ย่านวัฒนธรรมย่านสุดท้ายที่ผมจะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ ย่าน China Town ครับ โดยวิธีการเดินทางจากย่าน Bugis คือให้นั่งรถไฟ MRT สายสีน้ำเงินยาวๆมาลงที่สถานี China town เลย
แม้ว่าจะชื่อย่านว่า China town แต่ที่นี่ก็มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมทั้งจีน มลายู อินเดีย ซึ่งจะมีศาสนสถานของผู้คนจากเชื้อชาติเหล่านี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
พอเราเที่ยวชมวัดพระเขี้ยวแก้วเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดีครับ ในเมื่อเราอยู่ในย่าน China town ผมเลยจะมาแนะนำศูนย์อาหาร Maxwell Hawker Center ที่อยู่ตรงข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้วเล
Hawker Center เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอยของประเทศสิงคโปร์ครับ เพราะในอดีตที่นี่ก็มีปัญหานี้แบบเดียวกับบ้านเรา แต่ทางการสิงคโปร์ได้ทำการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยพวกนี้ โดยการสร้างศูนย์อาหารที่เรียกว่า Hawker Center ขึ้นมา โดยนำเอาหาบเร่แผงลอยไปรวมกันอยู่ในศูนย์อาหารที่มีกระจายกันอยู่ทั่วเกาะสิงคโปร์
ปัจจุบัน Hawker center เหล่านี้เลยกลายมาเป็นพื้นที่สำหรับหาอาหารราคาประหยัดสำหรับทั้งคนสิงคโปร์ท้องถิ่น ไปจนถีงนักท่องเที่ยวแบบเราๆด้วย ที่สำคัญ ปัจจุบันวัฒนธรรมการรับประทานอาหารสตรีทฟู้ดจาก Hawker center ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยองค์การยูเนสโก้ด้วยครับ
หลังจากที่เราเติมพลังจนอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยวต่อในช่วงบ่ายครับ เรานั่งรถไฟ MRT มาลงที่ สถานี Garden by the bay โดยที่ต่อไปที่เราไปนั่นก็คือ Marina Barrage ครับ
หลังจากเที่ยวเล่น Marina Barrage จนหนำใจแล้ว เราก็เดินต่อไปที่ Garden by the bay ครับ
Garden by the bay เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่อยู่บริเวณย่าน Marina bay โดยไฮไลท์สำคัญของสวนนี้คือ กลุ่มต้นไม้ยักษ์ Supertree Grove จำนวน 18 ต้น แต่ละต้นมีความสูงถึง 25-50 เมตร หรือประมาณตึก 16 ชั้น ที่ด้านบนของต้นไม้ยักษ์มีการติด Solar cell เพื่อใช้เก็บเป็นพลังงานส่องสว่างในเวลากลางคืน
บริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวที่ Garden by the bay ก็คือ โดมกระจกขนาดยักษ์ติดแอร์ 2 โดม ได้แก่ โดมดอกไม้ (Flower Dome) และ โดมป่าเมฆ (Cloud Forest) ซึ่งมีค่าเข้าชมทั้งสองโดมคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ระหว่าง 800 ถึง 1,400 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและงานที่จัดแสดงภายในโดม (สามารถเช็คราคาได้ที่นี่ https://www.gardensbythebay.com.sg/)
ปัจจุบันทั้ง Mongolia Glassland และ Avatar: The Experience เลิกจัดแสดงไปแล้วครับ แต่ในอนาคตคงจะมีการัดแสดงในธีมอื่นๆอีก แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ของ Garden by the bay ที่ผมลงไว้ด้านบนนะครับ
พอเที่ยวทั้งสองโดมเสร็จก็ค่ำพอดี เดินออกมาก็เจอกับ Super tree ที่เปิดไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่รับมาในช่วงกลางวันแบบนี้ครับ
พอได้เวลา เราก็เดินมารอที่หน้าเกทครับ สิ่งที่ดีงามของสนามบินที่ประเทศสิงคโปร์คือ แม้แต่หน้าเกท เรายังมีกิจกรรมทำระหว่างรอไฟลท์บินกลับ อย่างที่ Terminal 4 ใกล้ๆกับเกทของ Air Asia จะมีโชว์สั้นๆ ผ่านจอ LED สามมิติที่ชื่อว่า Peranakan Love story ให้เราดูเพลินๆด้วย
Tip: ถ้าใครต้องการเที่ยวสวนสนุก Universal Studio Singapore และที่อื่นๆในทริปเดียว เช่น Garden by the bay, River Wonder, Singapore zoo, S.E.A. aquarium และที่อื่นๆอีกมากมาย ผมแนะนำให้ซื้อเป็น Klook Pass นะครับ ราคาจะถูกกว่าซื้อตั๋วแยกทีละสถานที่
เมื่อเข้าไปข้างในสวนสนุกแล้ว แนะนำให้เลือกเล่นเครื่องเล่นยอดฮิตก่อน โดยเฉพาะ Transformers The Ride: The Ultimate 3D Battle, Revenge of Mummy และ Battlestar Galactica: Human VS CYLON (ถ้าไปช่วงแรก เครื่องเล่นพวกนี้แทบไม่ต้องรอคิวเลย แต่ถ้าสายกว่านั้น อาจะต้องรอคิวยาวเป็นชั่วโมง)
เกริ่นมาเยอะแล้ว มาเริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า นั่นก็คือ Hollywood ซึ่งที่นี่ได้จำลองถนน Hollywood walk of Fame ที่ลอสแองเจลิส โดยบรรยากาศจะเป็นธีมหนังและการ์ตูนจากค่าย Universal Studios
ถัดจากโซน Hollywood ก็คือ โซน New York ที่มีการจำลองบรรยากาศเมืองนิวยอร์กมาให้เราถ่ายรูปกัน
โซน Sci-Fi City จะมีเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลท์หลักอย่าง Transformers The Ride: The Ultimate 3D Battle จะบอกว่า มันสนุกมากจริงๆ ผมเล่นอันนี้ไป 5 รอบแล้ว (ทริปแรกเล่น 2 รอบ + ทริปนี้เล่นอีก 3 รอบ)
โซน Ancient Egypt ที่จำลองเอาบรรยากาศอียิปต์โบราณมาให้เราถ่ายรูปเล่น ที่นี่มีเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลท์อย่าง Revenge of Mummy ซึ่งเป็นรถไฟเหาะในบรรยากาศแบบมืดๆ จำลองว่า เราเข้าสู่หลุมฝังศพอียิปต์โบราณเพื่อหาหนังสือทองคำ สำหรับแก้คำสาป โดยรถไฟจะวิ่งๆหยุดๆ แล้วบางช่วงก็มีอะไรให้เราตื่นเต้น อันนี้คือที่สุดของสวนสนุกแห่งนี้แล้ว
โดยส่วนตัวผมเป็นแฟนหนัง Jurassic Park ครับ เพราะฉะนั้นเมื่อมาที่โซน The Lost World เลยชอบเป็นพิเศษ ที่นี่จะมีเครื่องเล่นอย่าง Canopy Flyer เป็นรถไฟเหาะห้อยขา ให้ได้หวาดเสียวเบาๆ ไม่นานมาก (เล่นแค่แปบเดียวก็เสร็จแล้ว)
มีเจ้าบลูตัวเป็นๆ แบบเคลื่อนไหวได้ มาให้เราดูด้วย
อันที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้จริงๆคือ Jurassic Park Rapid Adventure โดยเราจะต้องนั่งเรือไปตามแม่น้ำ แล้วเจอกับไดโนเสาร์หลากสายพันธุ์ (อันนี้เปียกนะ ใครไม่อยากเปียกแต่อยากเล่น แนะนำให้เอาเสื้อกันฝนมาด้วย)
โซนสุดท้ายคือ Far Far Away ซึงจะมีโชว์ Shrek 3D ที่จะฉายหนังสามมิติเรื่อง Shrek ให้เราดู
จบแล้วครับสำหรับสวนสนุก Universal Studios จริงๆ ตอนแรกเราวางแผนเที่ยวที่นี่เต็มวัน แต่เนื่องจากเราวางแผนดี เลยมีเวลาเหลือ ก็เลยมาเที่ยวต่อที่ S.E.A. Aquarium ซึ่งมีชื่อเต็มคือ South East Asia Aquarium เป็นที่รวมรวมสัตว์ทะเลหลากสายพันธุ์จากทุกมหาสมุทร ทั้งจากทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล อ่าวเปอร์เซีย และทะเลจีนใต้ครั้งหนึ่งที่นี่เคยได้ชื่อว่าเป็น Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มาเริ่มกันที่ โซน Oranutan Island and Broadwalk จัดแสดงลิงอุรังอุตังให้เหมือนอยู่ในธรรมชาติท่ามกลางผืนป่าจำลองบกเกาะ ซึ่งถือเป็นสวนสัตว์แรกของโลกที่จัดแสดงลิงอุรังอุตังในลักษณะนี้