15-17 ตุลาคม 2562 ท่องเที่ยวสานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี



จังหวัดอุบลราชธานี จัดยิ่งใหญ่งานสานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี
หนุนการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดอุบลราชธานีและเพื่อนบ้าน สปป. ลาว
จัดกิจกรรม "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี"
เป็นการเชื่อมสัมพันธ์โดยมีแม่น้ำโขงหนุนการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจอุบลราชธานีให้เกิดการคึกคัก
มีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน





แต่เดิมนับตั้งแต่สร้างเมืองอุบลราชธานีมายังไม่มีการตั้งศาลหลักเมือง
จนมาถึงสมัยพลตำรวจตรีวิเชียร ศรีมันตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ได้มีโอกาสกราบนมัสการเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)
เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร
ในฐานะที่สมเด็จท่านเป็น พระสงฆ์ผู้ใหญ่ชาวอุบลราชธานี
ซึ่งเป็นที่เคารพโดยทั่วไป เพื่อปรึกษาหารือ
เนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดใหญ่หัวเมืองเอกมาตั้งแต่อดีตกาล
มีชื่อ "ราชธานี" เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยและมีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน
แต่ยังไม่มีการยกเสาหลักเมืองให้เป็นมิ่งขวัญแก่ประชาราษฎรให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
เพื่อให้เกิดมีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
จึงเห็นสมควรสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี
ณ ที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ กลางเมืองอุบลราชธานี



เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ พิจารณาแล้วก็ไม่ขัดข้อง
จึงเลือกตำแหน่งที่ตั้งเสาหลักเมืองให้อยู่ด้านทิศใต้ของทุ่งศรีเมือง
และด้านทิศเหนือของศาลากลางจังหวัด (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี)
กำหนดวันวางศิลาฤกษ์ศาลหลักเมืองในวันที่ 27 สิงหาคม 2515
โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เป็นผู้ให้ฤกษ์และเป็นเดินทางมาเป็นประธานในพิธี
ส่วนเสาหลักเมืองนั้นกรมศิลปากรออกแบบเป็นยอดบัวตูมโดยใช้ไม้ราชพฤกษ์
เมื่อการก่อสร้างศาลหลักเมืองอุบลราชธานีเสร็จสมบูรณ์แล์ว
นายเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ได้กราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองอุบลราชธานี
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2519
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้บังเกิดเป็นความร่มเย็นและเป็นที่สักการะของชาวเมืองอุบลราชธานี



ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ในเวลา 09.00 น.ของวันที่ 15 ตุลาคม 2562
มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง
อาทิ ชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
สมาคมสื่อมวลชนเพื่อการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์อิสระ
ผู้ประกอบการจากสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย
สื่อมวลชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น



โดยมีดร.ปะนะชัย คำสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
กล่าวต้อนรับดังนี้
ในการนี้จังหวัดอุบลราชธานีโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ท่านสฤษดิ์ วิฑูรย์
และท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ท่านศุภศิษย์ กอเจริญยศ
ได้จัดโครงการท่องเที่ยวสานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี
ในการจัดการครั้งนี้เรามีเป้าหมายที่จะเชืิญพี่น้องชาว สปป.ลาว จำนวน 50 ท่าน
และพี่น้องสื่อมวลชนจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานี
เข้าร่วมอีก 50 ท่าน
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างพี่น้องประชาชนฝั่ง สาละวัน ฝั่งจำปาศักดิ์
มาเชื่อมโยงกับจังหวัดอุบลราชธานีของเรา
โดยมีสื่อมวลชนส่วนกลางและส่วนจังหวัดอุบลราชธานีมาเป็นสักขีพยานในการที่จะทำข่าวประชาสัมพันธ์
และมีการนำคณะไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีที่ขึ้นชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
ชุมชนบ้านบากชุทม อ.สิรินธร, วัดสิรินธรวราราม
ซึ่งเรามั่นใจว่าพี่น้องทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะเกิดความประทับใจ
และประชาสัมพันธ์บอกต่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวลาว
หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยมาท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานีของเรา
กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดอุบลราชธานีให้คึกคักต่อไปครับ



จากนั้นพากันมาสักการะศาลหลักเมืองเพื่อเป็นหลักชัยเป็นสิริมงคลในการเดินทาง



แล้วถ่ายภาพหมู่กันก่อนเดินทางต่อไปยังโรงแรมทอแสง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี



ดร.ปะนะชัย คำสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัอุบลราชธานี
พาสื่อมวลชนส่วนกลางและท้องถิ่นนำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี
โดยมีนางเชาวนี เหล็กกล้า หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ
พร้อมทั้งเปิดเผยว่า หากมาเยือนจังหวัดอุบลราชธานี ขอเชิญเข้ามาชมภายในพิพิธภัณฑ์
เพราะว่าข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานีที่รวบรวมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โดยตัวอาคารเป็นศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีเป็นทรงเก่า
ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ปี พ.ศ.2461
ต่อมากรมศิลปากรจึงได้ขอทำเรื่องประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน มีอายุ 101 ปี





จากนั้นขบวนรถตู้ 6 คันโดยมีรถตำรวจนำขบวนมุ่งสู่โรงแรมทอแสง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี



กิจกรรม "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี"
จัดให้มีชึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2562 ณ จังหวัดอุบลราชธานี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
ร่วมกับแขวงสาละวันและแขวงจำปาสัก สปป.ลาว
อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอโขงเจียม อำเภอสิรินธร และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
โดยเชิญสื่อมวลชนทั้งจากไทยและจากฝั่ง สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชน
ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
สร้างสีสันและบรรยากาศท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีได้อย่างคึกคัก
บรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างม่วนซื่นโฮแซวม๋วนหลาย



โดยมีนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธี
และมี ดร.ปะนะชัย คำสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวรายงาน
พร้อมด้วย ท่านบัวลิน วงพะจัน รองเจ้าแขวงจำปาสัก ท่านพูธง คำมะนีวง รองเจ้าแขวงสาละวัน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ลาว บ้านพี่เมืองน้อง
และส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.อุบลราชธานี
สู่พี่น้องสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย-ลาว ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีกิจกรรมที่สำคัญต่างๆ อาทิ กิจกรรมเสวนา งานเลี้ยงต้อนรับ
กิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานี



นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ท่านบัวลิน วงพะจัน รองเจ้าแขวงจำปาสัก ท่านพูธง คำมะนีวง รองเจ้าแขวงสาละวัน
ตัวแทนผู้บริหารจาก สปป.ลาว กล่าวถึงความร่วมมือต่างๆ ระหว่าง 2 ประเทศ
และร่วมเปิดงานโดยถือธงชาติของสองประเทศวางลงบนแท่นพิธีพร้อมกัน



จากนั้นเสวนาหัวข้อ " ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าชายแดน ไทย-ลาว"
มีผู้ร่วมเสวนา 5 ท่าน จากตัวแทนไทยและลาว
โดยมีคุณอรรณนพ กิตติกุล-นุนี กุมพลภักดี เป็นพิธีกรดำเนินรายการ



จากนั้นเช็คอินเข้าที่พัก 3 โรงแรมค่ะ ส่วนอุ้มได้นอนห้อง 2226 ชั้น 2



เวลา 18.30 น.คณะฯ เดินทางไปยังวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ต.ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี
เพื่อชมความสวยงามของวัดเรืองแสงซึ่งเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานี



สำหรับต้นกัลปพฤกษ์หลังอุโบสถวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแห่งนี้
เป็นการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ
ผู้เป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์
ซึ่งในช่วงกลางวันต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้
เมื่อตกกลางคืนก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงาม
จนทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
ช่วงเวลาที่ดูต้นไม้เรืองแสง ก็คือ เวลา 18.00-20.00 น.



ที่สำคัญตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงของ สปป.ลาว
แต่มีความกว้างและความยาวมากกว่าประมาณ 1-2 เท่า
เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ สะท้อนให้เห็นถึงความประณีตและความพิถีพิถัน



ส่วนพระประธานภายในโบสถ์วัดภูพร้าวเดิมเป็นองค์พระพุทธชินราช
แต่ภายหลังได้มีการออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก
และมีไม้แกะสลักเป็นต้นโพธิ์ อยู่ทางด้านหลังพระประธาน



นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
และดร.ปะนะชัย คำสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
ท่านบัวลิน วงพะจัน รองเจ้าแขวงจำปาสัก และท่านพูธง คำมะนีวง รองเจ้าแขวงสาละวัน
รับฟังธรรมะในยามเย็นค่ะ



จากนั้นเป็นบรรยากาศในงานเลี้ยงต้อนรับ "สานสายใยไทย-ลาว สองแผ่นดิน"



โดยมีนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวต้อนรับ
และตัวแทนจาก สปป.ลาว ขึ้นกล่าวต้อนรับเป็นเกียรติในการร่วมโครงการครั้งนี้
จากนั้นร่วมดื่มด่ำสนุกสนานในงานเลี้ยงรับรองกับศิลปินชื่อดัง
อาทิ อ๋อมแอ๋ม - ละมัย แสงทอง และ บัวผัน ทังโส





นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
เปิดเผยว่า
ความจริงแล้วสองฝั่งโขงเขาเรียกว่ารอยต่อที่ไร้พรหมแดนหรือแลนด์ลิงค์จะไปมาหาสู่กัน
สีสันทางวัฒนธรรมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเช็คอินที่ไหนทั้งสองแผ่นดิน
และแม้ว่าจะประสบอุทกภัยน้ำท่วมเราก็มีความตื่นตัว
อย่างไรก็ตามเราก็ได้เริ่มต้นทำเพลงร่วมกัน 3 ภาษา ไทย ลาว อังกฤษ
เพื่อต้อนรับเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาว
เราจะยกระดับการท่องเที่ยว ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ เป็นมรดกโลก
ผมคิดว่านี่คือความสัมพันธ์อันยาวนานของทั้งสองประเทศ ไทย-ลาว
ซึ่งจะครบรอบ 70 ปี ในปีหน้า ให้เป็นรางวัลของสองแผ่นดิน





CUT มาเป็นเช้าวันที่ 16 ตุลาคม 2562
อาหารเช้าที่โรงแรมทอแสงเป็นบุตเฟ่มีให้เลือกกินหลากหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมือง ไข่กะทะ ปากหม้อ ก๋วยจั๊บ หรือเบสต์ฟัส ฯลฯ



สามพันโบก เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง
ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง (ประมาณเดือนมกราคม – เมษายน)
ที่เรียกว่า "สามพันโบก" เพราะบนแก่งหินมีแอ่งน้ำขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง
คำว่า "โบก" เป็นภาษาลาว แปลว่า "แอ่ง" จึงเรียกที่นี่ว่า สามพันโบก

สามพันโบก นอกจากลักษณะของแก่งหินยังมีขนาดใหญ่มากคล้ายภูเขากลางลำน้ำโขง
ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง
มองเห็นเป็นภาพศิลปะ มีรูปร่างแตกต่างกันออกไปใหญ่บ้างเป็นรูปวงรี รูปดาว
รูปวงกลม และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เราจะจินตนาการ
เพราะมีมากกว่า 3,000 แอ่ง ที่นี่จึงได้ฉายาว่า "แกรนแคนย่อนเมืองไทย"



การท่องเที่ยวสามพันโบก เริ่มจากนั่งเรือจากหาดสลึงที่บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร
ล่องตามลำน้ำโขงระยะทาง 4 กิโลเมตร
ระหว่างทางจะผ่าน "ปากบ้อง" จุดแคบที่สุดของแม่น้ำโขงมีความกว้างเพียง 56 เมตร
และ "หินหัวพะเนียง" เป็นแก่งหินกลางแม่น้ำที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย
หรือสองคอน ในภาษาท้องถิ่น จึงเป็นที่มาของชื่อ "บ้านสองคอน"



เดิมก่อนที่จะมีชื่อสามพันโบก ชาวบ้านแถบนี้ได้เรียกที่นี่ว่า “ปู่จกปู”
และมีตำนานนิทานพื้นบ้านเล่าขานกันมาว่า
กาลครั้งหนึ่งมีปู่กับหลานล่องเรือหาปลาตามลำน้ำโขงและได้มาแวะพักที่นี่
พอหลานหิวข้าวปู่จึงเอามือล้วงไปในโบกจับปูขึ้นมาทำเป็นอาหารให้หลานกิน

ส่วนอีกตำนานเล่ามาอีกว่า ปู่-กับหลานได้มาจับปลาตรงที่แห่งนี้แต่จับปลาไม่ได้
จึงใช้มือล้วงปูในลำน้ำโขงจึงเกิดเป็นโบกขึ้นมามากมาย
ซึ่งทั้งสองตำนานต่างก็เป็นที่มาของชื่อ “ปู่จกปู”นั่นแหละค่ะ



เรือล่องผ่าน “ผาศิลาเลข” จะเห็นตัวเลขที่ฝรั่งเศสมาทำเอาไว้บนผาหินริมแม่น้ำโขง
เพื่อบอกระดับน้ำเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลาว
ได้เคยพยายามจะเปิดเส้นทางสัญจรในแม่น้ำโขง
แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะในแม่น้ำโขงนั้นมีแก่งใหญ่น้อยขวางกั้นอยู่เป็นจำนวนมาก
ฝรั่งเศสจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป



เรือไปยังจุดท่องเที่ยวไกลสุดคือ “ลานหินสี” หรือ “ทุ่งหินเหลื่อม”
(บ้านคำจ้าว ต.เหล่างาม อ.โพธิ์ไทร) เพื่อพาไปขึ้นบกไปสัมผัสกับลานหินประหลาด
ที่เต็มไปด้วยลานหินทรายตะปุ่มตะป่ำ แถมมีโบกมากมาย



ส่วนที่เป็นไฮไลต์ก็คือก้อนหินสีจำนวนมากที่ผิวหินเป็นมันเลื่อม
เนื้อหินส่วนใหญ่มีสีแดงสนิมฝังเป็นลวดลายดูน่าพิศวง
นอกจากนี้ก็ยังมีลายสีอื่นด้วย เช่น ม่วง เหลือง เขียว น้ำเงิน
หินสีที่นี่มีตั้งแต่ก้อนเล็กๆ ประมาณกำปั้นไปจนถึงก้อนใหญ่ 3-4 เมตร



ตำนานหินหัวสุนัข ทางเข้าของสามพันโบก มีหินก้อนหนึ่งคล้ายหัวสุนัข ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า
ตำนานที่ 1 เล่าว่าแต่ก่อนมีเจ้าเมืองเป็นผู้เรืองอำนาจประทับใจความงามของสามพันโบก
จึงได้ส่งเสนามาศึกษาเพิ่มเติม เมื่อมาแล้วพบขุมทรัพย์เป็นทองคำ
จึงให้สุนัขเฝ้าทางเข้าจนกว่าเจ้าเมืองจะออกมา
เมื่อเจ้าเมืองได้เห็นสมบัติเกิดความโลภกลัวเสนาจะได้ส่วนแบ่งจึงได้ออกไปทางอื่น
สุนัขผู้ภักดีก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้นจนตายในที่สุด

ตำนานที่ 2 เล่าว่าลูกพญานาคที่อยู่ในลำน้ำโขง
ต้องการขุดช่องระบายน้ำเพื่อให้เกิดลำน้ำอีกสายหนึ่งและได้มอบหมายให้สุนัข
เป็นผู้เฝ้าทางระหว่างการขุดจนกระทั่งสุนัขได้ตายลงกลายเป็นหินรูปสุนัขในที่สุด



ในอดีตสามพันโบกเป็นแหล่งที่ชาวบ้านมาจับปลาในหน้าแล้งตามหลุมแอ่ง โบก และสระบุ่ง
เนื่องจากลุ่มแอ่งจำนวนมากมายเหล่านี้
เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงใช้สำหรับการดำรงชีพ
ต่อมาเริ่มเป็นที่รู้จักและปรากฎสู่สายตานักท่องเที่ยว
เมื่อนายเรืองประทิน เขียวสด ครูโรงเรียนบ้านสองคอนได้พบความงามของสามพันโบก
จึงได้ชวน นายสมชาติ เบญจถาวรอนันท์ เว็บมาสเตอร์ไกด์อุบลดอทคอม
และนายชาย บุดดีวัน ผู้ใหญ่บ้านโป่งเป้า
และอบต.เหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี จัดกิจกรรมแคมปิ้ง เพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเว็บไซต์
จึงทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักกับสามพันโบก



แต่อุ้มคิดว่าผู้คนรู้จักกับสามพันโบกแกรนด์แคนยอนไทยแลนด์
เพราะพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ททท.
ซึ่งเป็น 1 ในโครงการ 12-เดือน-7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส
คราวนี้ไม่มีใครไม่รู้จักสามพันโบกแล้วคุณล่ะจะรออะไรแพ็กกระเป๋ามาเที่ยวอุบลโลดพี่น้อง



สามพันโบกตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นกลุ่มหินทรายที่ถูกกระแสน้ำธรรมชาติกัดเซาะผ่านกาลเวลามานานหลายพันปี
จนเกิดเป็นร่องหินขนาดใหญ่สูง 3-7 เมตร กว้างเป็นสิบเมตร
กลายเป็นโบกงามๆ แปลกตาจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่บนพื้นผิวของลานหิน



สามพันโบกกินพื้นที่เลียบริมแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาว
ทอดตัวยาวไกลตั่งแต่บ้านโป่งเป้าไปจนถึงบ้านปากกะหลาง ตำบลสองคอน
เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และรวมเป็นพื้นที่ถึงกว่า 30 ตารางกิโลเมตร
ถ้าดูจากแผนที่กูเกิลจะเห็นชัดว่าที่นี่เป็นลานหินกว้างใหญ่มีหลุม หุบ รู และแอ่งนับไม่ถ้วน
มีมากกว่าสามพันหลุมเสียด้วยซ้ำเลยนะคะ
(ว่าแต่ว่าภาพนี้ชียืนหมิ่นเหม่มากเลยนะคะคุณนายอุ้มสี)



จุดแวะยอดฮิตอีกแห่งคือ “สระมรกต” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “บุ่งน้ำใส”
เป็นสระน้ำกลางโบกขนาดใหญ่ ลึกราว 3 เมตร
น้ำใสแจ๋วแหววสีเขียวมรกตสวยเริด และมีระดับคงที่ตลอดปี
ไม่ว่าน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มหรือลดไปแค่ไหนก็ตาม ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำนะคะ



จากนั้นเดินมาขึ้นรถสองแถวมาขึ้นรถตู้เพราะหมายต่อไปเราคือกินข้าวป่าริมสามพันโบก



ตอนแรกเห็นในหมายบอกกินข้าวป่าริมสามพันโบก
อุ้มก็คิดเองว่าคงแจกข้าวห่อใบบัวให้ 1 ห่อ กับน้ำตาลสด 1 กระบอกแค่นั้น
แล้วกางโต๊ะให้กิน หรือนั่งกินตามม้าหินอ่อน แต่อุ้มคิดผิดค่ะ เลิศหรูกว่านั้นค่ะ
เรียกว่าเท่าที่ไปสาระแนแส่รู้ถามๆ เกือบหมดก็จะประทับใจกินข้าวป่ากันทั้งนั้น



อยากจะไปขอลายเซ็นคนครีเอทอาหารมื้อเที่ยงกินข้าวป่าสามพันโบกเสียจริง
แถมอยากไปหอมแก้มคนตำน้ำพริก อร่อยในสามโลกเกิดมาไม่เคยกินน้ำพริกอะไรอร่อยเช่นนี้
ห่อหมกปลาในกระบอกก็สุดยอด อาหารมื้อนี้ 10 คะแนนเต็ม



บรรยากาศกินข้าวป่าที่สามพันโบกแซ่บอีหลีค่ะ



สัมภาษณ์นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเสร็จก็ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก



เพิ่งรู้ว่าที่จังหวัดอุบลราชธานีก็มีสวนลำไยที่ลูกใหญ่ลูกโตหวานอร่อยกับเขาด้วย
ไม่ต้องไปกินที่ภาคเหนือล่ะ ดีจัง ชมสวนลำใย "สวนเขียวสด ณ สามพันโบก"



หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องแวะสวนลำไย เรียกว่าไม่แวะไม่ได้เลยนะคะพี่น้อง
เพราะเจ้าของสวน (หนุ่มที่ใส่เสื้อสีขาว) ก็คือ อ.เรืองประทิน เขียวสด
เป็นเจ้าของสวนลำไย
แต่ที่สำคัญมี Story เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2549 เกือบสิบปี
อ.เรืองประทิน เขียวสด หนึ่งในคนสำคัญผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวสามพันโบกในปัจจุบันนี้เลยค่ะ
เรียกว่ากูรูสามพันโบกตัวจริงเสียงจริง
วันนี้คนเยอะก็เลยมากินลำไยกินไปชิมไปชมสวนไป





หมายต่อไปเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
เพื่อชมความงามทางธรรมชาติก่อนจะเดินทางกลับที่พัก



ไปไหนทุกที่ก็ต้องเช็คอิน...ตอนนี้ถึงสะพานแขวนแก่งตะนะ
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียมและอำเภอสิรินธร



อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ หรือเดิมชื่ออุทยานแห่งชาติดงหินกอง
มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2524
นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 33 ของประเทศ ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมูลบริเวณแก่งตะนะ



คำว่า "ตะนะ" จากการเล่าขานตามความเชื่อของชาวบ้านและประชาชนทั่วไป เดิมมาจากคำว่า "มรณะ"
เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะนี้ มีกระแสน้ำไหลที่เชี่ยวกรากและมีโขดหินใหญ่น้อย
ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลา
มักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ
ชาวบ้านจึงเรียกว่า "แก่งมรณะ" ตามแรงบันดาลจากสภาพของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งนี้
ซึ่งต่อมาเรียกว่า "แก่งตะนะ" จึงตั้งเป็นชื่ออุทยานแห่งชาติ



สะพานแขวน เป็นสะพานแขวนคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในอีสาน
เชื่อมจากฝั่งที่ทำการกับดอนตะนะทั้งสองข้าง
โครงสร้างเป็นเหล็กยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ ยาวประมาณข้างละ 295 เมตร
นับเป็นจุดชมวิวสองฝั่งแม่น้ำมูลเหนือแก่งตะนะ
เดินข้ามเข้าไปชมธรรมชาติบนดอนตะนะได้อย่างเพลิดเพลิน





บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว
สอบถามรายละเอียดได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760
หรือ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ โทรศัพท์ 0 4540 6887-8



เข้าสู่งานเลี้ยงพาข้าวแลงพิธีกรชื่อดัง กำภู รัชนี แห่งโมเดิร์นไนน์ทีวี





เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี" สนุกสนานกับมินิคอนเสิร์ต ศิลปิน ก้อง ห้วยไร่





โดยนายสฤษ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
กล่าวถึงแนวคิดของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี"
เที่ยวอุบล ต้องได้ 3 อย่าง อิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้อง









วันสุดท้ายวันที่ 17 ตุลาคม 62 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
และดร.ปะนะชัย คำสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี
ได้นำคณะเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
เพื่อชมแสงแรกแห่งวันที่สวยงามบนจุดแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราขธานี



Morning call กันตอนตีสี่
พอตีห้ามาถึงอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
นึกถึงสมัยเด็กๆ คุณปู่เปิดวิทยุธานินทร์แล้วจะมีพยากรณ์อากาศบอกพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่
ว๊าว....วันนี้มาเห็นแสงแรกกับตาตัวเอง..ตื่นเต้น





สิ่งที่ทำให้คนไทยที่ไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวรู้จักกับผาแต้ม นั่นก็คือ
การที่ผาแต้มเป็นพื้นที่ที่ใช้อ้างอิงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นของประเทศไทย
ดังจะได้ยินกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในทุกเช้าอยู่เสมอว่า
เวลา 06.10 น.พระอาทิตย์ขึ้นวัดจากผาชะนะได ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของอุทยาน
และเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ก่อนใครในราชอาณาจักรไทย





OK เห็นแสงแรกล่ะเป็นมนต์รักแสงแรกจริงๆ
เช้าวันนี้เมฆเยอะแสงแรกมาแบบไม่สวยเลยเนาะ



อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74 ของประเทศ
มีเนื้อที่ประมาณ 212,500 ไร่ หรือ 340 ตารางกิโลเมตร
สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงต่ำสลับกันไปทั่วพื้นที่
ระดับความสูงของพื้นที่อยู่ระหว่าง 100-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล
แนวเขตด้านทิศตะวันออกใช้เส้นแบ่งเขตแดนประเทศและติดกับประเทศสปป.ลาว
งมีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตโดยตลอดความยาวประมาณ 63 กิโลเมตร
สภาพพื้นที่โดยรวมเป็นลานหิน รอบแนวเขตถัดจากฝั่งแม่น้ำโขงจะเป็นหน้าผาสูงชัน



กลายเป็นอาหารพื้นเมืองมีขายที่ผาแต้ม นั่นก็คือ "บักบก" ถุงละ 20 บาท
แกะให้เรียบร้อย ว่าแล้วก้คิดถึงเม็ดมะขามคั่วและข้าวจี่
เออจะว่าไปทริปนี้ขาดข้าวจี่ไปได้อย่างไรกันเนาะ
เป็นครั้งแรกที่อุ้มมาอุบลฯ แล้วไม่มีข้าวจี่ตกถึงท้องเลยสักก้อน เป็นงงเจ้าค่ะ
อย่าคิดไรมาก 07.00 น. ได้เวลาล้อหมุนกลับมากินอาหารเช้าที่โรงแรมทอแสงดีกว่า







กลับมาแพ็กกระเป๋า นั่งจิบกาแฟส่งท้ายที่ระเบียงมองเห็นสองพ่อลูกวางแหจับปลา



เช้าวันที่ 17 ตุลาคม 2562 หมายวันนี้ไปที่ชุมชน บ้านบากชุม อ.สิรินธร









นายคำภู สุขใจ
ราษฎรหมู่บ้านบากชุม หมู่ที่ 1 ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
เล่าให้อุ้มฟังว่า
สาเหตุทีผมทำงานไม้ที่ผมทำงานได้อยู่ทุกวันนี้มาจากแรงบันดาลใจของพระองค์ท่านในหลวงรัชกาลที่ 9
ท่านไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา ท่านเป็นในหลวงเป็นพ่อหลวงของประเทศไทย เป็นพ่อหลวงของผม
ผมรักและภูมิใจในพระองค์ท่านก็เพราะว่าท่านไม่เคยทอดทิ้งผมหรือลูกหลานของท่าน
ผมถือว่าผมเป็นเสมือนลูกหลานของพระองค์ท่านจะทำความดีตอบแทนพระองค์ท่านและเดินตามรอยของพ่อ
ความประทับใจที่ได้จากพระองค์ท่านก็คือคำว่า
"อย่าท้อ เรามีขุมทรัพย์ในตัวเองเราอย่าท้อ เราไม่มีเงินแต่เรามีสมบัติในตัวเองแล้ว เราจะท้อไปทำไม
เพราะเรามีทรัพย์สินคือมันสมอง ปัญญาคือมือ พ่อหลวงท่านให้มาเราต้องทำ
ภูมิปัญญาคือพ่อหลวงที่เป็นหลักชัยให้ผมมีวันนี้
นี่แหละครับคือแรงบันดาลใจของผม ภูมิใจที่ได้เกิดภายใต้ร่มโพธิสมภารภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย
เกิดชาติหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นลูกหลานของพระองค์ท่านอีก สาธุ"



แวะมากินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารอารยา สาขาเขื่อนสิรินธร
เส้นทาง อ.พิบูลฯ-อ.สิรินธร-ช่องเม็ก มีที่นั่งรองรับลูกค้าได้ 250-300 ท่าน
ที่มีเมนูปลาแม่น้ำโขงทุกชนิดเลยค่ะ สามารถเลือกสั่งเมนูอาหาพื้นถิ่นอีกเพียบ ที่สำคัญร้านติดริมเขื่อนฯ
แต่พอดีเรามากินอาหารอย่างเดียวเที่ยวชมวิวไม่ต้องเพราะหมายท่องเที่ยวต่อไปคือด่านช่องเม็ก
สอบถามเส้นทางร้านได้ที่ 086 877 4204







นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี



หมายสุดท้ายของทริปนี้ก็คือด่านศุลกากรช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
ด่านศุลกากรช่องเม็ก ตั้งอยู่เลขที่ 586 หมู่ 13 ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดอุบลราชธานี
ยกเว้นอำเภอเขมราฐ อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอตระการพืชผล อำเภอนาตาล อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดยโสธร และจังหวัดร้อยเอ็ด
สินค้าที่มาปฏิบัติพิธีการที่ด่านศุลกากรช่องเม็ก
สินค้านำเข้าเป็น มันสำปะหลัง (มันเส้น) พลังงานไฟฟ้า กะหล่ำปลี และกาแฟสำเร็จรูป
ส่วนสินค้าส่งออกเป็น น้ำมันดีเซล รถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูป น้ำมันเบนซินธรรมดาไร้สารตะกั่ว
รถจักรยานยนต์ รถแทรคเตอร์และรถไถนา และอาหารสัตว์ ฯลฯ



นางมาลา จันทะลาม
รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าว วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สปป.ลาว
เปิดเผยว่า
เป็นความร่วมมือกันทางด้านสายใยของไทย-ลาว ระหว่างการท่องเที่ยวของเมืองอุบลราชธานีในครั้งนี้
ในหัวข้อกิจกรรม "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี"
กิจกรรมในครั้งนี้พวกเราก็เคยร่วมกันมือกันกับจังหวัดอุบลราชธานี กับแขวงจำปาสักพร้อมด้วยแขวงสาละวัน
โดยทางจังหวัดอุบลราชธานีได้มาร่วมเดินสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวของแคว้นจำปาศักดิ์ในหลายๆ สถานที่
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธรรมชาติ ทางด้านประวัติศาสตร์ ทางด้านมรดก

การมาครั้งนี้พวกเราได้มาร่วมกิจกรรมในโครงการฯ ที่จัดขึ้นนับเป็นกิจกรรมที่ดีมากสำหรับคณะเรา
โดยได้มาแลกเปลี่ยนทางด้านการให้บริการ สถานที่ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พักผ่อน
นอกจากนั้นยังได้ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นของจังหวัดอุบลราชธานี
นั่นก็คือ อำเภอโขงเจียม
ซึ่งมีความสวยงามและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งมากค่ะ
เป็นสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวภายในอำเภอโขงเจียม
เป็นที่น่าสนใจของทุกภาคส่วนของเรา
คิดว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนหรือนักท่องเที่ยวสากลต่างประเทศอื่นๆ
มีความประทับใจที่เราจะได้นำไปต่อยอดเป็นแบบอย่างปฏิบัติแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ไม่ว่าทางไทยหรือทาง สปป.ลาว จะได้มาแลกเปลี่ยน ทัศนศึกษา
และเป็นช่องทางความสัมพันธ์เชื่อมกันที่ดีระหว่างเมืองต่อเมือง ที่ทางด่านช่องเม็กกับเมืองโพนทอง สปป.ลาว
ส่วนทางสามพันโบก ผาแต้ม ก็จะเชื่อมติดต่อเมืองชนะสมบูรณ์ในแขวงจำปาสัก
นี่ก็จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราจะได้เชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้นที่สามารถไปมาหาสู่เยี่ยมยามกัน
และจะได้มีการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์
และได้มาชิมอาหาร ได้กินอาหารพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์แต่ละแขวง
เพราะทาง สปป.ลาวของเราก็มีอาหารที่อร่อยเลิศอยู่มากมายหลายอย่าง
เช่นเดียวกันนอกจากนี้ยังมีสถานที่แหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งที่เป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม
และที่สาละวันก็ยังมีถ้ำผาสุกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทางเราได้ค้นพบและเปิดให้ได้เข้าชมเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของแขวงจำปาสักที่โดดเด่นนั่นก็คือ วัดโพระตะนะสาสะดาราม (วัดหลวง)
ทั้งน้ำตกคอนพะเพ็ง-น้ำตกหลี่ผี
สิ่งเหล่านี้จะนำมาเสนอเป็นจุดขายแลกเปลี่ยนให้แก่นักท่องเที่ยวในละแวกชายแดนที่เป็นตลาดหลักของพวกเรา

มาทำกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ได้รับบทเรียนที่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติที่ดี
จะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของเราตลอดทั้งโรงแรมที่พักในการให้บริการที่แคว้นจำปาสักของเรา
กิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันค่ะ



จากนั้นมาต่อที่จุดเช็คอินแห่งใหม่ของช่องเม็กนั่นก็คือ เมืองเรืองแสง



นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
เปิดเผยว่า
วันนี้เราได้เดินทางมาที่ตำบลช่องเม็ก ซึ่งถือกันว่าเป็นเมืองเรืองแสงของจังหวัดอุบลราชธานี
ซึ่งท่านสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ท่านได้ดำริว่า
"ช่องเม็กเราจะพัฒนาให้เป็นเมือง Happy Village" แล้วก็เป็นเมืองเรืองแสง

ซึ่งขณะนี้เราก็จะมีเมืองเรืองแสงแห่งนี้แล้วเชื่อมโยงไปยังวัดภูพร้าว
ที่เราได้พัฒนาโดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดภูพร้าวได้เข้ามาสนับสนุนช่องเม็กให้เป็นเมือเรืองแสง
ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดอุบลราชธานีก่อนที่เราจะเดินทางไปแขวงจำปาสัก
เป็นจุดเช็คอินที่เราจะยกระดับต่อไปทางช่องเม็กของเรา จะมีสินค้าแบรนด์เนม
มีร้านค้าต่างๆ เรากำลังก่อสร้างเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้ามาทำการซื้อขายที่นี่
แล้วก็เชื่อมโยงกับแขวงจำปาสักที่เปิดเป็นด่านการค้าที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเรา
คิดว่าเมืองเรืองแสงจะเป็นอีกเมืองหนึ่งที่จะให้พี่น้องนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดอุบลราชธานี
ได้มาถ่ายภาพเช็คอินที่นี่ครับ

ตอนนี้นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเซีย ภูมิภาคยุโรป
ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหววัดอุบลราชธานีเป็นจำนวนมาก
แล้วจะเดินทางไป สปป.ลาว ก็จะมาผ่านทางด่านศุลกากรช่องเม็ก เพื่อไปเที่ยวเมืองลาวใต้ต่อ
ซึ่งเป็นดินแดนมหัศจรรย์อย่างแขวงสาละวันที่มีถ้ำขนาดใหญ่คือถ้ำผาสุก
แล้วทางด้านแขวงจำปาสักก็จะมีน้ำตกคอนพะเพ็ง-น้ำตกหลี่ผีแล้วก็วัดภูที่จะเข้าไปสักการะที่เป็นมรดกโลก
สำหรับที่เที่ยวของเราก็จะมีผาแต้ม มีหาดทรายสวยที่สามพันโบกเรียกว่าเป็นทะเลทรายที่สวยงาม
เรามาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีมาดูพระอาทิตย์ก่อนใครในสยามที่ผาแต้ม
ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญชวนพี่น้องนักท่องเที่ยวได้มาท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีของเรา
เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้วก็ท่องเที่ยวต่อไปยังแระเทศ สปป.ลาว ได้อีกทางหนึ่งครับ







รีบเหาะมาเที่ยวเมืองอุบลราชธานีใน BUT NOW โลดพี่น้อง

















มาถึงร้านนี้แล้วต้องแวะเช็คอินเลยนะคะ เพราะถึงแม้ว่ามากลางวันที่นี่ก็มีให้ถ่ายภาพเรืองแสงได้ค่ะ



ภาพก็จะออกมาประมาณนี้แหละค่ะออเจ้า



ปิดท้ายทริปกิจกรรม "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี"
ด้วยบทสัมภาษณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดอุยลราชธานี
ขอขบคุณจังหวัดอุบลราชธานี ขอขอบคุณสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีที่ชวนอุ้มมาค่ะ



นายสฤษดิ์ วิฑูรย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
กล่าวถึงกิจกรรม "สานสายใย ไทย-ลาว สองแผ่นดิน กินของแซ่บเมืองอุบลราชธานี" ไว้ว่า

พรมแดนติดกับสองแผ่นดินติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เชียงรายก็จะมีพม่ากับลาว
เริ่มต้นแม่น้ำโขงที่เริ่มต้นไหลเข้ามาสู่ประเทศไทย
ส่วนจังหวัดอุบลราชธานีอยู่ปลายแม่น้ำโขงก็มีพรมแดนติดสองแผ่นดินเหมือนกันคือลาวและกัมพูชา
เพราะฉะนั้นจึงเกิดเรียกว่าเรามีสิ่งที่เรียกว่ามีธรรมชาติร่วมกันคือแม่น้ำโขง

แต่สิ่งที่ร่วมกันคือ วัฒนธรรมและประเพณี และความใกล้ชิดของทั้งสองประเทศ
ยิ่งโดยเฉพาะลาวเรามีแนวพรมแดนเกือบ 300 กว่ากิโลเมตร
ตั้งแต่อำเภอเขมราฐเป็นต้นมา
ซึ่งทั้งสองฝั่งระหว่างไทยกับลาวอุบลนั้นจะมีเขตติดต่อถึง 3 แขวง
ตั้งแต่ตอนบนคือแขวงสุวรรณเขต ตรงกลางคือแขวงสาละวัน และสุดท้ายคือแขวงจำปาสัก

ซึ่งทั้งอุบลและจำปาสักนั้นถือว่าเมืองคู่มิตรด้วยกันนะครับ
ในเรื่องของความมีส่วนร่วม เรียกว่าไร้พรมแดน
ก็คือเราไม่มีแม่น้ำโขงแต่เราจะมีดินแดนที่ไปมาหาสู่กันได้เป็น Land link ไม่ใช่ Land lock
เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำอย่างไรเราถึงจะส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันทั้งสองแผ่นดิน
โดยนำเอาเรื่องของธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี
และแม้แต่ศิลปะที่มีความคล้ายคลึงกัน ความกลมกลืนกัน
และมีผูกพันกันมาแต่บรรพบุรุษเราได้อยู่ร่วมกันมา...





ขอขอบคุณ
เพลง : มนต์รักแสงแรก โดยน้องอ่อมแอ๋ม
BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat / Banner : คุณ oranuch_sri
ของแต่ง BLOG : ป้ามด + น้องดอกหญ้าเมืองเลย + ป้าเก๋า ชมพร + น้องญามี่ + คุณเนยสีฟ้า




Create Date : 18 ตุลาคม 2562
Last Update : 17 มกราคม 2563 4:58:01 น. 25 comments
Counter : 3127 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณThe Kop Civil, คุณkatoy, คุณวลีลักษณา, คุณทนายอ้วน, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณKavanich96, คุณสองแผ่นดิน, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณRananrin, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณตะลีกีปัส, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณInsignia_Museum, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณkae+aoe, คุณMitsubachi, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณJinnyTent


 
มาเจิมเลยครับพี่
อยากไปเที่ยวอุบลฯครับ 55


โดย: The Kop Civil วันที่: 18 ตุลาคม 2562 เวลา:13:15:02 น.  

 
บ้านพี่เมืองน้อง


โดย: วลีลักษณา วันที่: 18 ตุลาคม 2562 เวลา:19:44:55 น.  

 
ตามไปเที่ยวอุบลด้วยคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 ตุลาคม 2562 เวลา:19:54:47 น.  

 
อยากไปทุกที่เลย


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 ตุลาคม 2562 เวลา:7:27:36 น.  

 
โหวตครับ

ปีนี้พี่อุ้มเดินทางและทำงานไปทั่วทิศทั่วไทยเลยนะครับ
อยากไปถ่ายภาพที่สามพันโบกบ้างครับพี่
สวยมากๆๆๆๆๆๆ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2562 เวลา:7:59:43 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 19 ตุลาคม 2562 เวลา:12:43:04 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ตุลาคม 2562 เวลา:6:26:19 น.  

 
โอ้..ชอบบรรยากาศ ปูเสื่อริมแก่งน้ำนั่นที่สุด
ล้อมวงแล้วกินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง สุขเหลือล้น..ครับ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 20 ตุลาคม 2562 เวลา:12:12:53 น.  

 
มาชมกิจกรรมดี ๆ ของเมืองอุบลครับ
เห็นภาพวัดเรืองแสงตอนค่ำแล้ว งามจริง ๆ



ป.ล. ขออภัยที่ผมแวะมาเยี่ยมพี่อุ้มช้าครับ (ช้ามากกก)
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมไม่ว่างเข้าบล็อกเลยครับ แหะ ๆ ^^"


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 20 ตุลาคม 2562 เวลา:20:39:43 น.  

 
กิจกรรมดีจังค่ะคุณอุ้ม
มีโอกาสอยากไปเที่ยวอุบลฯบ้างค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 20 ตุลาคม 2562 เวลา:23:56:44 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:6:39:44 น.  

 
ภาพและคำสวย สนุก
และให้ความรู้มากเลยค่ะ
ไปเองก็คงไม่ได้เห็น ได้ฟังขนาดนี้
ขอบคุณนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:6:45:32 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ยังไม่เคยเที่ยวอุบลอย่างเป็นการเป็นงานเลยค่ะ
ธันวานี้ว่าจะไปอยู่ค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:7:43:12 น.  

 
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดเรืองแสงสวยงามมากค่ะ
ชื่นชมคนเข้าใจคิดและทำนะคะ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:7:59:52 น.  

 
ขอบคุณครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:20:29:58 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องอุ้ม
มาเที่ยวเมืองอุบลราชธานี จ้ะ
เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวมาก
ทีเดียว เนาะ ครูเคยไปอุบลน่าจะ
สองครั้ง แต่ไม่ได้เที่ยวแบบเจาะ
ลึก สามพันโบกได้ยินมานาน
จะไปเที่ยว ก็ไม่ได้ไปชะที เห็น
ภาพที่อุ้มถ่ายมาสวยมากเลย
ส่วนผาแต้ม เคยไปแล้ว
โหวดหมวด ท่องเที่ยว


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 22 ตุลาคม 2562 เวลา:21:43:59 น.  

 
สถานที่ท่องเที่ยวน่าไปทุกที่เลยค่ะพี่อุ้ม❤️👍❤️👍


โดย: พัชรี​ ศุขเขษม IP: 58.8.142.226 วันที่: 23 ตุลาคม 2562 เวลา:5:45:38 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2562 เวลา:6:24:10 น.  

 
ขอบคุณคุณอุ้มสำหรับกำลังใจนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 23 ตุลาคม 2562 เวลา:8:21:13 น.  

 
ตามๆ ด้วยคนค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 24 ตุลาคม 2562 เวลา:8:49:10 น.  

 
ก่อนโหวต ถามพี่อุ้มหน่อยค่ะ

การไปของพี่อุ้มนี่ควรโหวตรีวิวแทรเวลบล็อกไหมง่ะ? เพราะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเอง เหมือนเคยมีคนบอกว่าการที่หนูไปทริปที่ไปทำงานก็ควรโหวตรีวิวแทรเวลเหมือนกัน?

ทั้งที่หนูก็รู้สึกว่า...แต่มันไม่ใช่การรับค่าจ้างหรือรีวิวเพื่อประชาสัมพันธ์แบบที่รร./ที่เที่ยวขอมา ก็เลยไม่ควรเรียกว่ารีวิวแทรเวลอ้ะ

พี่อุ้มว่าไงไปบอกกันด้วยแล้วกันนะคะ จะกลับมาโหวตอีกที

นี่ตอนไปอุบลล่าสุดนี่ยังไม่เห็นวัดเรืองแสงที่วัดสิรินธรนี่เลยค่ะ เอาไว้ถ้าได้ไปต้องไปหน่อยแล้ววววว



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 ตุลาคม 2562 เวลา:9:12:08 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่อุ้ม อยากไปเที่ยวงานเทศกาลแห่เทียนที่อุบลจังค่ะ
ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ตอนกลางคืนสวยจัง
คนลาวก็สวยเหมือนกันนะค่ะเนี่ย
ภาพเยอะมากดูเพลินเลยค่ะ


โดย: Mitsubachi วันที่: 24 ตุลาคม 2562 เวลา:10:16:25 น.  

 
ของดีก็ต้องโปรโมตกันล่ะนะ

ศาลหลักเมืองใครมาก็ต้องแวะจริงๆ ครับเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง

บรรยากาศที่เปิดไฟตอนกลางคืนสวยนะครับ


คำถามที่พี่เต้นฝากไว้น่าสนใจ ผมว่าจะถามหลายครั้งก็ลืม จริงๆ มันน่าจะเข้าข่ายของรีวิวแทรเวลมากกว่า


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 ตุลาคม 2562 เวลา:0:28:48 น.  

 
อยากไปเที่ยวสามพันโบกมากค่ะพี่อุ้ม
อยากเห็น ยังไม่เคยไป
แต่ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปเปล่า
มาเกาะพี่อุ้มเที่ยวไปก่อนเนอะ


โดย: JinnyTent วันที่: 26 ตุลาคม 2562 เวลา:21:15:23 น.  

 
สุดยอดทั้งเรื่องและภาพ


โดย: ลุงแมว วันที่: 27 ตุลาคม 2562 เวลา:22:04:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ้มสี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 118 คน [?]






ผล BlogGang Popular Award #16
จากวันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี


ผล BlogGang Popular Award #15
จากวันที่ 1 ม.ค. 62 - 31 ธ.ค. 62
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี



ขอบคุณหัวใจ 266 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.60





ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 12
ปี พ.ศ.2560


ขอบคุณหัวใจ 499 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.59


ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 11
5 มีนาคม 2559



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2558
กราบขอบพระคุณทุกท่าน
แปะหัวใจให้ถึง 351 ดวง


ปี พ.ศ. 2558
BlogGang Popular Award # 10


ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2557
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

คลิกที่นี่:: Interview .. the Blogger :: ~ อุ้มสี ~



ปี พ.ศ.2557
BlogGang Popular Award # 9
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




ปี พ.ศ.2556
BlogGang Popular Award # 8
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อุ้มสี's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.