สืบเนื่องมาจากเพราะน้องปุ๊ก ณ ขณะหนึ่ง ลงมากรุงเทพฯ จึงเป็นสาเหตุของการมาสังสรรค์ให้หายคิดถึงสักหน่อย พอเป็นกระสัยแบบว่ามิตรภาพไม่มีวันหยุดจ๊ะคืนก่อนวันมีตติ้งได้เจอกับพี่อ้อ เริงฤดีนะ ที่กลับมาจากฮ่องกงก็เลยมีของมาฝากเราเจ้าค่ะเสื้อ รองเท้า น้ำหอมยังไม่หมดแค่นี้นะคะนาฬิกา...นี่คือนาฬิกาเจ้าค่ะ อันที่จริงมียาทาเล็บด้วยนะคะ แต่โชว์แค่นี้ละกันเน๊าะ เอาไว้โชว์สีเล็บที่กล้องมือถือคุณนายแคทจ๊ะว่าแล้วก็เบอร์ 5 บ้าเห่อ ใส่เกิบใหม่แล้วขอ-บอกรับกับใบหน้าเดี้ยนมากๆ 555 ว่าแล้วต้องกราบขอบพระคุณพี่อ้อเจ้าค่ะนัดหมายกันวันที่ 20 มีนาคม 2554 10 โมงที่โลตัสพระราม 2 พอครบองค์ประชุม ก็ยกโขยงมุ่งตรงมาศาลพันท้ายนรสิงห์ค่ะเลี้ยวซ้ายตามมากันโลดพี่น้องถ่ายกันที่เยื้องๆ ศาลพันท้ายนรสิงห์ค่ะ มีปุ๊ก อุ้ม นุ่ม แล้วมาอุ้ม พี่อ้อมแอ้ม (ต่อ)จากนั้นมานุ่ม อุ้ม พี่อ้อมแอ้ม และอุ้ม แคท ครบองค์ประชุมแล้วก็จรลีไปเที่ยวกันโลด (อุ้มกันให้เมื่อยเลย 555 มี 2 อุ้มน่ะจ๊ะ)ก็เดินแยกย้ายกันไปไหว้ศาลพันท้ายนรสิงห์ กันตามอัตฌาสัยกันค่ะพันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชย ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 พระเจ้าเสือ ซึ่งได้รับยกย่องว่า เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิตค่ะเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงเหตุการณ์ในพ.ศ. 2246- 2252 โดยพระเจ้าเสือเส็จประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ดด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย และมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีในครั้งนี้ เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม คลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่ง อย่างระมัดระวังแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำพันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่า ถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย จึงกราบทูลน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี แต่พระเจ้าเสือทรงเห็นว่า เป็นอุบัติเหตุสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัยโทษให้แต่พันท้ายนรสิงห์ยืนยันขอให้ตัดศรีษะตน เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหา ติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่า ทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไปพระเจ้าเสือจึงทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวง ปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังยืนยันขอให้ประหารตนเสียแม้พระเจ้าเสือจะทรงอาลัย ในพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจำพระทัยปฎิบัติตามพระราชกำหนด ดำรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์ แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา นำศีรษะพันท้ายนรสิงห์ กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาลแล้วทรงพระราชดำริว่า คลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ โปรดให้ขุดตัดตรงเมื่อแล้วเสร็จ พระราชทานนามว่าคลองสนามไชย ต่อมาเปลี่ยนเป็นคลองมหาชัย เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ต่อมากรมศิลปากร ได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้น อยู่ถัดจากศาลเก่าเจ้าค่ะวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแดดจัดมากๆ เจ้าค่ะพกร่มกันเป็นแถวเจ้าค่ะ แล้วพวกเราก็ไปทานข้าวเที่ยงกันที่ครัวลุงญาเจ้าค่ะหากจะมาที่ร้านครัวลุงญา การเดินทางมาทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าไปจ.สมุทรสาคร ป้ายบอกทางไปศาลพันท้ายนรสิงห์ จากปากซอยเข้ามา10 กิโลเมตร ก็จะถึงแล้วร้านลุงครัวญาเจ้าค่ะผู้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ เลยให้น้องนุ่มณอ่อนนุชเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอเจ้าค่ะร้านครัวลุงญาจะมีวิวสวย อาหารอร่อยเจ้าค่ะว่าแล้วก็จับภาพคู่ กับพี่อ้อมแอ้ม คนผ่านทางมาเจอ ใครสวยกว่ากันละเนี่ย อิอิอิกับเจ้าน้องอุ้ม เจ้าการะเกดแล้วคู่นี้ใครสวยกว่ากันเฉือนกันไม่ลงเน๊าะโปรดดูมาดช่างภาพสาวน้องปุ๊ก ณ ขณะหนึ่งถ่ายภาพกันเหนื่อยแล้ว ก็มาเข้าอาหารการกินกันเน๊าะพี่น้อง WOW ทำไมอิช้านถ่ายภาพอาหารได้น่าทานขนาดนี้ ภูมิใจนำเสนอเจ้าค่ะเชิญน้ำลายไหลตามสะดวกจ๊ะหอยจ๊อเจ้าค่ะแกงส้มไข่ปลาริวกิว...ของโปรดเรา เห็นมีคนบอกว่าน้องพู่ JewNid ก็ชอบชิมิชิมิปลากระพงแช่น้ำปลา (หรือเปล่าหนอ) อิอิอิ แบบว่าจำชื่อไม่ได้ค่ะเพราะไม่ได้สั่ง มาทานอย่างเดียว 555น้ำพริกอะไรคะพี่อ้อมแอ้มโชว์นาฬิกาจากฮ่องกงเหรอคะพี่อ้อมแอ้ม อิอิอิ ไม่ใช่เจ้าค่ะ จะโชว์ให้เห็นความอร่อยของน้ำพริกจ๊ะโปรดสังเกตผักสีเขียว ถ้ามาร้านครัวลุงญาอย่าพลาดสั่งมาทาน เป็นผักพื้นเมืองเฉพาะที่นี่เลยค่ะ คือผักชะครามน่ะคะอร่อยดีเน๊าะรับข้าวสักจานไหมคะ ????แล้วตามด้วยกุ้งอบวุ้นเส้นเจ้าค่ะแล้วต่อด้วยกุ้งตีแปลง กรุณาอย่าพลาดถ้ามาร้านครัวลุงญาเจ้าค่ะแล้วต่อด้วยปู จานโปรดของพี่อ้อมแอ้มและเจ้าน้องอุ้มแล้วตอนเที่ยงกว่าๆ หนุ่มเดียวของโต๊ะก็มาถึง น้องอาคุงกล่องเจ้าค่ะ โปรดสังเกตอาหารที่เห็นเยอะๆ อยู่เมือกี้ ไม่ทราบว่าหายไปไหนเหลือแค่นี้เจ้าค่ะ โอ้ววววว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ก็เลยให้น้องกล่องสั่งทานต่อจ๊ะจานนี้ชื่ออะไรหนอ สังเกตว่าผักชะครามน่ะค่ะอร่อยดีเน๊าะ น้องกล่องสั่งพร้อมข้าวผัดกุ้ง แต่กลับได้เป็นข้าวผัดปูก็เลยๆ ตามเลยสังเกตว่าแต่ละคนเริ่มอิ่มมากถึงมากที่สุด น้องนุ่นหันไปโทรศัพท์ น้องปุ๊กอยู่แผนกเทคแคร์ ดูแลอย่างดีเติมน้ำเติมโน้นให้ตลอด พี่อ้อมแอ้มและเจ้าน้องอุ้มหันไปทำบ๊อกไม้ต่อ เรา คุณนายกล้วยไม้ และน้องกล่องนั่งเม้าธ์ขนาดอิ่มก็ยังสั่งขนมถ้วยมาล้างปากค่ะ แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับตอนบ่ายสอง สั่งกาแฟล้างปากย้ำกาแฟมาช้ามากๆ แค่นำกาแฟใส่ถ้วยแค่นี้นานมากๆ จนจะกลับแล้วกาแฟถึงโผล่มาค่ะ งานนี้ลงขันค่าอาหารกันคนละ 400 บาทค่ะ เกรงใจน้องกล่องมาทีหลังทานน้อย ยังมาลงขันหาร 400 บาทด้วยเกรงใจเน๊าะ จากนั้นก็ไปผึ่งพุงกันต่อที่บ้านคุณนายแคทค่ะ มิตรภาพอบอวลด้วยไออุ่นเสมอจ้า แล้วเจอกันที่งานแต่งงานน้องคิตตี้น้อยสีชมพูเน๊าะ 5 มิถุนายน 54อยากขอบคุณที่โลกยังหมุนอยู่ และรับรู้ว่าเธอยังฝัน วันเวลาให้เรานั้นมาพบกัน ผ่านคืนผ่านวันผ่านเดือน เป็นเพื่อนคุ้นเคย ฝากความรัก ความคิดถึงให้เพื่อน อย่าลืมเลือนเพื่อนเอยเคยฝัน อย่าลืมคำพร่ำเตือนที่เคยรำพัน จะแบ่งปันสร้างสรรค์เพื่อวันที่ดี แม้สองตาจะมองหาดาว แต่สองเท้ายังก้าวติดดิน อยู่ใกล้ไกลวันใดที่เธอได้ยิน บทเพลงนี้ส่งความหวังดีมาด้วย อยู่ใกล้ไกลวันใดที่เธอได้ยิน อย่าสิ้นหวังอย่าสิ้นกำลังใจ
รองเท้าสวยมากค่ะ