มีนาคม 2566
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
1 มีนาคม 2566

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - วินาทีที่เป็นอิสระ :



: วินาทีที่เป็นอิสระ :

เขียน - โตมร ศุขปรีชา และ นิ้วกลม








6 ปีที่แล้ว พี่พงศ์มอบหนังสือเล่มนี้ให้ผม
ที่แผ่นรองปกพี่พงศ์เขียนไว้ว่า


“ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ”

ผมเพิ่งค้นหนังสือเล่มนี้เจอและนำกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง

“วินาทีที่เป็นอิสระ”
เป็นหนังสือความเรียงจากนักเขียนคุณภาพระดับประเทศสองคน
คือ คุณโตมร ศุขปรีชา และคุณเอ๋ นิ้วกลม
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแนวคิดและประวัติสั้น ๆ ของเหล่านักคิดชื่อดังระดับโลก
บางคนมีสถานะเป็นคุรุ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน ไปจนถึงนักบวช
เช่น ท่านติช นัท ฮันห์ , โอโช , กฤษณมูรติ , จวงจื่อ , เอ็กฮาร์ท โทลเล ,
เฮอมานน์ เฮสเส , เขมานันทะ , เพม่า โชดรัน เป็นต้น
ใน 12 คน มี 3 คนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน นอกนั้นเคยอ่านหนังสือผ่านตามาแล้วทั้งสิ้น

ผู้คนเหล่านี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ
เป็นผู้นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายตนเองออกมาในระดับที่สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้เป็นวงกว้าง
ผมจำความรู้สึกในการอ่านครั้งแรกไม่ได้แล้ว
แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกชอบ เหมือนคนได้ดื่มน้ำตอนที่กระหาย
คล้ายว่าข้อความในหนังสือตอบโจทย์ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้



------------------------------------------------



หลายวันก่อนมีเพื่อนเฟซบุ๊กคนหนึ่ง
ทักผมมาในกล่องข้อความว่า เขาอยากขอเป็นลูกศิษย์ผม
ผมกดส่งอีโมรูปยกนิ้วโป้งให้ แต่ไม่ได้บอกว่ารับหรือไม่รับ
เขาปรึกษาข้อข้องใจในเรื่องธรรมะกับผมมาสองสามครั้งแล้ว
ซึ่งผมก็ตอบคำถามไปตามที่ตนเองรู้
และแน่นอน --- ผมไม่เคยคิดว่าตนเองจะไปเป็นอาจารย์สอนธรรมใครได้
เพราะตัวเองก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกฝนตนคนหนึ่ง ยังอยู่ในระหว่างการเรียนรู้และปฏิบัติ

ผมนึกถึงคำตอบที่ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้เมื่อมีคนมากราบท่านที่สวนโมกข์
(ขอคัดลอกเรื่องนี้มาลงให้อ่านกันอีกครั้งจากหนังสือ ร้อยคนร้อยธรรม 100 ปี พุทธทาส ครับ)

สมัยที่ท่านพุทธทาสยังดำรงขันธ์อยู่นั้น ท่านมักจะนั่งที่ม้านั่งประจำของท่าน
เมื่อมีคนไปหาท่าน ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม ท่านก็จะถามด้วยคำถามเดิม ๆ
ตามสไตล์ของท่านว่า “มาทำไม”

ครั้งหนึ่ง มีนักเขียนนวนิยายผู้มีชื่อเสียงเดินทางมาพบท่าน (ขณะนั้นยังไม่มีชื่อเสียง)
ด้วยจิตใจที่เป็นทุกข์ เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต นักเขียนคนนี้เคยอ่านหนังสือของท่านพุทธทาส
แล้วเกิดความศรัทธา จึงดั้นด้นขี่จักรยานเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร
เพียงเพื่อที่จะมาอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่านพุทธทาสที่สวนโมกข์
ด้วยความหวังว่าท่านคงจะมีทางออกให้ หรือไม่ก็ช่วยให้บรรลุธรรมไปเลย

นักเขียนคนนี้เดินทางมาถึงสวนโมกข์ในช่วงสาย ๆ ของวันหนึ่ง
แต่กว่าที่ลูกศิษย์และคณะบุคคลที่มากราบนมัสการท่านพุทธทาสจะกลับไปหมด
ก็ต้องรอถึงจนเย็น ระหว่างนั้น ท่านพุทธทาสคงจะสังเกตเห็นอาการกระสับกระส่ายของเขาอยู่ตลอดเวลา
แต่ท่านก็แกล้งทำเป็นเฉย เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว
เขาจึงรีบเข้ามากราบท่านพุทธทาส ท่านพุทธทาสถามขึ้นเสียงดังว่า
“มาทำไม ?!”
เขาตอบว่า “ผมมากราบท่านครับ”
“กราบฉันทำไม ?!” ท่านพุทธทาสถามเสียงดัง
“ผมศรัทธาท่านครับ” เขาตอบแบบมีตกใจเล็กน้อย
“ศรัทธาฉันทำไม... ทำไมถึงไม่ศรัทธาตัวเอง ?!”
เขาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติได้ แล้วพูดว่า
“ผมอยากเรียนธรรมะกับท่านโดยตรงครับ”
“ธรรมะก็มีอยู่ทั่วไปนั่นแหละ” ท่านพุทธทาสตอบ
“คือ....ผมอยากฟังจากปากท่านครับ”
“ฉันเขียนหนังสือเอาไว้ตั้งเยอะแยะ !”
เจอแบบนี้ถึงกับอึ้ง หน้าชาไปพักใหญ่ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ท่านพุทธทาสก็ตะเพิดขึ้นว่า
“ไป๊ เอ้า...เณร ...พาเขาไปหาที่หลับนอนก่อน”

เขารู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก เพราะอุตส่าห์เดินทางไกลเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร
เพียงเพื่อที่จะมาให้คนที่ตนศรัทธาดุด่าว่ากล่าวอย่างนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ปั่นจักรยานออกไปจากสวนโมกข์ทันที ด้วยความน้อยอกน้อยใจ
ขณะที่ปั่นจักรยานนั้นใจก็ค่อย ๆ ทบทวนเหตุการณ์เมื่อวานนี้ไปเรื่อย ๆ
คิดถึงวันก่อนที่จะมาหาท่านพุทธทาส คิดถึงเหตุผลที่ตนเดินทางมาสวนโมกข์
คิดถึงสิ่งที่ท่านพูด พลันนั้นเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างสว่างโพลงขึ้นในใจ
เขาเริ่มจะเห็นอะไรราง ๆ แล้ว คำถามที่ท่านพุทธทาสถามว่า “มาทำไม”
นั้นดูเหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริง ๆ กลับเป็นคำถามที่ลึกซึ้ง
การจะตอบคำถามนี้ได้ คนตอบต้องรู้ว่า ตนเองมาจากที่ไหน จะไปที่ไหน ไปที่นั่นทำไม
อะไรคือจึงมุ่งหมายของการมีชีวิต

“ศรัทธาฉันทำไม ทำไมถึงไม่ศรัทธาตัวเอง” คำพูดนี้กระทบความรู้สึกเขามาก
เวลาที่อยู่ต่อหน้าท่านพุทธทาส เขาไม่รู้สึกตัว แต่บัดนี้ เวลาที่อยู่คนเดียว
เขาเพิ่งจะตระหนักว่า สิ่งที่ท่านพุทธทาสพูดนั้นตรงกับภาวะที่เขาเป็นอยู่
เป็นภาวะของคนที่สูญสิ้นความศรัทธาในตัวเอง



---------------------------------------------------



วินาทีที่เป็นอิสระ --- เราเคยลองถามตัวเองดูบ้างไหม
ว่าเราอยากเป็นอิสระจากอะไร ?
นิทานในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมนึกถึงคำถาม-คำตอบในใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยามค่ำคืนขณะที่อินเดียนแดงเผ่าเชโรกีนั่งล้อมรอบกองไฟ
ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านสอนหลานตัวน้อยว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในตัวของเราทุกคนนั้นมีหมาป่าสองตัวต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา
ตัวหนึ่งเป็นหมาป่าแห่งความเกลียดชัง ขี้โมโห ขี้อิจฉา ละโมบ เศร้าสร้อย หยิ่งยะโส
ดูถูกคนอื่นและชอบดูถูกตัวเองด้วย
ส่วนอีกตัวเป็นหมาป่าแห่งความรัก ซึ่งร่าเริง มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
สุขุมเยือกเย็น มีเมตตา เห็นอกเห็นใจและรักผู้อื่น”
เจ้าหลานตัวน้อยจินตนาการตามถึงการสู้กันของหมาป่าทั้งสอง
แล้วข้องใจสงสัยจึงเอ่ยปากถามผู้เฒ่า
“แล้วตัวไหนเป็นฝ่ายชนะล่ะครับ”
ผู้เฒ่ายิ้มแล้วตอบสั้น ๆ ว่า
“ก็ตัวที่เจ้าให้อาหารมันนั่นแหละ”



....................................................



ใช่ --- ผมไม่เคยอยากเป็นอาจารย์ของใคร ไม่เคยอยากมีลูกศิษย์
ธรรมะที่ผมเรียนรู้ ต้องทำไป รู้ไป ต้องทำเอง รู้เอง
การเขียนหรือโพสต์งานเขียน ภาพวาดแนวธรรมะของผม
ไม่ได้เป็นการอวดตัวว่าผมรู้เยอะรู้มากกว่าคนอื่น
ผมเขียนงานเหล่านี้เพื่อเตือนตัวเอง
ว่าผมไม่ได้เหนือกว่าหรืออยู่ต่ำกว่าใคร เราต่างเท่าเทียมกันในการตื่นรู้
เราต่างเหมือนกันในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
บางอย่างผมรู้ บางอย่างผมไม่รู้
การที่ผมไม่รู้ จึงต้องเรียนรู้ไปจนกว่าจะรู้
และผมอยากรู้สิ่งนั้นด้วยตัวผมเอง

ผมชอบบทสนทนาในตอน “โอโช” ที่คุณนิ้วกลมเขียนไว้ว่า
การอ่าน การคิด และการลงมือทำ ต่างกันอย่างไร ?
คุณสาธนา ลูกศิษย์ของโอโช คุรุชาวอินเดียผู้ล่วงลับให้คำตอบไว้ว่า

“หากคุณหิว แล้วนั่งอ่านแต่ตำราทำอาหาร คุณขบคิดวิธีทำอาหาร
คุณเข้าใจมันทะลุปรุโปร่งทั้งหมด คำถามก็คือ คุณหายหิวไหม ? --- ไม่หายหรอก
คุณอย่ามัวมานั่งอ่านตำราทำอาหาร อย่ามัวนั่งคิด นั่งท่องสูตร
คุณต้องลงมือทำอาหาร กินอาหาร คุณจึงจะหายหิว”


อยากเป็นอิสระจากความทุกข์ ?
ก็ต้องหาวิธีออกจากความทุกข์นั้นให้ได้
ใครจะทำให้เราได้ ถ้าไม่ใช่เราต้องลงมือทำด้วยตนเอง
อิสระแบบไหนหรือที่คุณต้องการ ?
มันเป็นเพียงการออกจากกรงหนึ่งเพื่อบินเข้าไปในอีกกรงหนึ่ง
แล้วหลงคิดไปว่าตัวเองเป็นอิสระแล้วหรือเปล่า

ร้อยคำสอน พันคำบอกเล่า หมื่นเรื่องราวบอกสอน
ไม่อาจทำให้ใครพ้นทุกข์ หรือบรรลุธรรมได้

“วินาทีที่เป็นอิสระ” อยู่ตรงไหน ที่ใด เมื่อไร
ต้องทำอย่างไรจึงจะพบ

บางที....มีแต่การวางคำถามและความสงสัยทั้งหมดลงก่อน
เดินย้อนเข้าไปในสิ่งที่ทำให้เกิดคำถาม
บางทีคำตอบก็อยู่ตรงนั้นมาเนิ่นนานแล้ว
เพียงแต่เราไม่เคยมองเห็นมัน





























































Create Date : 01 มีนาคม 2566
Last Update : 2 มีนาคม 2566 4:48:08 น. 19 comments
Counter : 209 Pageviews.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณก๋า

...
อ่านข้างบนแล้วได้แนวคิดว่า ควรสังเกตรอบ ๆ ข้างตัวเอง สังเกต
ตัวเราเองแล้วมา วิเคราะห์แยกแยะออก ว่าสิ่งไหนควรทำ หรือ
ปล่อยบางอย่างออกไป

ชีวิตจะสุขสงบ คนรอบข้างก็มีความสุขด้วย


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:5:52:32 น.  

 
เหมือนบ่งบอกว่า ทุกวินาทีคนเรามีอะไรเกิดขึ้นได้หลายๆอย่าง

ให้ใช้จิตและสติในการดำเนินชีวิต


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:6:35:06 น.  

 
หนังสือแนวอ่านยากมาแล้วคุณก๋า
วันนี้งดด่าลุงวันนึง อ้าวสายแล้วนี่
คุณธัญยังไม่แวะมาเล่าเรื่องราวให้ฟังอีกเหรอ555





โดย: หอมกร วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:8:42:44 น.  

 
สวัสดีครับ

วันนี้หนังสือมีข้อคิดหลากหลายนะครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:10:09:52 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า..

สมัยก่อนที่มีเทป

จะเปิดเทปธรรมะของท่านพุทธทาส

ฟังบ่อยๆ จนยืดยาน..

เข้าใจ เรื่อง มาทำไม..เลยล่ะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:10:21:57 น.  

 
พอคุณก๋าพูดเรื่องศรัทธา ผมก็นึกถึงคำพูดของคนนึงตอนงานวิ่ง ตอนนั้นผมวิ่ง 5K แล้วแกบอกว่าขอให้ศรัทธาในตัวเอง เชื่อตัวเองแล้วคุณจะทำได้ ผมใช้คำนี้มาตลอดในการวิ่งจนถึงมาราธอนเลยครับ
ระลึกถึงท่านพุทธทาสด้วยครับ ตอนเรียนชั้นประถมคุณครูพาไปทัศนศึกษาที่สวนโมกข์ ไปกราบท่านพุทธทาสแกถามมาแบบนี้เลยครับมาทำไม 555 แล้วพวกผมก็ได้ตุ๊กตาโดเรม่อนปูนปลาสเตอร์มาตัวนึงครับ
จากบล็อก
เผลอหลับไปแปบเดียว ตีห้าเลยนะครับ ผมก็เป็นเหมือนกันครับคุณก๋า ก่อนนอนผมนอนเล่นโน๊ทบุคเปิดทิ้งไว้หลับคาจอเหมือนกัน 555


โดย: The Kop Civil วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:10:45:26 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

"วินาทีที่เป็นอิสระ" ของคุณโตมรและคุณนิ้วกลม ก็เป็นหนังสือ
อีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ ตั้งแต่ชื่อเรื่องเลย คำว่า "อิสระ" ครูคิดว่า
ทุกคนต้องการ อิสระ เสรีภาพ เป็นคำที่ทุกคนชอบและเรียกร้อง
ไม่ว่าจะทางการเมือง ครอบครัว แต่ว่า บางครั้งเราก็ไม่รู้หรอกนะว่า
คำว่า "อิสระ"เสรีภาพ มันควรจะอยู่ในขอบเขตไหน ถ้าเรารู้ขอบเขต
ของมัน "วินาทีที่รู้ว่า เป็นอิสระ" เป็นอิสระ เสรีภาพ นั้น ครูว่า
นั่นคือ เกิดปัญญาแล้วนะ เหมือนตัวอย่างของคนที่เดินทางมาหา
ท่านพุทธทาส เพื่อขอฟังธรรมะจากท่าน นั่นแหละ
การที่มีคนมาขอสมัครเป็นลูกศิษย์ เพื่อเรียนธรรมะจากก๋า ก็แสดงว่า เขาเข้าใจสิ่งที่ก๋าเขียนเผยแพร่ คงตรงกับสิ่งที่เขาประสบอยู่ก็ย่อมเกิดความศรัทธา ก็เป็นสิ่งดีที่งานเขียนของเราเป็นประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่าน เราไม่ได้รับเป็นศิษย์ แต่ก็ให้ตำแนะนำได้ จ้ะ ถ้าสามารถแบ่งปันให้เขาเข้าใจมากขึ้น ก็ถือเป็นวิทยาทาน จ้ะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:11:02:32 น.  

 
ขอนอกเรื่องสักหน่อย แต่พุทธทาสนี่แหละเป็นพระที่ละทิ้งทุกอย่างอย่างแท้จริง พวกพัดยศอะไรพวกนี้ก็ไม่รับไม่สนใจ

ดีแล้วที่ไม่รับเป็นศิษย์ ถ้ารับ อาจมีการเอาชื่อไปแอบอ้างก็ได้นะ ข้าศิษย์ กะว่าก๋าเชียวนะ แะไรแบบนี้

วินาทีที่เป็นอิสระนั้นมันเป็นอย่างไรนะ สำหรับประเทศนี้สัมผัสยากจริงๆ ทางกายภาพ อิสรภาพที่แท้จริงคงอยู่ที่ใจสำหรับประเทศนี้



โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:11:22:02 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ พี่ก๋า

ชื่อหนังสือ เหมือนชีวิตหนูวันนี้เลยค่ะพี่
เพราะวันนี้หมอนัดหนูไปตรวจตามา
ผลตรวจ..หมอบอกตาดีมากเลย ตาใสไม่มีจุดอะไรเลย
วินาทีที่หมอบอก คือ วินาทีที่เป้นอิสระ
สบายใจลั้ลลาไปอีก1เรื่องค่ะ





โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:14:24:55 น.  

 
พี่อุ้มชอบตั้งแต่ชื่อหนังสือ
วินาทีที่เป็นอิสระ
แล้วไล่ลงมาเป็นคำคม
มีแง่คิดที่น่าสนใจมาก


โดย: อุ้มสี วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:14:46:23 น.  

 
อ่านแล้วก็ได้คิดนะครับ น่าห่วสงอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราให้อาหารหมาป่าทั้งคู่แล้วมันสู้กันไม่หยุดจนเกือบจะตายแล้วทั้งคู่มันจะเป็นไงต่อ

ดูท่าทางผมจะต้องสู้กับส่งที่กลัวในใจให้มากกว่านี้


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:16:17:48 น.  

 
จากบล็อก
พี่ก๋ามี netflix ก็สะดวกขึ้นหน่อย จริงๆ บล็อกล่าสุดผมบอกเลยว่าแนะนำทุกเรื่องเลยล่ะครับ (ผิดกับรีวิว 3 ครั้งที่ผ่านมา)

ถ้าเป็นการ์ตูนใหม่ๆ Spy x Family เรื่องนี้แนะนำจริงๆ ขนาดอ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ยังเคยดูเลย นักวิชาการนะนั่น

ถ้าเก่าหน่อยแต่ผมว่าพี่ก๋าน่าจะชอบ The Promised Neverland กับ Code Geass <-- (เรื่องนี้รออ่านบล็อกคำคมที่ผมเตรียมจะอัปก่อนก็ได้ครับ)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:16:22:41 น.  

 
มันมีช่วงนึงที่น้องรู้สึกหมดศรัทธาในตัวเองนะคะพี่
มันไม่ดีเลย รุ้สึกว่าทำอะไรก็แย่ แต่น้องก็รุ้สึกอีกว่า
ไอ้ความศรัทธาที่ว่า บางทีมันก็ขึ้นอยุ่กับว่า
ช่วงไหนปล่อยวางได้ ปล่อยวางไม่ได้ จิตตกหรือเปล่า
คาดหวังและกดดันกับตัวเองมากไปไหน บลาๆ
พอผ่านช่วงนั้นมาได้ . . ไอ้ความศรัทธาที่ว่าก็กลับมาเองค่ะ
ความเก่งกาจของเรา ที่เรามองเห็นว่าตัวเองโคตรเก่งเลย
ก็คือ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเรา
พอถึงจุดหนึ่งเราก็จะผ่านมันไปได้เอง เสมอเลยค่ะพี่


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:17:49:02 น.  

 
ปล.นึกถึงภาพท่านพุทธทาสกับเก้าอี้ตัวนั้นเลยค่ะพี่
มันเป็นภาพที่บันทึกอยู่ในหนังสือหลายเล่มของท่านเลยค่ะ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:17:49:51 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะก๋า
พี่มาอ่านรอบดึกเลย
ขอบคุณที่นำสิ่งดีดีมาให้อ่านนะคะก๋า

ฝันดีมีความสุขค่ะก๋า


โดย: tanjira วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:20:46:37 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า หนังสือวินาทีที่เป็นอิสระ น่าสนใจอ่านดูนะคะ
พี่กิ่งชอบนิ้วกลม เคยเห็นจะมีภาพวาดแล้วให้ข้อคิดธรรมมะดีๆและลงชื่อว่า นิ้วกลม ทุกครั้ง เคยติดตามอ่านมาพักหนึ่งเหมือนกันค่ะ

ชอบเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านพุทธทาสมากค่ะ ท่านให้ข้อคิดที่ลึกล้ำมากนะคะ หากไม่เฉลียวจะคิดไม่ออกเลยถึงคำตอบของท่าน

วินาทีที่เป็นอิสระ ให้ข้อคิดดีๆอยู่เยอะมากนะคะ

Book Blog





โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:21:43:54 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า

ผมนี่หายเงียบไปเลย ยุ่งมากครับ เหนื่อยมาก ทั้งแรงทั้งสมอง

“ศรัทธาฉันทำไม ทำไมถึงไม่ศรัทธาตัวเอง”
อันนี้ได้ อันนี้เท่มากๆ ครับ เรียกว่า ถามให้กลับไปคิดอีกหลายวันเลยว่า ทำไมเราไม่ศรัทธาในตัวเอง และอะไรที่เราควรศรัทธาในตัวเอง

วินาทีที่เป็นอิสระ ผมว่าใครๆ ก็ต้องอยากมีครับ คงเป็นความโล่งแปลกๆ ผมก็อยากเป็นอิสระจากตัวตนที่ผมไม่ชอบตัวเอง คือบางมุมเราก็ไม่ได้ชอบตัวเองครับ อย่างเมื่อเช้าผมหัวเสียมาก มากชนิดโวยวายเป็นคำหยาบคาย โยนสายไฟลงโต๊ะ .ึ่ีงผมไม่ชอบตัวเองเลยครับ แต่ห้ามไม่ได้จริงๆ น้องที่อยู่ด้วยก็พยายามcalmdown ผมด้วยการบอกว่า เข้าใจ เป็นใครก็หงุดหงิด มันเป็นงี้แหละ ผมก็เงียบไปพักใหญ่ คุยกันไปคุยกันมาก็ดีขึ้น ผมชอบน้องผมตรงที่ พอเห็นผมหงุดหงิดสุด มันไม่หนี แต่มันพยายามเข้าหา คุยด้วยให้ผมได้พูด แสดงออกมาเข้าใจ แล้วมันอยู่ข้างเดียวกับผม โคดดีเลยครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:21:55:36 น.  

 
หนังสือน่าสนใจครับ
ไม่เข้าใจตัวเอง ก็แสวงหาที่พึ่งไปเรื่อย
ต้องเข้าใจตัวเอง




โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 1 มีนาคม 2566 เวลา:23:22:38 น.  

 
เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจมากค่ะคุณก๋า

การไปหาผู้ที่ศรัทธาเพื่อรับความรู้ เพื่อปรึกษาหรือเพื่อเหตุผลอื่นๆอาจไม่ใช่เรื่องผิด
แต่หากศึกษา ฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
น่าจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเองมากขึ้นและพึ่งพาคนอื่นน้อยลงนะคะ

คุณก๋าฝันดีค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:1:02:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]