หลังจากตอนที่ 7 ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพเรียบร้อยแล้ว มาตอนที่ 8 ตอนนี้ก็นั่งรถสองแถวลงมาได้ทุกสายเพราะยังไงต้องผ่านค่ะ ค่ารถสองแถวคนละ 50.-บาท อย่าลืมบอกคนขับก่อนเขาจะได้จอดให้เจ้าค่ะเป็นเส้นทางที่ลงจากดอยสุเทพค่ะ ตอนลงมานี่ทั้งรถสองแถวมีแต่คนไทยทั้งนั้นเลยค่ะซึ่งถนนขึ้นดอยสุเทพนี้ครูบาศรีวิชัยได้เริ่มลงมือสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 เวลา 10.00 น. ณ เชิงดอยสุเทพด้านห้วยแก้ว โดยมี พลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้ขุดจอบเป็นปฐมฤกษ์ และเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478อนุสาวรีย์นี้สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์หล่อเท่าองค์จริงในท่ายืน จัดสร้างและออกแบบโดยช่างของกรมศิลปากร การสร้างดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อยแต่คณะกรรมการไม่สามารถนำเอาขึ้นไปประดิษฐานที่เชียงใหม่ได้ เล่ากันว่าเมื่อจะเอาขึ้นไปคราวใด มักจะเกิดอุปสรรคและปัญหาเสมอ จนเวลาได้ล่วงเลยไปนานหลายปีหลวงศรีประกาศจึงได้นำเอาดอกไม้ไปบูชาอัญเชิญ "แม้จะมีเหตุขัดข้องอย่างไร ก็จะต้องจัดการเอาขึ้นไปให้ได้..."และในวันที่รูปหล่อครูบาศรีวิชัยถูกอัญเชิญถึงจังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ประชาชนซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับแม่น้ำแม่ปิงต้องจดจำได้อย่างไม่มีวันลืมเลือน ก็คือ กระแสน้ำปิงได้ไหลบ่าหวนย้อนกลับคืนขึ้นเหนือกระแสน้ำได้นองท่วมท้นจนเต็มเขื่อนภูมิพล ท่วมถึงเขตอำเภอฮอด เป็นไปตามสัจจวาจาของครูบาศรีวิชัยที่ได้กล่าวไว้... "ตราบใดสายน้ำปิงไม่ไหลคืน จะไม่เหยียบแผ่นดินเชียงใหม่ตราบนั้น"ครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปโดยเฉพาะในเขตล้านนาว่าเป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญ" อันมีความหมายเชิงยกย่องว่าเป็นนักบวชที่มีคุณสมบัติพิเศษ อาจพบว่ามีการเรียกอีกว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย พระครูบาศรีวิชัย ครูบาศีลธรรม หรือ ทุเจ้าสิริ (อ่าน"ตุ๊เจ้าสิลิ") แต่พบว่าท่านมักเรียกตนเองเป็นพระชัยยาภิกขุ หรือพระศรีวิชัยชนะภิกขุ เดิมชื่อเฟือนหรืออินท์เฟือนบ้างก็ว่าอ้ายฟ้าร้อง เนื่องจากในขณะที่ท่านถือกำเนิดนั้นปรากฏฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ส่วนอินท์เฟือนนั้น หมายถึง การเกิดกัมปนาทหวั่นไหวถึงสวรรค์หรือเมืองของพระอินทร์ ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ(เดือน 7 ของภาคกลาง) ขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ.1240 เวลาพลบค่ำ ตรงกับวันอังคารที่ 11 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2421 ที่หมู่บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูนครูบาศรีวิชัยมีความปรารถนาที่จะบรรลุธรรมะอันสูงสุด ดังปรากฏจากคำอธิษฐานบารมีที่ท่านอธิษฐานไว้ว่า "...ตั้งปรารถนาขอหื้อได้ถึงธรรมะ ยึดเหนี่ยวเอาพระนิพพานสิ่งเดียว..." และมักจะปรากฏความปรารถนาดังกล่าวในตอนท้ายชองคัมภีร์ใบลานที่ท่านสร้างไว้ทุกเรื่อง อีกประการหนึ่งที่ทำให้ครูบาศรีวิชัยเป็นที่รู้จักและอยู่ในความทรงจำของชาวล้านนา ก็คือการที่ท่านเป็นผู้นำในการสร้างทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพโดยพลังศรัทธาประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ซึ่งใช้เวลาสร้างเพียง 5 เดือนเศษ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐเลยเจ้าค่ะครูบาเจ้าศรีวิชัย มรณภาพเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้างปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน สิริอายุได้ 59 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัยตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิงก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชาอุ้มนับว่ามีบุญมากที่ได้มาสักการะครูบาศรีวิชัยว่าแล้วก็ถ่ายภาพมาในฐานะที่อุ้มเกิดปีมะเส็งและปีนี้ก็ปีมะเส็ง ถึงแม้ยังไม่มีบุญไปสักการะถึงเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย แต่ทริปนี้อุ้มก็ได้ไปสักการะที่เจดีย์ที่วัดเจ็ดยอด จ.เชียงใหม่มาเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกเป็นบุญมากๆ ที่ได้มาเชียงใหม่ในทริปนี้ค่ะ BLOG หน้าพาไปชมภาพถ่ายและนิทรรศการครูบาศรีวิชัยค่ะ สามวันนี้ เดี๋ยวจะเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานีในตอนเย็นนี้แบบส้มหล่นไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฝาก BLOG ไว้ด้วยค่ะ กลับมา กทม. ประมาณสี่ทุ่มคืนวันพุธที่ 13 นี้แหละค่ะ บุญรักษาเน๊าะพี่น้องหมู่เฮา ขอขอบคุณ banner : คุณ no filling / กรอบ : น้อง KungGuenter / เพลง : ฮานี่บ่าเฮ๊ย : จรัล มโนเพ็ชร BG : น้องญามี่ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย / ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า