ททท.สนง.ลพบุรี พาตัวแทนแต่ละหมู่บ้านในวิถีชุมชนของ จ.สิงห์บุรี-จ.ชัยนาทดูงานที่จ.พระนครศรีอยุธยา
เป็นภาพออกทริปในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี นำโดย นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลพบุรี และรอง นงนุช สุวรรณรักษ์ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลพบุรี พาตัวแทนแต่ละหมู่บ้านในวิถีชุมชนของจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดชัยนาท จำนวน 2 รถบัส เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้
ในทริปศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวในภูมิภาคภาคกลางจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนการตลาดในวิถีชุมชน เสริมสร้างรายได้ และ ศึกษาเรียนรู้วิถีพอเพียง ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ใน จ.พระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ อาทิการศึกษา วัดวาอารามในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตลาดโก้งโค้งในวิถีชุมชน และ ศูนย์การเรียนรู้ต่างๆในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าที่ผู้เข้าร่วมทริปนี้จะได้นำวิถีการตลาดการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำไปประยุกต์ ปรับปรุง เสริมสร้างให้วิถีชุมชน ในจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดชัยนาท ให้มีประสิทธิผลทางการตลาดในวิถีชุมชนและการท่องเที่ยวของทั้งสองจังหวัดได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน
นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.สำนักงานลพบุรี เปิดเผยว่า ในการเดินทาง ทางททท.สำนักงานลพบุรีเราดูแลสุขภาพกันเป็นพิเศษค่ะ เพราะว่าทั้งสองรถบัสของเราจะมีการดูแลเรื่องของการแจกผ้าเย็น ทิชชู่เปียก เจลล้างมือ เราจะมีการใช้เจลล้างมือทุกครั้งก่อนที่จะขึ้นรถ แล้วผู้ที่เดินทางเองที่เขาไม่มั่นใจเขาก็สวมใส่หน้ากากอนามัยนำมาใส่ป้องกันเอง เพราะเราอยู่ในช่วงที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพกันอยู่ก็ไม่ต้องห่วงกันนะคะ เราเดินทางครั้งนี้ปลอดภัย สะดวก สะอาด และก็สนุกค่ะ
กิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ให้สำนักงานในภาคกลางทุกสำนักงาน จัดกิจกรรมเพื่อที่จะอย่างน้อยเป็นกำลังใจเรื่องของการท่องเที่ยวในภาวะการณ์แบบนี้ ที่เราผ่านวิกฤตการณ์หลายๆ อย่างทำให้การท่องเที่ยวลดน้อยลง คนก็มีความกลัวไม่มั่นใจในการท่องเที่ยว แต่อย่างน้อยในภาคกลาง ในจังหวัดใกล้ๆ เราสามารถท่องเที่ยวในระยะใกล้ จากจังหวัดนี้ไปจังหวัดนี้ในพื้นที่ที่ 1 วันหรือ 2 วันสามารถเที่ยวได้
วันนี้ ททท.สำนักงานลพบุรี จึงจัดนำนักท่องเที่ยวทั้งสองจังหวัดด้วยกันก็คือจังหวัดชัยนาทและจังหวัดสิงห์บุรี เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาใน 1 วัน และอีก 1 วันเที่ยวสลับกันในพื้นที่เอง เช่น จังหวัดสิงห์บุรีก็ไปเที่ยวจังหวัดลพบุรีแล้วจังหวัดชัยนาทก็ไปเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี สรุปก็คือ เราจัดนำนักท่องเที่ยวจำนวนสองรถบัสด้วยกันเดินทางท่องเที่ยวสองวัน 1 คืน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วก็ในพื้นที่ของเรา ก็ได้รับเกียรติจากนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครือข่ายทางการท่องเที่ยว และพันธมิตรทางการท่องเที่ยวทั้งชัยนาทและสิงห์บุรี โดยเฉพาะจังหวัดสิงห์บุรีเราได้นำผู้ประกอบการ แม่ค้าที่อยู่ในตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน มาดูงานการท่องเที่ยวชุมชน วัฒนธรรมแล้วก็ตลาดทางนี้ด้วย อย่างเช่นวันนี้ตอนนี้วัดใหญ่ชัยมงคล แล้วจะไปวัดพนัญเชิง แล้วไปตลาดโก้งโค้ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ที่สำคัญก็คือไปเยี่ยมชมศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวทั้งสองรถบัสทั้งหมด 60 ท่าน จะได้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อเตรียมการณ์รองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ของเราหลังจากช่วงวิกฤตินี้ผ่านไปแล้ว ก็เป็นโอกาสดีที่ทางเราเอง ททท.นำเขามาเพิ่มเติมความรู้ เพิ่มเติมประสบการณ์ และพัฒนาศักยภาพทางการท่องเที่ยวเมื่อกลับไป วันนี้ได้นำพากันมา ณ จุดแรกคิดว่าทุกคนจะได้รับความรู้กลับไปพัฒนาอย่างยั่งยืนแน่นอนค่ะ
วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือวัดเจ้าไท ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประวัติวัดใหญ่ชัยมงคล วัดนี้ตามพงศาวดารสันนิษฐานทางหนึ่งว่า เดิมพระเจ้าอู่ท่องทรงสร้างเมื่อ พ.ศ.1900 หลังการสร้างกรุงศรีอยุธยาได้ไม่นานนัก โดยพระองค์ให้ขุดพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทย ที่สิ้นพระชนม์ด้วยอหิวาตกโรคเอาขึ้นมาเผาเสียและที่ปลงพระศพนั้นให้สถาปนาพระเจดีย์และพระวิหาร สำหรับเป็นสำนักของพระสงฆ์ที่บวชเรียนมาจากสำนักของพระวันรัตนมหาเถระในลังกา ที่เน้นทางวิปัสสนาธุระถือการบำเพ็ญภาวนาเป็นสำคัญ คณะสงฆ์นี้ได้เป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวกรุงศรีอยุธยาเป็นอันมาก ทำให้ผู้คนต่างมาบวชเรียน ในสำนักพระวัดรัตนมหาเถระในลังกาทวีปเรียกนามนิกายนี้ว่า "คณะป่าแก้ว" จึงได้นามว่าวัดป่าแก้ว ต่อมาคนทั้งหลายพากันเสื่อมใสบวชเรียนพระสงฆ์ นิกายนี้จึงเจริญแพร่หลาย
พระราชาธิบดีจึงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระคือสังฆราชฝ่ายซ้าย และวัดนี้เป็นที่สิงสถิตของสมเด็จพระสังฆราชจึงได้ชื่อว่า "วัดเจ้าพญาไท" สำหรับพระอุโบสถของวัดนี้พระเฑียรราชาเคยมาเสี่ยงเทียนอธิษฐานแข่งบารมีกับขุนวรวงศาธิราช ก่อนที่จะได้ราชสมบัติ มีเรื่องราวหนึ่งในพงศาวดารของวัดป่าแก้วว่าในอุโบสถของวัดเคยเป็นที่ซึ่งคณะ คิดกำจัดขุนวรวงศาธิราชกับท้าวศรีสุดาจันทร์มาประชุมเสี่ยงเทียนอธิษฐาน และทำการเป็นผลสำเร็จ จึงอัญเชิญพระเฑียรราชาลาผนวชขึ้นครองราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
พ.ศ. 2104 ในรัชกาลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั้นเองได้มีพระบรมราชโองการให้เอาสังฆราชวัดป่าแก้วไปสำเร็จโทษ ฐานฝักใฝ่ให้ฤกษ์ยามแก่ฝ่ายกบฎพระศรีศิลป์ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหาอุปราชาแห่งพม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2135 หมายจะปราบปรามเมืองไทยไว้ในอำนาจ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกกองทัพออกไปต่อสู่กับข้าศึกจนได้ชนช้างกับพระมหาอุปราชา ที่ตำบลหนองสาหร่าย แขวงเมืองสุพรรณบุรี ครั้นเมื่อเสร็จสงครามแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีชัยชนะทรงฟันคู่ต่อสู้สิ้นพระชนม์บนคอช้าง แต่ครั้งนั้นไม่สามารถจะตีกองทัพของข้าศึกให้แตกแยกยับเยินไปได้เนื่องจากกองทัพต่างๆ ติดตามไปไม่ทันพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงพิโรธแม่ทัพนายกองเหล่านั้น จะให้ประหารชีวิตแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จไปไม่ทันเสียให้หมด สมเด็จพระวันรัตนวัดป่าแก้วถวายพระพรขอพระราชทานโทษไว้แล้วทรงแนะนำให้ทรงสร้างเจดีย์ ไว้เป็นที่ระลึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศที่ได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น เจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้นที่วัดนี้ขนานนามว่า "พระเจดีย์ชัยมงคล" ต่อมาจึงเรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดใหญ่ชัยมงคล
พระเจดีย์ชัยมงคลนับเป็นปูชนียวัตถุอันสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของชาติไทย เพราะเป็นนิมิตรหมายของเอกราชของชาติและเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความกล้าหาญเสียสละ ที่สมเด็จพระมหาวีรราชเจ้าและวีรบุรุษของชาวไทยได้มีมาในอดีต อันเป็นผลตกทอดมาถึงคนไทยทุกคนในปัจจุบันนี้ในวิถีแห่งชีวิตทุกทาง นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องหมายแห่งชาวไทยทั้งมวล ที่ได้ร่วมมือกันกอบกู้เอกราชของชาติและธำรงไว้ซึ่งเอกราชนั้นตลอดมา เป็นสิ่งเตือนใจให้คนรุ่นหลังได้ทำกิจการงานทั้งปวงตามหน้าที่ของแต่ละบุคคลโดยสุจริต และความพากเพียร เพื่อให้ชาติไทยนั้นได้อยู่ได้โดยเสรีและเป็นปกติสุข
มาต่อประวัติวิหารพระพุทธไสยาสน์สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่สักการะและปฏิบัติพระกรรมฐานพระพุทธรูป พร้อมกันนั้นให้สร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์เพื่อเป็นที่ถวายสักการะและบูชาพระปฏิบัติกรรมฐาน ปัจจุบันวิหารแห่งนี้หลงเหลือเพียงเสาสองต้น และกำแพงบางส่วนหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ในปี พ.ศ.2508 ซึ่งตรงกับปีเกิดอุ้มค่ะ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าใครได้มาสักการะพระนอนวัดใหญ่ชัยมงคล ถือว่าจะเด่นในเรื่องการอภัยทานเพราะหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นก็จะได้รับการ และมีเมตตามหานิยม ที่ใครเห็นใครชอบน่ะค่ะ
นอกจากนี้แล้วไปไหว้พระวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วเดินข้ามสะพานไปนมัสการศาลสมเด็จพระนเรศวร ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544 ภายในศาลมีรูปปั้นขององค์สมเด็จพระนเรศวรประทับในท่านั่งหลั่งน้ำสุวรรณภิงคารประกาศอิสรภาพ เมื่อมาวัดใหญ่ก็ต้องห้ามพลาดมากราบพระนเรศวรนะคะ
ออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล ททท.สำนักงานลพบุรีพามาไหว้พระที่วัดพนัญเชิง วัดพนัญเชิงวรวิหารตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหารแบบมหานิกาย มีจุดเด่นสำคัญ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา
วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีน ต่างให้ความเคารพนับถือเรียกว่ามาเยือนกรุงเก่าก็ต้องมาวัดนี้เลยค่ะ
ประวัติ วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า เป็นวัดที่พระเจ้าสายน้ำผึ้งสร้างขึ้นในปีพ.ศ 1867 ตรงกับวันที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อพระเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ.1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก เป็นพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทอง หลวงพ่อโตถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง เพราะพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1868 หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 สถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี
หลวงพ่อโตเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวจีนเรียกขานนามว่า เจ้าพ่อซำปอกง หรือผู้คุ้มครองการเดินทางในทะเล ต่อมาได้รับพระราชทานนามใหม่จากรัชกาลที่ 4 ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร นับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ประดิษฐานในพระวิหารใหญ่ซึ่งสร้างคลุมในภายหลัง เสาเขียนสีลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่งสีแดง หัวเสาประดับปูนปั้นรูปบัวกลุ่มกลีบซ้อนกันหลายชั้น เสากลมขนาดใหญ่ที่หัวเสาปั้นปูนเป็นกลีบบัว เรียกว่า บัวกลุ่ม บานประตูไม้แกะสลักลอยตัวเป็นลายก้านขดยกดอกนูนออกมา ผนัง 4 ด้านเจาะช่องบรรจุพระพุทธรูป 84,000 องค์เท่าจำนวนพระธรรมขันธ์ เรียกว่าพระงั่ง
ตามพงศาวดารเหนือบันทึกไว้ว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ผู้ครองอโยธยาก่อนราชวงศ์อู่ทองทรงสร้าง ณ บริเวณที่พระราชทานเพลิงพระศพพระนางสร้อยดอกหมาก พระราชธิดาบุญธรรมในพระเจ้ากรุงจีน ซึ่งยกให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้ง แต่เมื่อกลับจากรับตัวพระนางมาจากเมืองจีน พระเจ้าสายน้ำผึ้งรับสั่งให้พระนางรออยู่ที่เรือพระที่นั่งก่อนจะทรงจัดขบวนมารับเข้าวัง แต่พระองค์มิได้เสด็จมารับว่าที่พระอัครมเหสีด้วยองค์เอง พระนางสร้อยหมากจึงไม่ยอมขึ้นจากเรือ เป็นเช่นนี้อยู่ 2 ครั้ง พระเจ้าสายน้ำผึ้งรับสั่งสัพยอกทั้ง 2 ครั้งว่า "เมื่อไม่ขึ้นก็จงอยู่ที่นี่เถิด" ด้วยความน้อยพระทัย พระนางสร้อยหมากทรงกลั้นพระทัยถึงแก่สวรรคตทันที เป็นที่มาของชื่อวัดว่า วัดพระนางเชิง ยังคงพบเห็นตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมากริมแม่น้ำป่าสัก สถานที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก หรือชาวจีนเรียกว่า จู๊แซเนี้ย หมายต่อไปเป็นตลาดโก้งโค้งค่ะ
ตลาดโก้งโค้งตั้งอยู่ที่ ถ. บางปะอิน-วัดพนัญเชิง (ติดวัดเลน) ต.ขนอนหลวง สมัยอดีตที่แห่งนี้เป็นด่านขนอน (ด่านเก็บภาษีในสมัยนั้น) มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้านานาชนิด ทั้งที่เป็นสินค้าชุมชนและสินค้าที่มาจากต่างเมือง ต่อมาที่นี่จึงถูกรือฟื้นให้กลายมาเป็นตลาดโก้งโค้งในปัจจุบันนี้
ที่มาของคำว่าตลาดโก้งโค้ง เพราะคำว่า โก้งโค้ง เป็นคำที่ชาวบ้านเรียกตลาดในสมัยโบราณ ที่คนขายสินค้าจะนั่งอยู่บนพื้น คนมาซื้อจะต้องโก้งโค้งโน้มตัวเลือกดูสินค้าที่ตนสนใจ จึงเป็นภาพของการซื้อขายที่เป็นบรรยากาศอบอุ่น
ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม หมู่ 5 ถนนบางปะอิน-วัดพนัญเชิง ตำบลขนอนหลวง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดบริการทุกวันพฤหัสบดี อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.
จากนั้น ททท.สำนักงานลพบุรีพาแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารบ้านไม้ริมน้ำ จ.พระนครศรีอยุธยา อิ่มกันแล้ว ททท.สำนักงานลพบุรีก็พาไปหาความรู้เกี่ยวกับรากเหง้าของเราที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ตลอดทั้งโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตั้งอยู่ที่ถ.โรจนะ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000 โทรศัพท์ : 035-241 587 / 035-244 570 โทรสาร : 035-241 587 เว็บไซต์ : https://www.virtualmuseum.finearts.go.th/chaosamphraya อีเมล : chaosampraya@gmail.com วันและเวลาทำการ วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร วันขึ้นปีใหม่และวันสงกรานต์) ค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ / ภิกษุสามเณรและนักบวชในศาสนาต่างๆ ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม
ผอ.ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา นำพัดมาแจกให้กับทุกๆ คน และ ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี ก็มอบของที่ระลึกให้แก่ผอ.ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี ก็มอบของที่ระลึกให้แก่วิทยากรที่พานำชมด้วยค่ะ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรโบราณวัตถุ ที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2500 พระองค์ได้ทรงมีพระราชปรารภกับรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและอธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้นว่า โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุที่พบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะนี้ สมควรจะได้มีพิพิธภัณฑสถานเก็บรักษา และตั้งแสดงให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานี้ หาควรนำไปเก็บรักษาและตั้งแสดง ณ ที่อื่นไม่
กรมศิลปากรจึงได้สร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา เพื่อเก็บรักษา จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ รวมถึงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาคารก่อสร้างด้วยเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้บริจาคจะได้รับพระพิมพ์ที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะเป็นการสมนาคุณ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ผู้ทรงสร้างพระปรางค์วัดราชบูรณะเป็นนามพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย อาคารหลัก 3 อาคาร (แต่เราอยู่ที่อาคาร 1 เท่านั้นค่ะ) อาคาร 1 คืออาคารเจ้าสามพระยา อนุญาตให้ถ่ายภาพเฉพาะชั้นล่างเท่านั้น แต่เฉพาะห้องทองที่งดถ่ายภาพโดยเด็ดขาดค่ะ และที่สำคัญเป็นกฎ กติกา มารยาทเลยว่าห้ามเซลฟี่และห้ามถ่ายภาพคู่กับโบราณวัตุโดยเด็ดขาด หากประสงค์จะถ่ายภาพก็สามารถถ่ายภาพโบราณวัตถุได้เลยเฉพาะชั้นล่าง
ณ ชั้นล่างของอาคารสามพระยา เป็นการจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุที่ค้นพบจากการขุดแต่งและบูรณะโบราณสถาน ภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ เศียรพรพุทธรูปสำริด จากวัดธรรมิกราช ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยารุ่นอู่ทอง 2 ร่วมสมัยเฉกเช่นเดียวกับหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง และกลุ่มพระพุทธรูปจากพระอุระและพระพาหาซ้ายองค์พระมงคลบพิตร รวมทั้งจัดแสดงกลุ่มพระพุทธรูปจากต่างประเทศที่ได้จากกรุวัดราชบูรณะ
จากนั้นหมายต่อไปคือไปเรียนรู้การตามรอยเบื้องพระยุคลบาทเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) โทร. : 064 932 1838, 063 587 9963, 081 817 6037
แต่เห็นอะไรขาวๆ ทางด้านซ้ายมือห่างจาก "บ้านของพ่อ " ประมาณ 100 เมตร ขอแตกแถวนิดหนึ่งไปถ่ายรูปสักหน่อยค่ะ
วัดภูเขาทอง เป็นวัด 1 ใน 9 วัดที่ระบุว่าจะต้องมาไหว้พระเก้าวัด วัดภูเขาทองเป็นวัดที่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเป็นผู้สร้างภูเขาทองขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2112 คราวยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อคราวประทับอยู่พระนครศรีอยุธยาได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองใหญ่แบบมอญขึ้น ไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวรบชนะไทย โดยรูปแบบของฐานเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับแบบมอญพม่า สันนิษฐานว่าสร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อชัยชนะแต่ทำได้เพียงรากฐานแล้วยกทัพกลับ
วัดภูเขาทองตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากพระราชวังหลวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร วัดภูเขาทองนี้หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวว่า วัดภูเขาทองสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวรเมื่อปี พ.ศ. 1930 ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาเมื่อ พ.ศ. 2127 จึงได้โปรดเกล้า๊ฯ ให้สร้างเจดีย์แบบไทยไว้เหนือฐานแบบมอญและพม่าที่สร้างเพียงรากฐานไว้ ณ สมรภูมิทุ่งมะขามหย่อง ฝีมือช่างมอญเดิมจึงปรากฏเหลือเพียงฐานทักษิณส่วนล่างเท่านั้น เจดีย์ภูเขาทองจึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมสองแบบผสมกัน หมายเหตุ : เจดีย์ที่วัดภูเขาทองในปัจจุบันจะมีสีสันจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงนำภาพปัจจุบันกับอดีตเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วอุ้มเคยปีนขึ้นวัดภูเขาทองมาเปรียบเทียบค่ะ
ชอบๆ เที่ยวชุมชนแบบนี้ ยิ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็น 1 ใน 3 จังหวัดในดวงใจอุ้มรองจากอุบลราชธานี,แม่ฮ่องสอน นางว่างเป็นไม่ได้มาบ่อยมาก คิดไรไม่ออกมาอยุธยา คิดอะไรไม่ออกมาบวชที่วัดอัมพวันสิงห์บุรี ปักหมุดไว้โอกาสหน้าอุ้มจะมาตามรอยเก็บให้ครบแบบ 2 วัน 1 คืนค่ะ รอให้โควิด-19 ซาก่อนเนาะ
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ ตั้งอยู่ที่ตำบลภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กและประชาชนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายการเข้าชมใดๆ ทั้งสิ้น
ภายในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนโดยใช้หลักทฤษฎีใหม่ 30 : 30 : 30 : 10 ประกอบด้วยพื้นที่นา, พื้นที่เพาะปลูก, เลี้ยงสัตว์, พื้นที่กักเก็บน้ำ และพื้นที่พักอาศัย ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ รวมถึงยังสนุกไปกับฐานกิจกรรมต่าง ๆ เช่น
ฐานกิจกรรมไก่ไข่ ฐานกิจกรรมแพะและแกะ ฐานกิจกรรมต้นไม้และพืชผักสวนครัว ฐานกิจกรรมปลาน้ำจืดไทย ฐานกิจกรรมประกอบอาหาร ฐานกิจกรรมปักดำนา ฐานกิจกรรมภูมิปัญญาไทย
นอกจากจะสนุกไปกับกิจกรรมในแต่ละฐานแล้ว ยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ ทั้งแปลงสาธิต การเพาะพืชผักสวนครัวและผลไม้ การเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืนอีกด้วย
จากนั้น ททท.สำนักงานลพบุรี พามาเยี่ยมชม "พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด" พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด ตั้งอยู่ที่ถนนสายเอเชีย บริเวณหลัก ก.ม.ที่ 44 ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 200 ไร่ อยู่ในพื้นที่รอยต่ออำเภอบางปะหันและอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องกับอำเภอป่าโมก อำเภอเมืองของจังหวัดอ่างทอง และมีร้านค้ากว่า 130 ร้าน เปิดขายทุกวัน
พุทธอุทยานมหาราช แต่เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ "พุทธอุทยานมหาราช" ภายในบริเวณได้สร้างรูปเหมือนของพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้ตั้งชื่อโครงการเป็น พุทธอุทยานมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคลจากความตั้งใจของ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์ ร่วมกับคณะสงฆ์ ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการที่จะดำเนินโครงการให้สำเร็จ จึงได้ทำการซื้อที่ดินจำนวน 200 ไร่ เพื่อสร้างวัดและโรงเรียนในพื้นที่เดียวกัน
หมายสุดท้าย ททท.สำนักงานลพบุรีพามาที่ "วัดคุ้งท่าเลา" แลนด์มาร์คใหม่ จ.ลพบุรี วัดคุ้งท่าเลา เป็นวัดราษฏร์มหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางพึ่ง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สิ่งที่น่าสนใจคือประตูทางเข้าวัดเป็นรูป หนุมานกำลังอ้าปากตั้งเด่นเป็นสง่า ประดับกระจกสีสวย เป็นที่เช็คอินที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดลพบุรี
ยังมีประติมากรรมภาพพระราหูด้วยนะคะ
ปิดท้ายแสงหมดด้วยภาพนี้ ทริปนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้นำความรู้ที่ได้มาร่วมทริป กลับไปพัฒนาต่อยอดกับกิจการอันจะสร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชนให้มั่งคั่งต่อไป
เสร็จงานแล้ว พี่ติ๋ว-จิรารัตน์ พามากินข้าวต้มที่ร้านข้าวต้มวินัย เรียกว่านึกถึงร้านข้าวต้มในจังหวัดลพบุรี ต้องนึกถึงร้านข้าวต้มวินัย มาร้านไม่ถูกหาร้านไม่เจอ โทร.08-9818-4988
แล้ว ททท.ก็มาส่งเข้าที่พักที่โรงแรม โอทู ที่อยู่: 120 หมู่ 4 ท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000 โทร. : 064 967 7474
เรียกว่าทุกครั้งที่จังหวัดลพบุรีก็ต้องมากินโจ๊กร้านนี้ ไม่รู้คุณนายอุ้มสีจะรีบตื่นทำไม ชีตื่นมาตีห้าเลยนั่งรถสองแถวมาต่อรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมากินโจ๊ก ร้านโจ๊กหม้อไฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ยางมะตูม ที่เปิดขายตั้งแต่เวลา 06.00 น. ร้านอยู่ตรงสะพาน 33 ตั้งอยู่ริมถนนเป็นตึกแถวค่ะ มีทั้งบรรยากาศห้องแอร์และตั้งโต๊ะ open air
โจ๊กที่ร้านนี้สามารถเลือกใส่ได้ 2 อย่างค่ะ งวดนี้อุ้มใส่ไก่ฉีกกับเห็ดค่ะ ขอขอบคุณพี่ติ๋ว ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรีมากค่ะ กินโจ๊กเสร็จก็กลับ กทม.
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี เพลง : เที่ยวเมืองไทยกันเหอะ...ดีกว่าเยอะ / อิน บูโดกัน BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat ของแต่ง BLOG : ป้ามด-ดอกหญ้าเมืองเลย-ชมพร-ญามี่-เนยสีฟ้า
Create Date : 01 เมษายน 2563 |
Last Update : 14 เมษายน 2563 0:42:35 น. |
|
45 comments
|
Counter : 2097 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณญามี่, คุณKavanich96, คุณเริงฤดีนะ, คุณThe Kop Civil, คุณSweet_pills, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณกะว่าก๋า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณmultiple, คุณSleepless Sea, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณTui Laksi, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณหอมกร, คุณSertPhoto, คุณนกสีเทา, คุณNoppamas Bee, คุณStand by bowky, คุณเจ้าการะเกด, คุณtuk-tuk@korat, คุณเนินน้ำ, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณกาบริเอล, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณชีริว, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณnewyorknurse, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณ**mp5**, คุณInsignia_Museum, คุณmariabamboo, คุณkae+aoe, คุณlife for eat and travel |
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:16:10:00 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:23:38:14 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:2:35:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:6:11:10 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:11:45:45 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:12:01:29 น. |
|
|
|
โดย: นกสีเทา วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:12:03:20 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:17:31:06 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 4 เมษายน 2563 เวลา:10:13:13 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 4 เมษายน 2563 เวลา:11:52:40 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 4 เมษายน 2563 เวลา:15:35:14 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 4 เมษายน 2563 เวลา:18:03:06 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 5 เมษายน 2563 เวลา:0:05:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 เมษายน 2563 เวลา:8:41:16 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 5 เมษายน 2563 เวลา:11:41:11 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 5 เมษายน 2563 เวลา:23:13:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:6:40:32 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:9:47:05 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:18:35:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:19:25:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:6:23:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:11:26:48 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:15:20:06 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:23:21:19 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:6:41:43 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:14:35:31 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:10:30:02 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:21:20:35 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:8:14:19 น. |
|
|
|
|
|
ทักทายๆ คิดถึงๆ