ริวิวตอนที่ 4 : อุ้มสีพาไปชมผ้าภูอัคนี ผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟ
คลิกที่นี่ย้อนไปอ่านตอนที่ 1 รีวิวมาเที่ยวปราสาทเมืองต่ำแล้วแวะนอนที่โรงแรมนางรอง บัดเจ็ท แอนด์ บูติค โฮเทล
คลิกที่นี่ย้อนไปอ่านตอนที่ 2 อุ้มสีตะลอนมาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
คลิกที่นี่ย้อนไปอ่านตอนที่ 3 จากดินก้อนเดียวฉันเคี่ยวฉันย้อมกลายมาเป็นผ้าสวยผ้าภูอัคนี
เข้าสู่ตอนที่ 4 แม่นายอุ้มสีนางก็ยังคงอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีคำขวัญประจำจังหวัดบุรีรัมย์ว่า "เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา" หลังจากออกจากศูนย์สาธิตผ้าภูอัคนีจากบ้านคุณป้าสมศรี ถุนนอกมาแล้ว รถสองแถวก็พาเลี้ยวขวามาที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนหมู่บ้าน OTOP บ้านเจริญสุขแห่งนี้ล่ะค่ะ
อาจกล่าวได้ว่า ผ้าภูอัคนีนับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านท้องถิ่นของจังหวัดบุรีรัมย์ที่น่าอัศจรรย์ ที่เป็นผลผลิตจากดินธรรมดาในชุมชนถิ่นภูเขาไฟก่อเกิดเป็นผ้าฝ้ายสีสันงดงาม
นับเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวที่ขึ้นแท่นเป็น OTOP ของจังหวัดบุรีรัมย์เลยนะออเจ้า ที่ต้องห้ามพลาด...ซื้อเป็นของฝากเมื่อมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์เจ้าค่ะแม่นาย
พี่สำรวย ศรีมะเรือง ประธานกลุ่มทอผ้าฝ้ายผ้าไหมหมู่บ้านเจริญสุข ที่เป็นผู้ริเริ่มสร้างอาชีพให้คนในชุมชน ได้มีรายได้ 4,000-7,000.-บาท จากการนำดินภูเขาไฟจากภูเขาพระอังคาร และนำวัตถุดิบจากธรรมชาติ มาประยุกต์ใช้ในการย่้อมผ้าก่อเกิดเป็น "ผ้าภูอัคนี"
พี่สำรวย ศรีมะเรืองเล่าให้ฟังว่า ด้วยชีวิตของชาวบ้านเจริญสุขเติบโตมากับการทอผ้าตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษคนเก่าแก่
เรียกว่ามีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและย้อมผ้าด้วยดินโคลนมาแต่โบราณกาลเก่าก่อน
แต่เมื่อเมื่อปัจจุบันต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงไหมมีราคาแพงมาก ดังนั้นชาวบ้านจึงหันมาใช้ฝ้ายในการทอผ้าแทน มิน่าล่ะ...ยังแปลกใจว่าทำไมเขาไม่พาเราเข้าไปดูโรงหม่อนไหมไปดูเขาเลี้ยงไหมกัน
แต่พามาที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนหมู่บ้าน OTOP บ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OVC (OTOP Village Champion) โดยสนับสนุนจากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเข้าใจแล้วค่ะออเจ้า
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2550 เมื่อเริ่มสังเกตเวลาที่ขึ้นไปเข้าป่าเก็บเห็ดเก็บของป่า จะต้องมีเศษดินที่ติดตามชายเสื้อชายผ้าถุงและชายกางเกงนั้นมีสีแดงผิดปกติ จึงเก็บตัวอย่างดินมาทดลองใช้ย้อมผ้ากับผ้าฝ้าย ผลปรากฏว่าผ้ามีสีน้ำตาลเข้มสวยไปอีกแบบ แถมเนื้อผ้าฝ้ายนั้นหนาและนุ่มเป็นพิเศษ และนี่จึงเป็นที่มาของผ้าภูอัคนีเจ้าค่ะออเจ้า หมายเหตุ : เนื่องจากมีเวลาน้อยต้องไปต่อ อุ้มเลยไม่ได้ถามราคาว่าราคาเท่าไหร่บ้าง สนใจติดต่อกันเองเลยนะคะ พี่สำรวย ศรีมะเรือง 09-7007-4244 และ 08-9526-6071
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อชมขั้นตอนสั้นๆ ของการผลิตผ้าภูอัคนี เริ่มจากการนำวัตถุดิบธรรมชาติต่างๆ และเก็บดินจากเนินภูเขาทางด้านทิศตะวันออกของภูเขาดินแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในเขาบริวารของภูเขาพระอังคาร ที่เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ สาเหตุที่เก็บดินจากที่นี่ก็เพราะว่าดินที่นี่จะมีสีแดงเข้มต่างจากดินบริเวณอื่นน่ะค่ะ
การเก็บดินนั้นจะเก็บเป็นสองส่วนด้วยกันก็คือ 1.ส่วนแรกคือการเก็บหน้าดิน เพราะเนื้อดินนั้นจะนุ่มละเอียด 2.ส่วนที่สองคือการขุดลึกลงไปสองเมตรครึ่ง เพราะเนื้อดินจะจับตัวเป็นก้อนและมีสีขาวปน แล้วนำมาทำความสะอาดโดยใช้ตะแกรงร่อนเอาเศษหินเศษใบไม้ออก จากนั้นนำดินในส่วนที่เป็นก้อนไปแช่น้ำที่มีส่วนผสมของไม้ประดู่ เพื่อให้เนื้อดินเปื่อยยุ่ย แต่ถ้าดินที่เนื้อละเอียดอยู่แล้วสามารถนำไปผสมกับน้ำไม้ประดู่ใช้ได้เลย ทั้งนี้ทั้งนั้นจะผสมมากผสมน้อยแล้วแต่เราต้องการสีเข้มหรือสีจางตามความต้องการ
เมื่อแช่ดินจนเปื่อยกลายเป็นน้ำโคลนแล้ว ให้นำผ้าฝ้ายมาหมักโดยใช้มือขยำให้ดินโคลนเข้าไปถึงแกนของฝ้ายทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง แล้วนำไปต้มใช้น้ำไม้ประดู่ต้มนานอีก 1 ชั่วโมง เพื่อให้สีซึมติดฝ้าย ระหว่างการต้มต้องกวนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สีติดเสมอกันทุกเส้น เมื่อต้มเสร็จแล้วนำไปผึ่งให้เย็นแล้วนำมาตากแดดจนกว่าจะแห้ง
เมื่อแห้งแล้วนำมา-กรอ-ให้เป็นหลอด เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบ และการทอต่อไปนะออเจ้า
พี่สำรวย ศรีมะเรือง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวัตถุดิบจากธรรมชาติที่นำมาย้อมฝ้ายไม่ได้มีเพียงดินภูเขาไฟเท่านั้นนะคะ
โปรดสังเกตที่สี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สุดยอดเลยค่ะ เพราะนำเอาฝุ่นของหินบะซอลต์ ที่มีสีเทานำมาผสมกับสีของดอกอัญชันที่ให้สีฟ้าคราม ผสมกันเป็นสีเทาฟ้า เปลือกกระโดน : ให้สีน้ำตาลอ่อน ใบสมอ : ให้สีเขียวเข้ม ใบยูคาลิปตัส : ให้สีเขียวอมเหลือง เปลือกมะพูด : ให้สีเหลืองอ่อน ขมิ้น : ให้สีเหลืองเข้ม ฝาง : ให้สีแดงอมชมพู ครั่ง : ให้สีแดงเข้ม
สำหรับ ณ หมู่บ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์แห่งนี้ มีภูมิปัญญาที่ได้รับจากคุณป้าสมศรี ถุนนอก จาก BLOG ที่แล้วป้าบอกไว้ว่า การที่รักษาสีของผ้าให้คงทนสีติดยาวนานนั้นด้วยการนำไปต้มกับน้ำเปลือกต้นประดู่
โดยการนำเปลือกต้นประดู่มาต้มในน้ำ น้ำต้องร้อนแต่ไม่ให้เดือดจนเกินไป แล้วนำผ้ามาแช่สักครึ่งชั่วโมงป้องกันสีตก และสีของผ้าก็จะคล้ายกับสีดินภูเขาไฟ เสมือนเป็นการเคลือบสีไปในตัวผ้าจึงเงางามและไม่ตกสี ซึ่งเป็นสีที่อุ้มถืออยู่นั่นเองนะออเจ้า
ส่วนลวดลายต่างๆ ที่ใช้ทอ ก็จะมีลายสายฝนภูอัคนี ซึ่งเป็นลายเอกลักษณ์ประจำหมู่บ้าน และยังมีลายที่คิดค้นขึ้นใหม่ อาทิเช่น ลายตาข่าย ลายสไลด์สลับ สวยสมภูมิปัญญาชาวบ้าน
พี่สำรวย ศรีมะเรืองเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ได้ความรู้ใหม่จากดอกดาวเรืองที่นำมาจัดตกแต่งถวายพระพรรัชกาลที่ 9 โดยการขยี้เกสรดอกดาวเรืองแล้วต้มน้ำที่กรองสะอาดะสะดวกกว่าใช้เปลือกขมิ้น ทำง่ายและสีเหลืองติดดีมาก แถมสวยและเงางามด้วยค่ะออเจ้า
ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลจาก ททท. สุรินทร์ ขอขอบคุณพี่สำรวย ศรีมะเรือง และขอบคุณจังหวัดบุรีรัมย์ไว้ว่างๆ จะมาเยือนใหม่แน่นอนค่ะออเจ้า
BLOG หน้า : ตอนที่ 5 ตะลอนไปไหว้พระที่วัดเขาพระอังคารในจ.บุรีรัมย์ค่ะ
ขอขอบคุณ โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า เพลง ฝากใจไว้บุรีรัมย์ ศิลปิน : พิทักษ์ เสริมราษฏร์ /คำร้อง-ทำนองโดย : วิทย์ วรพล BG : คุณเนยสีฟ้า /แบรนเนอร์ : คุณ oranuch_sri / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat
Create Date : 20 มีนาคม 2561 |
Last Update : 25 กันยายน 2561 7:00:13 น. |
|
23 comments
|
Counter : 4499 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmcayenne94, คุณวลีลักษณา, คุณpoepum, คุณกะว่าก๋า, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณนกสีเทา, คุณSertPhoto, คุณQuel, คุณKavanich96, คุณmambymam, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณลุงแมว, คุณJinnyTent, คุณhaiku, คุณStand by bowky, คุณtoor36 |
โดย: mambymam วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:18:28:53 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:18:47:39 น. |
|
|
|
โดย: วลีลักษณา วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:19:30:50 น. |
|
|
|
โดย: poepum วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:20:00:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:22:21:01 น. |
|
|
|
โดย: นกสีเทา วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:23:19:13 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์ใส วันที่: 20 มีนาคม 2561 เวลา:23:22:31 น. |
|
|
|
โดย: Quel วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:1:25:22 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:4:32:55 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:4:48:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:6:29:13 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:8:37:40 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:19:09:58 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:19:24:29 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแมว วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:20:17:22 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:20:22:37 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 มีนาคม 2561 เวลา:23:52:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มีนาคม 2561 เวลา:0:04:11 น. |
|
|
|
|
|
เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เยี่ยมยอดจริงๆ
ลงชื่อไว้ก่อนค่ะ
ขอบคุณที่แวะชมพลับพลึงค่ะ