BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : พระประธานสมัยสุโขทัย : วัดนาคปรก

พระประธานสมัยสุโขทัย : วัดนาคปรก

วัดนาคปรกเป็นวัดที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
สภาพอุโบสถเหลือแต่หลังคา และผนังเท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 3
มีพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีนชื่อ เจ้าสัวพุก มาค้าขายที่ย่านตลาดพลู
เมื่อมีฐานะดีขึ้นและได้รับการแต่งตั้งเป็นพระบริบูรณ์ธนากร

จึงได้ริเริ่มก่อสร้างวัด แล้วได้อัญเชิญพระพุทธรูป 2 องค์มาจากสุโขทัย
ชาวบ้านเรียกพระประธานในอุโบสถว่า หลวงพ่อเจ้าสัว
ส่วนพระพุทธรูปในวิหาร มีการก่อนาคเจ็ดเศียรไว้หลังองค์พระ
เรียกว่า พระนาคปรก ซึ่งต่อมาได้คงได้กลายเป็นชื่อวัด

ภายในวิหาร เขียนจิตรกรรมพุทธประวัติ
ส่วนอุโบสถ เขียนจิตรกรรมเป็นเครื่องถ้วยบูชาแบบชาวจีน
รูปแบบโต๊ะนั้นเป็นลวดลายประแจจีน ที่เชื่อว่าเป็นลายมงคล
แสดงถึงการไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด มีการเชื่อมต่อกันไปตลอด

ดาวเพดานดวงใหญ่เป็นลวดลายมังกรขดตัว
ส่วนดาวเพดานดวงเล็กเขียนเป็นลายดอกพุดตาน
ระบายด้วยสีครามแดง แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจ
ความศรัทธาเลื่อมใส พลังจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์

คล้ายกับวัดพระยาไกร ที่สร้างโดยเจ้าสัวเช่นกัน
วัดนี้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปสุโขทัยมาถึง 2 องค์
ส่วนพระพระประธานสมัยอยุธยานั้น รู้สึกว่าจะอยู่ในอาคารด้านหน้า

เช่นเดียวกันกับอีกหลายวัดที่เต็มไปด้วยพุทธพาณิชย์
การเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย
อาจจะมาจากส่วนหนึ่งที่คนคงศรัทธาจากชื่อที่ว่า พระเจ้าสัว
แต่ที่ดูขัดตาที่สุด คือฐานชุกชีที่ถูกต่อเติมเสียจนหมดซึ่งความงาม

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อเดินเข้าไปที่พระอุโบสถ
แวบแรกที่มองไปยังพระประธานที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก
แต่ด้วยอาคารที่ออกแบบให้ขนาดเล็ก ทำให้ฐานชุกชีนั้นอยู่เตี้ยไปด้วย
เมื่อตาสัมผัสเห็นองค์พระได้อย่างชัดเจน วินาทีนั้นพูดได้เลยว่า

นี่เป็นพระประธานสุโขทัยที่งามที่สุดที่เห็นในกรุงเทพเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งเราอาจจะชอบพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์อวบอิ่มสมบูรณ์
เหมือนพระพระประธานที่วัดนาคปรกนี้ก็ได้

แม้พระประธานทั้งหมดจะจัดอยู่ในพระพุทธรูปสุโขทัย หมวดใหญ่
ยกเว้นแต่พระประธานที่วัดบวรนิเวศที่เป็นหมวดพระพุทธชินราชแล้ว
หากย้อนกลับไปดูจะพบว่า พระแต่ละองค์ไม่ได้มีพระพักตร์ที่เหมือนกัน
อย่างเช่นหลวงพ่อเจ้าสัวนี้ก็จะมีพระหนุหรือคางเป็นปุ่มกลมชัดเจน

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยเป็นคนที่ชอบพระมาลัยอยู่เป็นทุน
ที่หน้าวิหารนั้นก็มีพระองค์นี้ตั้งอยู่ด้วย ที่แปลกว่าพระมาลัยองค์อื่น
ก็คือองค์นี้ใส่จีวรลายดอก ที่บ่งบอกว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
ที่ในเวลานั้นพระสงฆ์สามารถห่มจีวรลายดอกได้ หากดวงไม่ใหญ่เกินไป

แต่ปัญหาคือรัชกาลที่ 4 ทรงตีความว่า การที่พระมาลัยกับพระศรีอารยเมตไตร
เป็นนักบวชผู้มีภูมิธรรมเสมอกัน ต่างกันแค่พระมาลัยยังต้องใช้เครื่องอัฏฐบริขาร
ทำให้ปฏิมาของพระมาลัยกับพระศรีอารยเมตไตรซ้อนทับกัน
ดังนั้นรูปนี้จึงอาจเป็นพระศรีอารยเมตไตรมากกว่าพระมาลัยก็เป็นไปได้

พระอุโบสถ : ปรกติเปิด
พระวิหาร : ปรกติเปิด

Create Date : 03 สิงหาคม 2558

Last Update : 23 มกราคม 2564 11:45:23 น.

4 comments

Counter : 3899 Pageviews.

เริมชินตากับพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยแล้วค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 3 สิงหาคม 2558 เวลา:12:49:46 น.

ที่จริงเหมือนเคยมีคนบอกว่า พระพุทธรูปสมัยนี้งามสุดนะคะ แต่ก็เห็นงามต้องตาจริงๆ ไม่กี่องค์เองหละค่ะ

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ

วันที่: 3 สิงหาคม 2558 เวลา:17:30:24 น.

อีกหนึ่งวัดที่เล็งๆ ไว้อยากไป แต่ยังไม่ได้ไปค่ะ

พระอุโบสถ พระวิหาร เปิด... ไม่เสียเที่ยวแน่ค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 5 สิงหาคม 2558 เวลา:21:48:10 น.

ยังไม่เคยไปวัดนี้เลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
ALDI Klaibann Blog ดู Blog
Opey Diarist ดู Blog
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog

โดย: newyorknurse

วันที่: 6 สิงหาคม 2558 เวลา:2:10:24 น.