

ตอนนี้ถึงคราวของป้าอิ๋วเฉลยโจทย์ที่ตัวเองตั้งไว้ค่ะ ใครๆ ก็ใจจดใจจ่อเนอะ แต่ป้าอิ๋วออกตัวไว้ก่อนนะคะ ว่า ป้าอิ๋วไม่ได้เก่งทำอาหาร ไม่ได้ถ่ายรูปได้ดีเลิศ ไม่ได้มีหัวศิลปหรืองานศิลป์ใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดที่ทำบล็อกอาหาร ล้วนทำออกมาด้วยใจ และทำแบบธรรมชาติ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งใดๆ ค่ะ ที่บ้านทำกินอย่างไร ก็ให้เห็นแบบนั้น แต่อาจจะมาแต่งจานบ้างพอจะเอามารีวิว แต่ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างทานได้จริง ทำเสร็จทานเลย..ไม่ได้ตกแต่งรูปเพื่อการโฆษณา...(ประโยคนี้คุ้นๆ เนอะ)
หากเพื่อนๆ น้องๆ จะผิดหวัง ก็ขออภัยนะคะ สำหรับการเฉลยโจทย์ครั้งแรก ที่ป้าอิ๋วตั้งไว้ 3 ข้อ ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมายสำหรับการร่วมสนุกกันครั้งแรก การเฉลยจริงๆ เลยเฉลยแค่ข้อ 1 ส่วนข้ออื่นๆ ทุกคนก็ทำกันตามสไตล์ตัวเอง เรามาว่ากันทีละข้อนะคะ
ข้อ 1 อาหารอะไรเอ่ย ที่นางงามในอดีตชอบทานกัน
..เลือกทำมา 1 ชนิดจ๊ะ อะไรก็ได้ที่บ้านทำบ่อยๆ หรือว่าทานกันบ่อยๆนั่นแหละเอามาเล้ย
.อย่างเดียวพอ
.
อันนี้ ป้าอิ๋วหมายถึงนางงามจริงๆ ตอนที่เขาประกวดเวทีนางสาวไทย สมัยก่อน เวลาถามแบบนี้กับนางงามที่ได้ตำแหน่ง เขามักจะตอบว่า
.
กินข้าวกับน้ำพริกค่ะ
อิอิ
แล้วที่บอกว่า อะไรก็ได้ที่บ้านทำบ่อยๆ หรือว่าทานกันบ่อยๆ นั่นหมายถึงว่า น้ำพริกเนี่ย มีหลายชนิด คนไทยทุกบ้านต้องเคยทำทานบ้างแหละค่ะ ก็ให้เลือกชนิดที่ตัวเองถนัด 1 อย่างค่ะ
แต่ส่วนใหญ่ เพื่อนๆ อินกันว่า ตัวเองเป็นนางงาม อิอิ ก็เลยเลือกชนิดที่ตัวเองชอบกัน อันนี้ก็ถือว่าขำๆ ค่ะ ไม่ซีเรียส แค่มีอาหารรีวิวมาให้เพื่อนๆ ชม ป้าอิ๋วก็ถือว่าทุกคนมีใจ มาร่วมสนุกกันค่ะ
ส่วน ข้อที่ 2 ภาชนะที่ใส่อาหารดังกล่าว จะต้องทำจากวัสดุธรรมชาติ ผัก ผลไม้ ใบตอง อะไรก็ได้ ถามว่ากะลาได้ไม๊
.ได้มั้งคะ
.ถ้ามี
อันนี้ ทุกคนทราบกันดีนะคะ ว่า วัสดุธรรมชาติ หมายถึงอะไร ยิ่งในความหมายของการนำมาใช้กับอาหารก็มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ ก็ไม่ต้องอธิบายมาก ทุกคนก็ตอบถูก จุดประสงค์ป้าอิ๋ว อยากให้ทุกคนแสดงไอเดีย ความคิดเห็นในการแก้ปัญหาแบบง่ายๆ ไม่ต้องถึงขนาดไปจ้างคนมาแกะสลัก พับใบตอง ถ้าทำไม่เป็น แต่ใครที่ทำเป็นแล้วถือว่าโชคดีสำหรับข้อนี้ค่ะ สำหรับตัวป้าอิ๋วก็ทำงานฝีมือแบบนั้นไม่เป็นค่ะ ถึงเป็นก็คงไม่เอามาใช้กับโจทย์ข้อนี้ เพราะมีหนทางอื่นๆเยอะแยะไป บางคนทำง่ายๆ แต่ดูดี ก็หลายคน และหลายคน ทำได้ดีน่าชื่นชมค่ะ สำหรับข้อนี้ ป้าอิ๋วก็ทำแบบธรรมดามากค่ะ
ข้อ 3 จงถ่ายรูปพรีเซนต์จาน หรือถาดใส่อาหารที่ทำสำมะเร็จเรียบร้อยแล้วของตัวเอง พร้อมกับคนทำ ก็หมายถึงตัวเองนะแหละ ประมาณว่านางงามกะทะกับผลิตภัณฑ์อันเลอค่า ที่ได้มาซึ่งหยาดเหงื่อ แรงงาน และน้ำตา (เวอร์ไปไม๊) ของตัวเอง ใครไม่อยากเอาหน้าสู้มหาชน ก็เอาอะไรแปะ หรือทำภาพเบลอไว้ที่หน้าก็ได้ หรือจะใส่หน้ากากคิตตี้ก็ไม่ว่ากันค่ะ อิอิ
ข้อนี้ มีปัญหากับหลายๆ คน บางคนก็แก้ปัญหาไปได้ เพราะป้าอิ๋วชี้โพลง ชี้ทางสว่างให้ตั้งเยอะแยะ ใครไม่อยากให้ใครเห็นหน้า ก็มีทางออกเยอะแยะค่ะ ใครยังคิดไม่ได้อีก ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะ
หลายคนแก้ปัญหาได้น่าชื่นชม บางคนไม่ได้อยากปิดบัง แต่อยากทำให้สนุกๆ อันนี้ป้าอิ๋วก็ชื่นชมค่ะ สร้างสรรค์ได้ดีมากๆ บางคนมีทักษะในการแต่งรูป อันนี้ก็ดีค่ะ ชอบๆๆๆๆ
คราวนี้เมื่อเฉลยแล้ว ก็มาดูรีวิวของป้าอิ๋วค่ะ บ่อน้ำองคุลีมาร อันนี้ มีที่มาที่ไปค่ะ จริงๆ มันคือ น้ำพริกกะปิและผักทอด นั่นเองค่ะ
แต่ที่เรียกเป็นองคุลีมาร ก็ขออ้างอิง น้ำพริกกะปิของที่ชุมพรนี่ เขามักจะมีให้ทานตามงานศพค่ะ และมักจะมีกล้วยเล็บมือนางดิบทอดเป็นชิ้นกลมๆ ยาวๆ ดูคล้ายนิ้วมือคนค่ะ และใบเหลียงทอด คู่กันมาเสมอค่ะ

และกล้วยเล็บมือนางทอด ก็เป็นที่มาของชื่อองคุลีมารค่ะ ตามที่เราเคยเรียนกันมา วรรณคดีเรื่ององคุลีมาร เมื่อฆ่าคน 1 คน ก็จะตัดนิ้วมาร้อยและห้อยคอไว้ 1 นิ้ว แฮะ แฮะ แต่ความเป็นจริงแล้วนิ้วที่เหลือ อีตาองคุลีมาร เอามากองไว้ข้างๆ บ่อน้ำค่ะ (เชื่อไม๊เนีย) ตอนนี้ บ่อน้ำองคุลีมาร เลยมีนิ้วมือมนุษย์กองอยู่เกะกะเต็มไปหมดไงค่ะ อิอิ เข้าทางการวางที่ไม่เป็นระเบียบของป้าอิ๋วเลย ฮ่า
ระเบียบน่ะ ป้าอิ๋วไม่ ง่ายๆ ป้าอิ๋วชอบบบบบบบ
น้ำพริกกะปิวันนี้ นอกจาก เครื่องปรุงมาตรฐานแล้ว ยังได้กุ้งแห้ง ซึ่งเป็นอภินันทนาการจากน้องก๋อย-Ananas99 อีกด้วยค่ะ ขอบคุณคร๊าบบบบบบ
สำหรับภาชนะ ซึ่งต้องทำก่อน ป้าอิ๋วคิดไว้เยอะเลยค่ะ แต่อันแรกสุดที่คิดไว้คือ น้ำเต้า ซึ่งแม่ต้อ ตัดหน้าไปก่อนเลยยกเลิกค่ะ
มะละกอข้างบ้าน อ้าว แม่ต้อ ก็จัดการไปอีกแล้ว ยกเลิกอีกค่ะ จริงๆ ก็ทำคนละแบบก็ได้ แต่ขี้เกียจนะ
ไปเดินๆ ในตลาดๆ ก็ไม่ค่อยเก็ตไอเดียเลย เพราะตลาดบ้านนอก ไม่ค่อยมีอะไรมาก เห็นสัปรดก็กะจะซื้อมาแกงส้มค่ะ ตอนมาใหม่ๆ เขียวสดสวยเชียวค่ะ วางไว้พักหนึง สีเป็นเหลือง ฮ่าๆ

ต้องจัดการซะก่อนที่มันจะสิ้นอายุขัย เอามาทำภาชนะก็ได้ ลองดู ลองดู
เดินไปหยิบอีโต้
ตัดฉับกลางๆ ค่อนข้างไปทางหัว

ใช้มีปลายแหลมเล็กๆ ค่อยๆ กรีดและควักเนื้อตรงกลางออกทีละนิด แอบชิมไปคำหนึง เฮ้ย อร่อยอ่ะ ไม่ได้ถามเขาว่าพันธุ์อะไร เพราะยายเขาขายแบกระดินน่ะ ซื้อมา 10 บาท
ควักส่วนด้านล่าง ทำเป็นถ้วยน้ำพริก ควักส่วนด้านบนทำฝาปิด
ริมขอบ มันดูตรงๆ คงทื่อเกินไป ขอจักๆ ให้มันเป็นฟันๆๆๆ หน่อยละกัน บ่อน้ำองคุลีมาร ดีเรียบร้อยสวยงามเกินไป มันจะผิดคอนเซปต์ค่ะ เลยต้องทำให้ดูโหดเล็กน้อย การจักดูเหมือนจะโปร อิอิ แต่จริงๆ แล้ว เป็น โปรเบชั่นนนนนนนนน (probation)

ได้สัปรดมาเป็นถ้วยน้ำพริกแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าใส่น้ำพริกลงไปตรงๆ น้ำพริกคงจะซึมลงผิวเปลือกสัปรด รสชาดเปลี่ยนแน่นอน เลยต้องหาอะไรมาใส่รองซะหน่อย
คิด คิด คิด เข้าไปป้าอิ๋ว อย่ามีสมองเอาไว้แค่กั้นหู!!!!!
เดินไปชงกาแฟ
ยืนกินกาแฟหลังบ้าน มองเห็นต้นกล้วย ฮ่า ได้การล่ะ กล้วยหลังบ้านเรา ถึงแม้จะไม่ใช่ตานี ปลายหวีไม่ได้เหี่ยวแบบบ้านพี่หญิงหย่ายยยย แต่คงจะใช้การได้นะ ว่าแล้วก็วางแก้วกาแฟ ปีนขึ้นกำแพง ฟันก้านกิ่งกล้วยฉับๆๆๆๆ มดแดงรุมสกัม อะจ๊ากกกกก กระโดดลงกำแพงขาแทบหัก
..แต่ก็รอดมาได้ โดนกัดซะยับเยิน

ตัดต้นกล้วยมา 2 ใบ กะเอามาห่อกะปิปิ้ง และทำกระทงใส่น้ำพริก และก็ได้เป็นถ้วยอย่างที่เห็น ขี้เหร่สุดชีวิต กร๊ากกกกก อย่าได้เอาไปเปรียบเทียบกับน้องเหมียวเป็นเด็ดขาดดดดดด
คราวนี้ ก้านกล้วย จะเอามาทำปืนก้านกล้วย ก็หมดวัยเล่นแล้วค่ะ เลยเอามาทำแพใส่ผักทอดดีกว่า ก็เอามาตัดๆ ผ่าๆ แล้วเอาไม้จิ้มฟันนะแหละกลัดๆๆ เข้าไป ไม่ต้องใช้ไอเดียอะไรหรอกค่ะ ทำไงก็ได้ให้มันเป็นแพ อิอิ


เสร็จแล้วววว คราวนี้โจทย์ภาชนะเรียบร้อยแล้วสำหรับป้าอิ๋ว กว่าจะเสร็จก็เกือบค่ำแล้วค่ะ รู้เลยว่าอาหารของป้าอิ๋วต้องถ่ายกลางคืนอีกแล้ว เตรียมใจไว้แล้วค่ะ ว่ารูปต้องไม่สวยแน่ ๆ เพราะกล้องป้าอิ๋วไม่มีไฟแฟลชค่ะ

คราวนี้มาทำน้ำพริกเพื่อใส่ในบ่อน้ำองคุลีมารของเราค่ะ
เครื่องปรุง
กะปิเคยอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมปอกเปลือก 7-10 กลีบ
น้ำมะนาว 4 ผล (มะนาวหน้าแล้ง น้ำน้อยค่ะ)
พริกสด 10 15 เม็ด ตามชอบ
น้ำตาลโตนด กะๆ เอาค่ะ
กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือพวง ตามชอบ
หมายเหตุ ปริมาณสัดส่วนต่างๆ ตามความชอบส่วนบุคคลค่ะ เพราะฉะนั้น ทำไปชิมไป ดีที่สุดค่ะ

วิธีทำน้ำพริก แต่ละบ้านอาจมีเทคนิคที่แตกต่างกันไปนะคะ บ้านป้าอิ๋วถ้าใส่กุ้งแห้ง ก็ตำกุ้งแห้งให้ฟูๆ แบบนี้ก่อนค่ะ

เอากะปิห่อใบตองไปย่างให้หอมค่ะ
แล้วนำมาใส่ครกพร้อมกระเทียมและตำค่ะ เพื่อดับกลิ่นกะปิอีกรอบหนึง

เมื่อกระเทียมแหลก ก็เอาพริกสดลงตำค่ะ ที่บ้านแม่ชอบให้เลือกใช้พริกเขียวๆ ค่ะ เพราะกลิ่นพริกเขียวจะหอมกว่า เหมาะสำหรับการตำน้ำพริกค่ะ แต่ตอนนี้บ้านป้าอิ๋วมีแบบนี้ค่ะ

แล้วก็ใส่อย่างอื่นที่เหลือลงไปค่ะ ชิมๆ ปรุงๆไปเรื่อยๆ ตามชอบเลย



สุดท้ายตักใส่กระทงใบตองที่อยู่ในผลสัปรด และใส่มะเชือพวงลงในครก เอาสากบุบๆ เล็กน้อย ตักแหมะไว้ข้างบนค่ะ ตกแต่งพริกสดเล็กน้อย เผื่อใครอยากจะทานเผ็ด

ผักทอด
นำแป้งชุบทอดมาละลายน้ำเย็น ให้ปริมาณที่เหมาะสม คือข้นแบบนี้ พอให้ชุบผักติด

นำผักมาชุบค่ะ วันนี้มีกล้วยเล็บมือนาง ได้มาหลายวัน เริ่มสีน้ำตาลแล้วค่ะ

ผ่า 4 ตามยาวค่ะ มะเขือยาว และใบชะพลู วิ่งไปเก็บหน้าบ้านมาค่ะ

แล้วชุบแป้ง ทอดในน้ำมันร้อนๆ


ตักให้สะเด็ดน้ำมันค่ะ เตรียมจัดเรียงค่ะ

คราวนี้ ก็เรียงๆ ไปค่ะ ตามคอนเซปต์ เอากล้วยเล็กมือนางที่ชุบแป้งแล้ว วางๆ ไว้รอบๆ ถ้วยน้ำพริก ค่ะ แล้วก็เรียงผักทอดอื่นๆ ไปค่ะ วันนี้ซื้อเนียงมาด้วยค่ะ ผักพื้นบ้านที่เริ่มหายากและแพงเชียวค่ะ 3 เม๊ดอย่างนั้น 8 บาทค่ะ ปกติ ป้าอิ๋วไม่เคยซื้อได้มาฟรีตลอด ก็ทิ้งๆ ขว้างๆ มาวันนี้ซื้อทาน จึงรู้ว่าแพง เลยทานไม่ทิ้งเลยค่ะ


ก็ได้บ่อน้ำองคุลีมาร ดังรูปนะคะ แหม๋ ก็องคุลีมาร อาศัยกินนอนอยู่ในป่า ก็ต้องรกๆ เป็นธรรมดาค่ะ
.อ้างอีกแล้ว
..



คราวนี้ มาถึงข้อ 3 ค่ะ ป้าอิ๋วว่า หลายคนอ่านรีวิวนี้ ไม่ได้อ่านข้างบนหรอกค่ะ ใจจดจ่ออยู่กับ ข้อ 3 นี่แหละ อยากจะเห็นว่า นังป้าอิ๋วปากร้าย ตัวร้าย จะหน้าตาขี้เหร่ประมาณไหน
จริงๆ ป้าอิ๋วจะถ่ายรูปใครมาก็ได้เนอะ ไม่มีใครรู้นิ แต่ด้วยจรรยาบรรณ (ว่าไปนั่น) เราก็ต้องซื่อสัตย์ เพียงแต่อย่างที่บอก ตอนทำเสร็จก็กลางคืนแล้วค่ะ ไม่มีใครถ่ายรูปให้ก็ตั้งอัตโนมัติค่ะ ก็ยังถ่ายได้หลายรูป แต่ปัญหาตรงที่ว่า จะพรีเซ็นท์แบบไหนดีหนอ
โปรดติดตามตอนต่อไป.... องคุลีมาร ภาค 2 พรุ่งนี้ค่ะ
อิอิ