2 วัน 1 คืน ฮิโรซากิ อลังการซากุระ ณ เมืองซามูไรแห่งดินแดนอีสานญี่ปุ่น
สถานที่ท่องเที่ยว : ซากุระรูปหัวใจที่งานเทศกาลซากุระ ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle), Japanพิกัด GPS : 40° 36' 28.41" N 140° 27' 47.95" E
ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าสิ่งแรก ๆ ที่ทุกคนนึกถึงก็คงหนีไม่พ้นดอกซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และหนึ่งในสถานที่ชมซากุระที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือ เมืองฮิโรซากิ ( Hirosaki) ใน จังหวัดอาโอโมริ ( Aomori prefecture) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮะกุ เมืองแห่งนี้มีบรรยากาศเงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต เนื่องจากเมืองนี้ที่ตั้งของ ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki castle) ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่โดดเด่นทั้งด้านสถาปัตยกรรมและความงดงามของสวนโดยรอบ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ต้นซากุระกว่า 2,600 ต้นจะผลิบานพร้อมกันทั่วบริเวณ ทำให้สวนปราสาทกลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ทริปนี้ผมใช้เวลาอยู่ที่ฮิโรซากิทั้งสิ้น 2 วัน 1 คืนครับ จริงๆแล้วรีวิวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ทริปโทโฮกุตอนเหนือ ( North Tohoku) ในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเริ่มต้นและจบลงที่โตเกียว โดยผมเริ่มต้นการเดินทางที่เมืองฮิโรซากิแห่งนี้ ส่วนเมืองอื่นๆ ผมจะนำมารีวิวในตอนต่อๆไปนะครับรู้จักกับเมืองฮิโรซากิ (Hirosaki) เมืองฮิโรซากิ (Hirosaki) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ จังหวัดอาโอโมริ (Aomori prefecture) ใน ภูมิภาคโทโฮะกุ (Tohoku) เดิมทีเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางอำนาจของ ตระกูลสึการุ ( Tsugaru Clan) ในยุคเอโดะ โดยมี ปราสาทฮิโรซากิ ( Hirosaki Castle) ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 เป็นศูนย์กลางการปกครอง
นอกจากเรื่องราวทางประวััติศาสตร์แล้ว ปราสาทฮิโรซากิิยังเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น โดยในฤดูใบไม้ผลิ สวนรอบปราสาทจะถูกเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรึ่งเป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวทั้งจากญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยในช่วงดังกล่าว ที่ปราสาทจะมีการจัดงาน Hirosaki Cherry Blossom Festivel ซึ่งผมได้ไปงานดังกล่าวมาในทริปนี้ด้วยครับ
นอกจากซากุระแล้ว ฮิโรซากิยังโดดเด่นด้วยเทศกาลท้องถิ่นอย่าง “ฮิโรซากิ เนปุตะ มัตสึริ” (Hirosaki Neputa Matsuri) ซึ่งจัดขึ้นในฤดูร้อน โดยมีขบวนโคมไฟขนาดใหญ่ในรูปทรงพัดประดับภาพนักรบโบราณ เดินขบวนพร้อมเสียงดนตรีพื้นบ้านอย่างยิ่งใหญ่
VIDEO
นอกจากนี้ ฮิโรซากิยังขึ้นชื่อว่าเป็น เมืองแห่งแอปเปิ้ล เพราะเป็นแหล่งผลิตแอปเปิลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีสวนแอปเปิ้ลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย แต่ในทริปนี้ผมไม่ได้ไปนะครับ การเดินทางไปยังเมืองฮิโรซากิ สำหรับการเดินทางมายังเมืองฮิโรซากิ หลักๆมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีครับ1. รถไฟ ถ้าเดินทางมาจากโตเกียว ให้นั่งรถไฟความเร็วสูงสาย Tohoku Shinkansen จาก Tokyo Station ไปยัง Shin-Aomori Station ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นให้ต่อรถไฟท้องถิ่น สาย JR Ou Line ไปยัง Hirosaki Station ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 40 นาที และเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆของญี่ปุ่น การเดินทางด้วยรถไฟถ้าอยากประหยัดต้องวางแผนใช้พาสครับ โดยพาสที่สามารถใช้เดินทางมายังเมืองนี้ได้ ก็ได้แก่
JR East Pass: Tohoku Area สามารถใช้เดินทางจากโตเกียวมาถึงที่จังหวัดต่างๆในภูมิภาคโทโฮะคุ รวมทั้งที่อาโอโมริ ปัจจุบันพาสนี้มี 2 แบบคือ แบบใช้ 5 วันติดต่อกัน (30,000 เยน) และแบบใช้ 10 วันติดต่อกัน (48,000 เยน) JR East-South Hokkaido Rail Pass สามารถใช้เดินทางจากโตเกียวมาถึงที่จังหวัดต่างๆในภูมิภาคโทโฮะคุ รวมทั้งที่อาโอโมริ แล้วใช้ต่อไปถึงเมืองซัปโปโร (Sapporo) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะฮอกไกโดได้ครับ แต่ระยะเวลาใช้ได้แค่ 6 วันติดต่อกัน ราคาอยู่ที่ 35,370 เยน JR Tohoku-South Hokkaido Rail Pass พาสนี้ใช้ได้แค่จากเซนได (Sendai) ผ่านอาโอโมริ แล้วไปถึงที่เมืองซัปโปโร พาสนี้ก็ใช้ได้ 6 วันติดต่อกัน ราคาอยู่ที่ 30,640 เยนครับ 2. รถบัส ปัจจุบันมีรถบัสของ Konan Bus ซึ่งจะออกเดินทางในช่วงกลางคืนจากโตเกียว (ชินจูกุ) ไปยังฮิโรซากิ โดยค่ารถจะอยู่ระหว่าง 5,000 จนถึง 10,000 เยน ใครจะเดินทางด้วยวิธีนี้แนะนำให้จองล่วงหน้านะครับ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลอย่างช่วงซากุระ เพราะตั๋วเต็มเร็วมาก สำหรับวิธีการจอง แนะนำให้จองผ่าน https://secure.j-bus.co.jp/hon/RouteList/List?uncd=0201 3. เครื่องบิน ปัจจุบันมีไฟลท์จากโตเกียว (นาริตะและฮาเนดะ), โอซาก้า (Itami Airport), นาโกย่า, ฮอกไกโด (ชิโตะเสะ), เกาหลีใต้ (อินชอน) และไต้หวัน (เถาหยวน) ไปลงที่ สนามบินอาโอโมริ ( Aomori Airport) และจากสนามบินอาโอโมริ จะมีรถเมล์มายังเมืองฮิโรซากิในราคา 1,200 เยน สามารถแตะจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ paywave บนรถได้เลยครับ
การเดินทางภายในเมืองฮิโรซากิ เมืองฮิโรซากิจะมีย่านเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ปราสาทฮิโรซากิ ( Hirosaki Catle) แต่ย่านนี้จะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟออกไปพอสมควรครับ (ประมาณ 3 กิโลเมตร) ถ้าใครจะมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ตรงบริเวณรอบๆสถานีรถไฟจะมีจักรยานให้เช่าอยู่หลายจุดครับ แต่ต้องคืนก่อนถึง 4 โมงเย็น และเช่าข้ามคืนไม่ได้ ผมเลยไม่ได้เช่า ถ้าใครสนใจลองอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ https://www.hirosaki-kanko.or.jp/en/edit.html?id=rental_bicycle นอกจากจักรยาน ที่นี่ก็มีรถเมล์อยู่หลายสายครับ แต่สายที่แนะนำให้ขึ้นคือ Dotemachi loop bus สาย 1 ซึ่งจะวิ่งเป็นวงกลมจากสถานีรถไฟไปยังตัวปราสาทฮิโรซากิ โดยค่ารถจะอยู่ที่ 150 เยนตลอดสาย
เมืองนี้ยังมีแท็กซี่ด้วยครับ แต่ค่าแท็กซี่ที่เมืองนี้แพงพอสมควรเลย เช่น จากปราสาทฮิโรซากิกลับไปที่พักใกล้สถานีรถไฟ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ค่ารถตามมิเตอร์อยู่ที่ 1,200 เยน ซึ่งก็ถือว่าเอาเรื่องอยู่ครั วิธีสุดท้ายคือ ถ้าใครเป็นสายเดิน เดินเก่ง จะเดินเที่ยวก็ได้ครับ ยิ่งถ้ามาช่วงซากุระ อากาศเย็นสบาย แป๊บเดียวก็ถึงครับ (ผมเดินมาแล้ว) แผนเที่ยว วันที่หนึ่ง
เดินทางด้วยรถบัสนอนข้ามเมืองตั้งแต่คืนก่อนหน้า จากสถานีรถบัสที่ย่านชินจูกุในกรุงโตเกียวไปยังเมืองฮิโรซากิ มาถึงในช่วงเช้า นำกระเป๋าไปฝากที่โรงแรม (Hotel Route Inn Hirosaki Ekimae) เช้า: เดินเที่ยวชมเมือง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยฮิโรซากิ (Hirosaki Museum of contemporary art) / วัดไซโชอิน (Saichoin Temple) / อาคารธนาคารเก่า (Former Fifty Ninth Bank Head Office) / ศาลเจ้าฮิโรซากิ (Hirosaki Tenmangu shrine) บ่าย: สวนฟุจิตะ (Fujita Garden) / สวนพฤกษศาสตร์ (Botanic garden) / ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) วันที่สอง เดินทางด้วยรถไฟต่อไปยังเมืองอาโอโมริ (Aomori City) ที่พัก ผมเลือกพักที่ Hotel Route Inn Hirosaki Ekimae ครับ ที่นี่เป็นหนึ่งในเครือโรงแรมบิสิเนสโฮเต็ลของญี่ปุ่น ซึ่งข้อดีของโรงแรมในเครือนี้คือ มักจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ สะอาดตามมาตรฐานญี่ปุ่น และมักจะมีออนเซ็นให้ ส่วนราคาอยู่ในระดับกลางๆค่อนไปในทางถูก และค่าห้องรวมอาหารเช้าไว้แล้ว (โรงแรมญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยรวมอาหารเช้าให้ ถ้าอยากทานต้องจ่ายเพิ่ม) แต่ข้อเสียสำคัญคือห้องแคบครับ เหมาะสำหรับคนที่จะใช้ห้องสำหรับนอนตอนกลางคืนอย่างเดียว ผมจองที่พักนี้ได้ในราคา 2,500 บาทต่อคืนผ่านทาง Trip.com ครับ เท่าที่ติดตามราคามา ปกติโรงแรมนี้ราคาค่อนข้างถูกครับ ยกเว้นช่วงเทศกาลราคาจะดีดขึ้น 3-4 เท่าได้เลยทีเดียว ดังนั้นใครจะเดินทางมาที่เมืองนี้ โดยเฉพาะช่วงซากุระ อาจจะต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ควรจองที่พักตั้งแต่เนิ่นๆ (ผมจองล่วงหน้า 5 เดือน)วันที่หนึ่ง ทริปนี้ผมนั่งรถบัสนอนจากโตเกียวตั้งแต่คืนก่อนหน้าครับ โดยรถบัสจะมาถึงที่ฮิโรซากิในช่วงเช้าตรู่ โดยรถบัสจะจอดแถว สถานีรถไฟฮิโรซากิ จากนั้น เราก็เดินมาที่โรงแรมที่จองไว้ นั่นก็คือ Hotel Route Inn Hirosaki Ekimae ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ แต่เนื่องจากเรามาถึงเช้าก็เลยเช็คอินไม่ได้ ผมเลยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนออกไปเที่ยว
มาเริ่มกันที่จุดแรก นั่นก็คือ สถานีรถไฟฮิโรซากิ ครับ ด้านหน้าของสถานีจะมีอนุสาวรีย์ของเด็กสองคนที่คนฮิโรซากิจะเรียกว่า ฟุตาริ โนะ โซ ซึ่งแปลว่า รูปปั้นของคนสองคน ซึ่งสื่อถึงความหวัง นั่นก็คือ เยาวชนที่เป็นอนาคตของเมืองฮิโรซากินั่นเองครับ
แถวสถานีรถไฟมีร้านเช่าจักรยานอยู่ค่อนข้างเยอะครับ สามารถเดินหาแถวนั้นได้เลย แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ ถ้ามาที่เมืองนี้ช่วงที่มีงานเทศกาลซากุระที่ปราสาทฮิโรซากิ เราไม่สามารถปั่นจักรยานไปที่ปราสาทได้นะครับ เพราะคนจะเยอะมาก แล้วเค้าจะไม่ให้ปั่น ต้องจูงเอา ด้วยเหตุนี้ผมเลยไม่เช่าจักรยาน แต่ใช้วิธีการเดินเอา
จากสถานี เดินมาประมาณ 20 นาที จะเจอกับตึกเก่าสวยๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยฮิโรซากิ ( Hirosaki Museum of contemporary art) ซึ่งด้านในจัดแสดงเป็นแกลอรี่งานศิลปะคนศิลปินท้องถิ่นในแถบนี้ ผมไม่ได้เข้าที่นี่นะครับ เพราะไม่ได้อินกับกับพวกงานศิลปะ แต่มาถ่ายรูปเล่นด้านหน้า ซึ่งมีต้นซากุระบานบ้างแล้ว
จากพิพิธภัณฑ์เดินมาไม่ไกลก็เจอวัดที่มีเจดีย์ 5 ชั้นครับ วัดนี้มีชื่อว่า วัดไซโชอิน ( Saishoin Temple)
วัดไซโชอินก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1532 และย้ายมาตั้งอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 1611 หลังจากการสร้างปราสาทฮิโรซากิแล้วเสร็จ โดยทำหน้าที่เป็นวัดประจำตระกูลสึการุที่ปกครองเมืองฮิโรซากิอยู่ในยุคเอโดะ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวัดนี้ก็คือ เจดีย์ห้าชั้นที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1667 โดยสึกะรุ โนบุโยชิ (Tsugaru Nobuyoshi) เพื่ออุทิศให้กับวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในสงครามเพื่อรวมภูมิภาคสึกะรุ เจดีย์นี้มีความสูง 31.2 เมตร และถือเป็นเจดีย์ห้าชั้นที่อยู่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น ปัจจุบันเจดีย์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจดีย์ที่สวยงามที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ปกติวัดนี้ไม่มีค่าเข้าครับ ยกเว้นช่วงงานเทศกาลซากุระ จะมีค่าเข้า 800 เยน ซึ่งถ้ามาถูกช่วง ซากุระที่นี่ก็ถือว่าสวยมากครับ
จากวัด เราเดินต่อมาที่ ศาลเจ้าฮิโรซากิเท็นมังงุ ( Hirosaki Tenmangu shrine) ครับ จริงๆตรงนี้ก็ไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมซะเท่าไหร่ แต่ผมเดินแบบงงๆมาเรื่อยๆเพื่อไปปราสาท ก็เลยมาเจอที่นี่ครับ
ที่นี่เป็นศาลเจ้าสำหรับบูชาเทพเจ้าแห่ง ภูเขาอิวากิ ( Mount Iwaki) ซึ่งเป็นภูเขาหิมะที่มีรูปร่างคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จึงได้รับสมญานามว่าเป็น ภูเขาฟูจิแห่งสึการุ และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากศาลเจ้าแห่งนี้ครับ
ที่ศาลเจ้านี้จริงๆมันอยู่ใกล้ปราสาทมากแล้วล่ะครับ แต่ก่อนที่จะเข้าไปชมปราสาทยาวๆ เราขอแวะทานข้าวก่อน โดยร้านที่ผมจะมาแนะนำชื่อว่า Tazawa Shokudo ซึ่งเดินจากศาลเจ้าไปไม่ถึง 5 นาที ร้านนี้จะเด่นพวกข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แต่ก็มีอาหารหลายอย่างครับ ที่สำคัญราคาถูกและอร่อย ผมเลยเอามาแนะนำบอกต่อ
ทานข้าวเสร็จ เราก็เดินต่อมาที่ สวนฟุจิตะ (Fu jita Memorial Garden) ครับ
สำหรับสวนนี้จะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 320 เยน แต่ถ้าเราจะไปเที่ยวปราสาทฮิโรซากิ รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์ด้วย จะมีตั๋ว combo ticket ขายอยู่ที่ 520 เยนครับ
สวนนี้ก่อตั้งในปี 1919 เพื่อใช้เป็นวิลล่าตากอากาศของ เคนอิจิ ฟุจิตะ (Kenichi Fujita) ซึ่งเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
หลังจากเที่ยวสวนเราก็มาต่อกันที่ปราสาทครับ เริ่มที่คูน้ำด้านหน้าปราสาท จะมีต้นซากุระเรียงรายเป็นแนวยาวมากกว่า 2,600 ต้น ปกติแล้วซากุระที่นี่จะบานช่วงกลางเดือนเมษายน ประมาณวันที่ 20 เป็นต้นไปครับ แต่ถ้าใครจะมาในปีต่อๆไป แนะนำให้เช็คอีกที เพราะในแต่ละปี อากาศจะไม่เหมือนกัน อย่างปีที่ผมไป อากาศหนาวนาน ซากุระที่นี่จะบานช่วงเกือบๆปลายเดือนเมษายนแล้ว
เดินเข้ามาด้านใน บริเวณรอบๆตัวปราสาทจะเข้าชมได้ฟรีครับ มาถ่ายรูปกับซากุระเฉยๆก็ได้ แต่ถ้าจะเข้าไปใน หอคอยปราสาท ( Tenshu) กับ สวนพฤกษศาสตร์ (Botanic Garden) จะมีค่าเข้าชมซึ่งเราได้ซื้อเป็นตั๋ว combo ticket ร่วมกับ Fujita Garden ไว้แล้ว
จุดหนึ่งที่คนแห่กันไปถ่ายรูปกันก็คือ หัวใจซากุระ ที่เกิดจากกิ่งของต้นซากุระที่ทับซ้อนกันจนมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจเมื่อมองจากมุมที่เหมาะสม (ทางปราสาทจะ mark จุดไว้เลยครับว่า ต้องมองจากตรงไหนถึงจะเห็นเป็นรูปหัวใจ)
มาทำความรู้จักกับปราสาทแห่งนี้กันครับ ปราสาทฮิโรซากิ ( Hirosaki Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 โดย สึการุ โนบุฮิระ ( Tsugaru Nobuhira) ซึ่งเป็นลูกชายของ สึการุ ทาเมโนบุ ( Tsugaru Tamenabu) ผู้ก่อนตั้งแคว้นสึการุในช่วงยุคเอโดะ ด้วยเหตุนี จึงมีอนุสาวรีย์ของท่านตั้งอยู่หน้าศาลาว่าการเมืองฮิโรซากิ
ช่วงทึ่ผมไปเป็นช่วงที่ซากุระกำลังบาน ทางปราสาทฮิโรซากิจะจัด งานเทศกาลซากุระ ( Hirosaki Cherry Blossom Festival) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลชมซากุระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น โดยปกติจะจัดในช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมครับ (ปี 2025 จัดระหว่างวันที่ 18 เมษายนถึง 5 พฤษภาคม) อย่างไรก็ตามซากุระในแต่ละปีจะบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน สามารถเช็คสถิติย้อนหลังได้ที่นี่ครับ https://www.hirosaki-kanko.or.jp/en/edit.html?id=edit13 ) ในช่วงงานเทศกาลซากุระ จะมีขายทั้งอาหาร และการแสดง ผู้คนชาวญี่ปุ่นจะแห่กันมาที่ปราสาทแห่งนี้เพื่อนั่งปิคนิคชมดอกซากุระกัน ภายในปราสาทจะมี ศาลเจ้ากิตะโนมารุ อินาริ ( Kitanomaru Inari Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่เป็นที่ประดิษฐานของ เทพอินาริ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ การเกษตร การค้า และความเจริญรุ่งเรือง
ปัจจุบันปราสาทเหลือแต่หอคอยปราสาทที่เรียกว่า เท็นชู (Tenshu) ครับ เนื่องจากยุคปฏิรูปเมจิ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยุคหลังระบอบโชกุน ต้องการลดอิทธิพลของผู้ครองแคว้นต่างๆ ปราสาทหลายแห่งทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นจึงทยอยถูกรื้อทิ้ง (เพื่อป้องกันการก่อกบฏ)
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในปี 2015 ฐานหินที่รองรับปราสาทฮิโรซากิเริ่มทรุดตัว ดังนั้นเพื่อซ่อมแซม จึงมีการเคลื่อนย้ายตัวปราสาทออกจากฐานหินเดิม ซึ่งเป็นงานวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่มากในประวัติศาสตร์การอนุรักษ์ของญี่ปุ่น โดยการซ่อมแซมนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2026 ดังนั้น ปีที่ผมมาดูปราสาทซึ่งก็คือปี 2025 จะเป็นปีสุดท้ายที่ปราสาทจะตั้งอยู่บนฐานหินชั่วคราวครับ
ภูเขาอิวากิจากบริเวณหอคอยปราสาทครับ เรามาตอนที่พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว
โดยส่วนตัว ผมเที่ยวญี่ปุ่นมาก็หลายทริป ดูซากุระมาก็หลายเมือง ส่วนตัวผมให้ฮิโรซากิเป็นเมืองที่ซากุระเยอะและสวยที่สุดแล้ว
ปีหน้า ใครไปงานเทศกาลซากุระที่นี่ แนะนำให้อยู่ที่ปราสาทนี้จนถึงตอนกลางคืนนะครับ เราจะได้เห็นบรรยากาศตอนที่ประดับไฟ
ผมอยู่ที่นี่ถึงสามทุ่มกว่าครับ เดินถ่ายรูป ดูอะไรไปเรื่อย พอเดินออกมานอกปราสาทก็เจอกับตึกนี้ เรียกว่า พิพิธภัณฑ์อาคารธนาคารอาโอโมริ (Former Fifty-Ninth Bank Aomori Bank Museum) ซึ่งออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ตะวันตก และในอดีตเคยเป็นสำนักงานธนาคารมาก่อน แต่ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีค่าเข้าชม 200 เยน (ผมไม่ได้เข้านะครับ เพราะตอนกลางคืนปิดแล้ว)
ปัญหาอยู่ที่ขากลับนี่แหละ เราเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงแรมแถวสถานีรถไฟ โดนไป 1,200 กว่าเยน ซึ่งถือว่าราคาแรงใช้ได้เลยกับระยะทางแค่ 2 กิโลกว่า อาจจะเพราะรถติดด้วยแหละครับ ใครจะไปงานเทศกาลซากุระปีถัดไป ถ้าจะเรียกแท็กซี่ แนะนำให้เดินออกมาตรงถนนที่ไม่ใช่หน้าปราสาทนะครับ ไม่งั้นเจอรถติด มิเตอร์ยิ่งแพง วันที่สอง วันนี้เรามีแผนย้ายเมืองครับ เมืองต่อไปที่จะมารีวิวนั่นก็คือ เมืองอาโอโมริ ( Aomori City) ซึ่งเป็นเมืองท่าริมอ่าว และเป็นประตูสู่เกาะฮอกไกโด ผมจะมารีวิวเมืองนี้ต่อในตอนหน้าครับ
Create Date : 28 พฤษภาคม 2568
Last Update : 15 มิถุนายน 2568 19:04:32 น.
Counter : 250 Pageviews.