Welcome to my blog
2 วัน 1 คืน นางาซากิ เส้นทางประวัติศาสตร์จากเมืองท่านานาชาติสู่มหันตภัยปรมาณู (ตอนที่ 1)


 
สถานที่ท่องเที่ยว : สวนสันติภาพนางาซากิ (Nagasaki Peace Park), Japan
พิกัด GPS : 32° 46' 34.97" N 129° 51' 48.92" E

ถ้ายังจำกันได้ เหตุการณ์หนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็คือ การที่ประเทศญี่ปุ่นโดน ระเบิดปรมาณู จากกองทัพสหรัฐถล่มในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงคราม ซึ่งเมืองที่โชคร้ายในเหตุการณ์ครั้งนั้น มีอยู่ด้วยกันสองเมืองด้วยกัน นั่นก็คือ ฮิโรชิม่า (Hiroshima) และ นางาซากิ (Nagasaki) โดยในบล็อกนี้ ผมจะขอรีวิวเมืองนางาซากินะครับ ส่วนฮิโรชิมะนั้น ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนรีวิวอีกทีหนึ่ง


รู้จักกับเมืองนางาซากิ (Nagasaki)

นางาซากิ (์Nagasaki city) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ จังหวัดนางาซากิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นครับ


เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 16 และได้พัฒนาจากหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก จนกลายมาเป็นเมืองท่านานาชาติของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 16 ถึง 19 ทำให้มีโบสถ์และศาสนสถานของศาสนาคริสต์อยู่มากมายทั่วทั้งเมือง ปัจจุบัน ศาสนสถานเหล่านี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้
 

นอกจากชาวตะวันตกแล้ว ด้วยความที่เป็นเมืองท่านานาชาติ อีกชาติหนึ่งที่เข้ามาค้าขายกับญี่ปุ่นในอดีตอีกชาติหนึ่ง นั่นก็คือ จีนครับ นางาซากิจึงเต็มไปด้วยวัดวาอารามแบบจีนอยู่ทั่วทั้งเมือง และยังมีไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ไม่ได้จดจำเมืองนางาซากิในฐานะการเป็นเมืองท่านานาชาติ แต่กลับรู้จักที่นี่ในฐานะเมืองที่โดนระเบิดปรมาณูจากกองทัพสหรัฐฯถล่มในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 ทำให้นางาซากิเป็นเมืองที่สองถูกทิ้งระเบิดปรมาณู (ต่อจากเมืองฮิโรชิม่า) ซึ่งร่องรอยความเสียหาย รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องก็ยังคงปรากฏอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับวิธีการเดินทางมายังเมืองนางาซากิ นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่มักจะบินมาลงที่ฟุกุโอกะ เนื่องจากไฟลท์บินตรงจากประเทศไทย จากนั้นก็นั่งรถไฟจาก สถานีฮากาตะ (Hakata) ในเมืองฟุกุโอกะมาที่เมืองนี้

รถไฟจากเมืองฟุกุโอกะมีค่อนข้างถี่ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แต่จะต้องเปลี่ยนขบวนที่สถานี Takeo Onsen เพื่อนั่งรถไฟชินกันเซ็นขบวน Kamome ต่อไปเพื่อมายังเมืองนางาซากิครับ (ถ้าใครต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวหลายเมืองบนเกาะคิวชู รวมทั้งเมืองนางาซากิด้วยรถไฟ แนะนำให้ลองศึกษาเรื่อง North Kyushu pass เพราะถ้าวางแผนการใช้งานดีๆ จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย)

นอกจากรถไฟแล้ว ถ้าใครเดินทางมาจากเมืองอื่นของญี่ปุ่นที่อยู่นอกภูมิภาคคิวชู และอยากประหยัดเวลาการเดินทาง ก็สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ โดยที่เมืองนี้มี ท่าอากาศยานนานาชาตินางาซากิ (Nagaski international airport) ซึ่งมีไฟลท์บินตรงจากเมืองหลักของญี่ปุ่นหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว (ทั้งนาริตะและฮาเนดะ), นาโกย่า และ โอซาก้า

เมืองนางาซากิเป็นเมืองขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มากจึงไม่มีรถไฟใต้ดินเหมือนที่ฟุกุโอกะ แต่ที่นี่มี รถราง (Tram)

ปัจจุบันรถรางที่เมืองนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 สาย ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วทั้งเมือง โดยค่ารถรางจะอยู่ที่ 130 เยนตลอดสาย ไม่ว่าจะขึ้นใกล้หรือไกลก็ตาม แต่ถ้าใครวางแผนจะเที่ยวที่เมืองนี้หลายๆที่ในวันเดียว และต้องขึ้นลงรถรางหลายๆรอบ ผมแนะนำให้ซื้อเป็น Nagasaki tram 1 day pass จะคุ้มกว่าครับ (ราคาพาส 600 เยน ต้องขึ้น 5 รอบขึ้นไป ถึงจะคุ้ม)


แผนที่รถรางในเมืองนางาซากิฉบับขยายดูได้ที่นี่ครับ
https://www.discover-nagasaki.com/en/featured-topics/nagazasshi7

แผนเที่ยว

วันที่หนึ่ง

  • เดินทางไปยังเมืองนางาซากิ (Nagasaki)
  • เที่ยวชมเมืองนางาซากิ ได้แก่  สวนสันติภาพนางาซากิ (Nagasaki Peace Park), พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki Atomic bomb museum), มหาวิหารอุราคามิ (Urakami Cathedral) และจุดที่ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงบนเมืองนางาซากิ (Nagasaki hypecenter park)
  • เย็น: ชมพระอาทิตย์ตกดินจากบนภูเขาอินาสะ (Mt.Inasa)
วันที่สอง
  • เดินชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของเมืองนางาซากิ ได้แก่ ศาลเจ้าซูวะ (Suwa shrine),  วัดโซฟุคุจิ (Sofukuji temple), วัดโคฟุคุจิ (Kofukuji temple), สะพานแว่นตา (Meganebaeshi bridge), โบสถ์โออุระ (Oura church) สวนริมทะเลนางาซากิ (Nagasaki seaside park) และย่านไชน่าทาวน์ของเมืองนางาซากิ
  • เย็น เดินทางออกจากเมืองนางาซากิต่อไปยังเมืองอื่น


ที่พักในเมืองนางาซากิ

ทริปนี้ผมเลือกพักที่ Hotel  Cuore Nagasaki Ekimae ครับ ข้อดีของที่นี่คือ ใกล้กับสถานีรถมาก แล้วก็ยังใกล้กับป้ายรถรางสำหรับเดินทางรอบเมืองนางาซากิ นอกจากนี้ห้องยังถือว่าใหญ่ เมื่อเทียบกับโรงแรมญี่ปุ่นหลายที่ แต่ที่นี่ก็มีข้อเสียคือ พนักงานน้อย และบางช่วงเวลาจะไม่มีพนักงานให้บริการครับ แต่เราสามารถเช็คอินด้วยตัวเองผ่านตู้อัตโนมัตินะ ไม่ยาก ผมจองที่พักนี้ผ่านอโกด้า เป็นห้องแบบ Twin bed สำหรับ 2 คน คิดเป็นเงินไทย อยู่ที่ 2732 บาท (หารต่อคนอยู่ที่คนละ 1366 บาทครับ)


วันที่หนึ่ง

เวลาที่พูดถึงนางาซากิ หลายคนคงจะนึกถึงเรื่องราวของระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งสถานที่ๆจะทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลเรื่องราวของเหตุการณ์นี้ได้ดีที่สุดก็คือที่นี่ครับ

การเดินทางมายัง พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki atomic bomb museum) สามารถเดินทางได้ด้วยรถรางมาลงที่ป้าย Atomic bomb museum โดยจะมีค่าเข้าชม 200 เยน หรือประมาณ 50 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะว่า ที่นี่เค้าไม่ได้จะมาหากำไร แต่ต้องการให้คนเข้ามาชมกันเยอะๆจะได้เข้าใจถึงเรื่องราว และมหันตภัยจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เพื่อเตือนใจว่า เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ระเบิดปรมาณูจำลองขนาดเท่าของจริงครับ ระเบิดลูกนี้มีชื่อว่า Fatman เป็นระเบิดที่มีเชื้อเพลิงเป็น สารพลูโตเนียม-239 (Plutonium-239) ส่งผลทำให้ 1 ใน 3 ของเมืองนางาซากิพังพินาศ และมีผู้เสียชีวิตทันทีมากกว่า 7 หมื่นคน และยังมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตรังสีที่เสียชีวิตภายหลังอีกจำนวนมาก

นาฬิกาที่หยุดเดินในตอนที่ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงมาที่เมืองนางาซากิครับ เวลาจริงที่ระเบิดถูกทิ้งลงมาคือ ตอน 11.02 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 1945

เนื่องจากนางาซากิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา (ต่างจากเมืองฮิโรชิม่าที่โดนระเบิดปรมาณูไปก่อนหน้านั้น) ทำให้เมื่อระเบิดถูกทิ้งลงมา มันเลยเกิดเป็นเปลวเพลิงมรณะ เผาผลาญอยู่ในบริเวณหุบเขาตรงนั้น ทำให้ความเสียหายไม่ได้ขยายเป็นวงกว้าง แต่จุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าที่เมืองฮิโรชิม่ามาก

ห้องโถงขนาดใหญ่ จำลองภาพของ อาสนวิหารอูรากามิ (Urakami cathedral) หลังเก่าที่ได้รับความเสียหายจากระเบิดปรมาณู เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดถูกทิ้งไปแค่ 500 เมตร

ระเบิดที่ถูกทิ้งลงมา ได้สร้างความร้อนอย่างมหาศาล เผาผลาญทุกสิ่งในเมืองนางาซากิ แม้แต่โลหะ หรือขวดแก้วก็ยังหลอมละลาย



เสื้อผ้าของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู บางคนก็เสียชีวิตทันทีจากความร้อน หรือบางคน แม้จะไม่เสียชีวิตทันที แต่ก็ต้องทรมานจากโรคมะเร็ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

กล่องใส่อาหารกลางวันของนักเรียนหญิงที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใกล้ๆกับบริเวณที่ถูกระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงมา ผลคือนักเรียนเหล่านั้นทั้งหมดเสียชีวิตครับ

ปัจจุบัน ระเบิดปรมาณูมีอยู่ทั่วโลกนับหมื่นลูก มากที่สุดจะอยู่ในประเทศรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ก็หวังว่า คงจะไม่มีใครบ้าพอที่จะกดปุ่มใช้ระเบิดพวกนี้ จนก่อให้เกิดหายนะซ้ำรอยกับที่เกิดกับเมืองนางาซากิอีกนะครับ

เดินจากพิพิธภัณฑ์มาไม่ไกล เราจะเจอกับจุดที่ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงมาจริงๆ ที่เรียกว่า Nagasaki hypocenter park โดยเค้าจะทำเป็นแท่นอนุสรณ์สถานให้เรารำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นไว้ด้วย

เดินต่อมานิดเดียวก็จะเจอกับ สวนสันติภาพนางาซากิ (Nagasaki Peace Park) ครับ 

พอเดินเข้ามาในสวน เราจะเจอกับ น้ำพุสันติภาพ (Fountain of Peace) โดยน้ำพุนี้ต้องการสื่อถึงตอนที่นางาซากิโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณู ผู้คนจำนวนมาก นอกจากตาย เพราะโดนระเบิดแล้ว ยังตายเพราะขาดน้ำอีกด้วย น้ำพุนี้จึงเปรียบเสมือนบ่อน้ำแห่งชีวิตนั่นเอง

ภายในสวนจะมีประติมากรรมรูปปั้นต่างๆ จากศิลปินจากหลายๆประเทศ เช่น เช็กโกสโลวาเกีย เยอรมนี ฝรั่งเศส ที่ทำให้เราได้รับทั้งความสงบสุข ผสมกับความหดหู่กับเหตุการณ์ในครั้งนั้น

รูปปั้นประติมากรรมที่ยิ่งใหญ่ และเป็นสัญลักษณ์ของสวนนี้ก็คือ รูปปั้นอันนี้ครับ โดยทางศิลปินได้ทำการออกแบบให้รูปปั้นนี้เป็นคนรูปร่างบึกบึนแข็งแรง ที่พร้อมจะปกป้องสันติภาพเอาไว้ มือขวาของรูปปั้นชี้ขึ้นท้องฟ้า บ่งบอกถึงระเบิดปรมาณูที่ถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบิน ส่วนมืออีกข้าง สื่อถึงสันติภาพ ในขณะที่ตาของรูปปั้นจะหลับอยู่เพื่อเป็นการอธิษฐานไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะที่ไหนบนโลกนี้ก็ตาม

เดินต่อจากสวนสันติภาพไปไม่ไกล จะเจอกับ อาสนวิหารอูรากามิ (Urakami Cathedral) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อาสนวิหารพระแม่ปฏิสนธินิรมล (Immaculate conception cathedral) หรือ อาสนวิหารนักบุญมารี (St. Mary’s Cathedral) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1895 หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเลิกแบนการนับถือศาสนาคริสต์ ในตอนแรกสุด อาสนวิหารนี้ถูกสร้างด้วยอิฐ ด้วยศิลปะแบบนีโอโรมาเนสก์

ต่อมาในวันที่ระเบิดปรมาณูถล่มที่เมืองนางาซากิ เนื่องจากอาสนวิหารนี้อยู่ห่างจากจุดที่ทิ้งระเบิดแค่ 500 เมตร ทำให้ผู้คนที่กำลังประกอบพิธีมิสซาในโบสถ์ในวันนั้น เสียชีวิตทั้งหมดในทันที ส่วนตัวอาสนวิหารก็ได้รับความเสียหายทั้งหมด อาสนวิหารที่เราเห็นในวันนี้ เป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นมาในปี 1958 ครับ





หลังจากที่เราเที่ยวชม สถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองนางาซากิไปแล้ว เพื่อไม่ให้จิตใจหดหู่เกินไป ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศมาดูสิ่งสวยๆงามๆของเมืองนี้กันบ้างครับ ที่เมืองนางาซากิ จะมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่งที่ชื่อว่า ภูเขาอินาสะ (Mount Inasa) ซึ่งเป็นภูเขาที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในสามจุดชมวิวมุมสูงงที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น (อีกสองที่คือ ภูเขาฮาโกดาเตะที่ฮอกไกโด กับภูเขาร็อคโกที่เมืองโกเบ)

การเดินทางมาที่นี่ให้นั่งรถรางมาลงที่สถานี Takaramachi แล้วเดินต่อมากิโลกว่าๆ มาที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ (ใน google map จะเขียนว่า Fuchi shrine station) อาจจะเดินไกลหน่อย แต่ที่ญี่ปุ่นเดินได้ค่อนข้างสบาย เพราะทางเดินเค้าดี และอากาศไม่ร้อน เดินแค่ 10 กว่านาทีก็ถึงแล้วครับ

พอมาถึงเราต้องซื้อตั๋วเคเบิ้ลคาร์ ไปกลับอยู่ที่ 1,250 เยน

มาถึงข้างบนแล้วครับ สวยมากกกกกกก ยิ่งมาตอนพระอาทิตย์ตกดิน พอตะวันลับขอบฟ้า แล้วทั้งเมืองจะค่อยๆเปิดไฟ ถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดที่เคยดูมาในชีวิตเลยครับ (ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะมากกกกก)





ใครจะมาที่นี่ แนะนำให้เตรียมเสื้อกันลมมาด้วยนะครับ ตอนผมไป ลมแรงและหนาวมาก ยิ่งผมมาในช่วงเดือนมกราคม อุณหภูมิน่าจะติดลบแหละ ขนาดใส่เสื้อ 3-4 ชั้น ยังเอาไม่อยู่เลย ดูได้แปบเดียว ต้องลง เพราะหนาวมาก

ทั้งหมดนี้ก็เป็นที่เที่ยวในเมืองนางาซากิวันแรกของผมครับ เชื่อว่าหลายคนที่อ่านรีวิวเมืองนางาซากิในตอนนี้ คงจะรู้สึกเหมือนกันว่า เมืองนี้มีแต่เรื่องราวที่น่าหดหู่เศร้าใจ แม้ว่าเรื่องราวที่เลวร้ายในวันนั้นจะผ่านมามากกว่า 70 ปีแล้ว แต่ร่องรอยของบาดแผลจากสงครามในวันนั้นก็ยังคงอยู่ และคอยย้ำเตือนให้พวกเราเห็นถึงความเลวร้ายจากสงคราม ที่สุดท้ายแล้ว คนที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ นั่นเองครับ

จริงๆแล้วเมืองนางาซากิแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่ที่เที่ยวที่เกี่ยวกับระเบิดปรมาณูเท่านั้นนะ อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า เมืองนี้เป็นเมืองท่านานาชาติตั้งแต่ยุคอดีต ทำให้ที่นี่ยังมีที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอื่นๆอีกมากมาย สำหรับที่เที่ยวอื่นๆของเมืองนางาซากิ ผมจะขอนำมารีวิวต่อในตอนหน้า ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ


บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 11 มิถุนายน 2566
Last Update : 3 พฤษภาคม 2567 22:16:16 น. 0 comments
Counter : 1080 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse, คุณโอน่าจอมซ่าส์


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.