์ได้อนุมัติมอบอาคารแห่งนี้ให้กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2517 เพื่อจัดตั้งเป็นหอศิลปแห่งชาติ โดยพิธีเปิดหอศิลปะแห่งชาติอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 ส.ค. 2520 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ในวันที่ 5 พ.ค. พ.ศ.2521
Create Date : 16 มีนาคม 2559 |
|
5 comments |
Last Update : 18 มีนาคม 2559 15:33:17 น. |
Counter : 1545 Pageviews. |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog
ที่ไปเมนท์
หมายถึงคุณผู้ชายฯ เคยไปที่นี่หรือเคยอ่านเอนทรี่นี้แล้วอะคะ?
คือสารภาพว่า เลาๆ เหมือนเดจาวูว่าตัวเองอัพแล้ว แต่หาไม่เจอ เลยอัพอันนี้น่ะค่ะ พอเห็นเมนท์เลยไม่แน่ใจ 555