ตอนที่ 9 : ไปลิ้มรสพระธรรมที่วัดอโศการาม อ.มือง จ.สมุทรปราการ
เข้าสู่ตอนที่ 9 แห่งการตะลอนทัวร์จังหวัดสมุทรปราการ ยังเป็นภาพอุ้มในวันสงกรานต์วันที่ 14 เมษายน 2556 เป็นภาพช่วงบ่ายสามจนถึงตอนเย็นมืดเลยค่ะ
ป้าสุนีย์เป็นคนนำเสนอและเป็นคนพามาไหว้หลวงพ่อลีที่วัดอโศการาม เป็นวัดป่าสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ที่วัดแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้และปฏิบัติธรรมตามแนวทางปฏิปทาของหลวงพ่อลี ธมฺมธโรค่ะ ซึ่งวัดอโศการามแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยสุขาภิบาล 58 ถ.สุขุมวิท (กม.ที่ 31) ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ. สมุทรปราการ โดยเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดย พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตนั่นเองค่ะ
แผนที่การเดินทางมาสักการะวัดอโศการามค่ะ
เมื่อมาถึงวัดอโศการามแล้ว ห้ามพลาดขึ้นไปไหว้หลวงพ่อลีกันที่วิหารสุทธิธรรมรังสีนะคะ หลวงพ่อลีเป็นที่เรื่องลือกันว่า ท่านอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุได้อย่างใจนึก แล้วท่านเลื่องลือในด้สนความศักดืสิทธิ์มากๆ ค่ะ นับเป็นอีกหนึ่งในอรหันต์ของเมื่องไทยที่มีคนเคารพนับถือมากค่ะ
จากหนังสือชีวประวัติของหลวงพ่อลีได้เขียนไว้ว่า การตั้งชื่อวัดอโศการามนี้มิใช่ได้คิดขึ้นในคราวที่ตั้งได้คิดชื่อนี้ขึ้นตั้งแต่ปีจำพรรษาอยู่ที่ต.สารนารถ เมืองพาราณสี ได้เอานามของท่านผู้มีคุณวุฒิ เป็นฉายาลักษณ์ของผู้ทรงคุณ ฉะนั้นจึงได้สร้างพระรูปนี้ขึ้นประกอบในนามของวัดเพื่อเป็นสวัสดิมงคลสืบต่อไป คำว่า "อโศการาม" เป็นคำสนธิเป็นคำ ๒ คำ คือ คำว่า "อโศก" ที่แปลว่า ไร้ความเศร้า และกับคำว่า "อาราม" ที่มีความหมายว่า แหล่งรื่นรมย์ เมื่อนำรวมกันแล้วจะได้ความหมายที่ดีคือ แหล่งรื่นรมย์ที่ไร้ความเศร้าหมอง
เมื่อสติของเราหนาแน่นไม่ย่อหย่อน สมาธิของเราก็แข็งขึ้น ใจก็เที่ยง สติจึงเป็นตัวเหตุ เป็นตัวอุปการีที่อนุเคราะห์ ส่งเสริมให้สมาธิของเราเจริญขึ้น สติจึงเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ของเราเราจะต้องเลี้ยงดูไว้เสมอ สตินั้นท่านเรียกว่า มาติกากุสลา แปลว่า "แม่ของกุศล" (พระธรรมคำสอน
ท่านพ่อลี ธัมมธโร)
ซึ่งนอกจากมาสักการะหลวงพ่อลีแล้วนะคะภายในวัดจะเห็นพระธุตังคเจดีย์ คือเจดีย์ 13 องค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่ง "ธุดงควัตร 13 ข้อ อนุสาวรีย์ของ พระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งหลวงพ่อลีได้นำพระนามของพระองค์มาเป็นชื่อวัด พระอุโบสถวัดอโศการามสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2501 และผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ. 2503 หลวงพ่อลีได้รับคำชมเชยจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานว่า "ท่านลีนี่...พลังแห่งใจดีมาก เด็ดเดี่ยวอาจหาญ เฉียบขาด ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยธรรมตลอด" ในหนังสือประวัติหลวงพ่อลีบันทึกไว้ว่า ในดือนธันวาคม พ.ศ. 2496 หลวงพ่อลีอธิษฐานจิตบำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิทั้งคืนที่วัดเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี กับสานุศิษย์อีก 6 รูป ขณะนั่งสมาธิภาวนาอยู่นั้นท่านได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นบนศีรษะ เสียงดังเป็นระยะๆ คล้ายฝนตก สักครู่หนึ่งท่านได้เห็นพระรูปพระเจ้าอโศกมหาราชตกลงมาใกล้ๆ ลักษณะเป็นแก้วเจียระไนสี่เหลี่ยมสีดำอมชมพู โตประมาณนิ้วหัวแม่มือ ต่อมาแก้วดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้อย่างดีไว้ที่วิหารหลวงพ่อเศียรมาจนทุกวันนี้ค่ะ
มีหลายคนตั้งข้อสงสัยกันว่าทำไมถึงได้มีอนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกมหาราชอยู่ในวัดอโศการาม สืบเนื่องมาจากพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์โลก พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์โมริยะ ครองราชย์สมบัติ ณ พระนครปาฏลีบุตร ในพ.ศ. 218-260 และเป็นพุทธศาสนูปถัมภก
หลวงพ่อลีได้พูดถึงเรื่องนี้เป็นปริศนาว่า "ขอให้ผู้รู้ ผู้เห็น จงสำเหนียกเอาด้วยตนเอง จิตวิญญาณของพระเจ้าอโศกมหาราชอาจจะช่วยเหลือพวกเราอยู่ และอาจจะอยู่ใกล้ พวกเราผู้ปฏิบัติธรรมก็ได้" หลวงพ่อลีมีความผูกพันและซาบซึ้งในพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นอย่างมาก เสมือนท่านเคยเกิดและเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยนั้น คราวที่ท่านปประเทศอินเดียและได้เห็นพระเจดีย์และสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชมีสภาพทรุดโทรมและหักพัง ท่านจึงมีดำริที่จะสร้างทดแทนขึ้นไว้ในเมืองไทย และนับเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อท่านอธิษฐานจิต ขอให้พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุอรหันต์ต่างๆ เสด็จมาอยู่กับท่านปรากฏว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวก็มาอยู่กับท่านจริงๆ
มีหลายคนกล่าวไว้ว่าหลวงพ่อลีคือพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด โดยมีความเหมือนกันอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงโปรดปราณในการปลูกต้นโพธิ์เป็นพิเศษ หลวงพ่อพ่อลีก็เช่นกันในสมัยที่ท่านลีมีชีวิตอยู่ท่านก็ชอบปลูกต้นโพธิ์เองและชักชวนคนอื่นปลูกด้วยเป็นจำนวนมาก
หลวงพ่อลีได้รับถวายที่ดิน 33 ไร่จากนายสุเมธ-นางกิมหงษ์ ไกรกาญจน์ ให้สร้างวัดอโศการามในปีพ.ศ.2498 และได้รับถวายที่ดินเพิ่มอีก 88 ไร่ 2 งาน 74 ตาราวาจากนายกวี-นางละเอียด เหรียนระวี รวมเนื้อที่ของวัดอโศการามทั้งหมดเป็น 154 ไร่ 1 งาน 56 ตาราวา โดยแรกตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก่อนชื่อว่าสำนักสงฆ์นาแม่ขาว คำว่า "นาแม่ขาว" มาจากชื่อของคุณยายขาวซึ่งเป็นเจ้าของที่นา ต่อมาปีพ.ศ. 2499 ด้วยเหตุที่พ่อท่านลีระลึกชาติและมีความผูกพันอยู่กับพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านจึงนำเรื่องไปกราบทูลขอตั้งชื่อวัดใหม่เป็น "วัดอโศการาม" กับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฐายี) และคณะสงฆ์ตามลำดับ ซึ่งทุกท่านก็เห็นชอบด้วย จึงได้เปลี่ยนชื่อจากสำนักสงฆ์นาแม่ขาวมาเป็นวัดอโศการามตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่มาของคำว่า "อโศการาม" เป็นชื่อวัดสำคัญที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างไว้ในกรุงปาฏลีบุตร และเป็นสถานที่ที่ทำสังคายนาครั้งที่ 3 ด้วยความที่หลวงพ่อลีมีปานดำที่ลิ้น จึงมีผู้คนเชื่อกันว่าท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ท่านบอกว่า "ของสิ่งใดที่จะเป็นภัยแก่จิตใจ ให้ทำลายหรือสละสิ่งนั้นเสีย แล้วผู้นั้นก็จะได้ความสุขเป็นการตอบแทน" หลวงพ่อลีมรณภาพเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2504 เวลา 11.00 น. รวมสิริอายุได้ 55 ปี 2 เดือน 25 วัน 34 พรรษา
ที่วัดอโศการามแห่งนี้จะไม่มีงานรื่นเริงบันเทิงเริงรมย์ ตลอดทั้งไม่มีงานมหรสพต่างเลยค่ะ แต่จะมีการนั่งวิปัสสนาและการปฎิบัติธรรมของศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใส และในเดือนเมษายนนั้นจะมีการบวชพราหมณ์ มีการฉันท์เช้า มีการเทศน์ และทำบุญในโรงงานให้ประชาชนได้เข้ามาทานอาหารฟรี โดยที่ประชาชนในชุมชนได้เข้ามาทานฟรีโดยที่ประชาชนในชุมชนจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือในการทำบุญ และในแต่ละปีนั้นจะมีการนิมนต์พระจากวัดต่างๆ มาให้เท่าอายุของหลวงพ่อลี
ธรรมครูบาอาจารย์ท่านพ่อลี สมดัง พุทธวจนะ "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริ และโอตตัปปะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว..."
กิจกรรมหนึ่งที่ทางวัดอโศกรารามจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งจะจัดมีขึ้นทุกวันที่ 24-26 เมษายนของทุกปี ซึ่งตรงกับวันมรณภาพของหลวงพ่อลี ธมมธโร เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดอโศการาม
วัดอโศกรารมจะแตกต่างจากวัดอื่นๆ ก็คือ วัดอโศการามแห่งนี้จะไม่มีเมรุเหมือนวัดอื่นๆ ที่จำต้องมีเพื่อจัดงานฌาปาณกิจให้กับประชาชนทั่วไป เพราะวัดแห่งนี้ไม่รับเผาศพหรือสวดพระอภิธรรม หากมีการเผาภายในวัดก็จะเป็นการเผาแบบเชิงตะกอนเพื่อให้ผู้พบเห็นปลงกับสังขาร อันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงของมนุษย์ค่ะ
ป้าสุนีย์พามาดูป่าชายเลนและแต่เข้าไปดูไม่ได้เพราะปิดประตูกั้นต้องเข้าอีกทางหนึ่ง ก็เลยได้เดินผ่านยังบ้านพักของแม่ชีที่ปฏิบัติธรรมพักอยู่ที่นี่เลยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่มาวัดอโศการามคืออุ้มได้รู้ถึงธรรมะหลวงพ่อลี บทนี้ค่ะ และรู้สึกชอบมาก"สิ่งใดทุกข์ สิ่งนั้นอนัตตา"
เมื่อได้เวลา 17.00 น. และลมฝนเริ่มพัดมาอย่างแรง สมคสรแก่เวลากลับผึ้งนางโฮมสเตย์ มาส่งและร่ำลาป้าสุนีย์ส่งขึ้นรถแล้ว คุณนายอุ้มสีกับป้าปุ๊ยรีบลงเรือกลับมายังวัดบางน้ำผึ้งนอกเป็นห่วงจักรยานดั้วย เป็นห่วงป้าปุ๊ยด้วยจะกลับบ้านยังไงลมแรงมากๆ ค่ะ ฟ้ามืดน่ากลัว แล้วป้าปุ๊ยก็เจอฝนตกหนักด้วยค่ะ จบตอนที่ 9 แต่เพียงเท่านี้นะคะ BLOG หน้าขอคิดก่อนว่าจะเป็นอะไรดีเจ้าค่ะ ขอบคุณทุกๆ เม้นท์นะคะ ช่วงนี้ชีวิต BUSY
ขอขอบคุณ ที่มาของข้อมูล : จากวัดอโศการาม และเวปธรรมะต่างๆ ในกูเกิ้ลค่ะ banner : คุณ no filling / BG & กรอบ : น้อง KungGuenter / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat เพลง : เกิดมาพึ่งกัน : วงแกรนด์เอ๊กซ์ โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย / ดุ๊กดิ๊ก : คุณยายชมพร & คุณญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
|
|
Create Date : 18 มิถุนายน 2556 |
|
81 comments |
Last Update : 20 มิถุนายน 2556 21:38:44 น. |
Counter : 7190 Pageviews. |
|
|
|