|
หลังจากที่ลงจากเครื่องบินนกแอร์ในเวลา 07.15 น. ในใจหมายมั่นว่าลงจากเครื่องแล้วจะไปไหว้พระที่วัดเจ็ดยอดเลยค่ะ แต่อย่าถามว่าอยู่ตรงไหน ไม่รู้ดอกค่ะ แต่ค้นคว้าข้อมูลมาแล้วว่าวัดโพธารามมหาวิหารหรือวัดเจ็ดยอด ตั้งอยู่ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายเชียงใหม่-ลำปาง ถ้ามาจาก ถ.ห้วยแก้วด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้วิ่งตรงเข้าเมือง เมื่อถึงสี่แยกรินคำให้เลี้ยวซ้าย เข้าถนนซุปเปอร์ไฮเวย์(เชียงใหม่-ลำปาง) โดยวิ่งบนทางคู่ขนานประมาณ 1 กม. วัดเจ็ดยอดจะอยู่ซ้ายมือค่ะ ว่าแล้วสะพายเป้ขึ้นไหล่ หิ้วถุงพาสติกที่ใส่กระแป๋งยักษ์และฮาโลวีนแล้วโบกรถสองแถวสีแดงไปวัดในบัดดล
ในบรรดาประตูทางเข้าวัดเจ็ดยอด 4 ประตู อุ้มจะชอบประตูทางเข้าวัดมุมนี้ที่สุดค่ะ ซุ้มประตูโขงทางเข้าวัดเป็นขนบธรรมเนียมการสร้างอารามในอาณาจักรล้านนาแต่โบราณย่อมสร้างซุ้มประตูโขง โดยเป็นช่องทางขนาดใหญ่สำหรับเข้าออกไว้ที่ด้านหน้าของวัด ซุ้มประตูโขงของวัดเจ็ดยอดก่อด้วยอิฐถือปูน ช่องประตูตอนบนสร้างเป็นรูปครึ่งวงกลม ตัวซุ้มขนาบช่องประตูทำอย่างเสาย่อมุมทั้งสองข้าง หลังช่องประตูโขงขึ้นไปเป็นเครื่องยอดตามแบบขนบนิยมในศิลปสมัยล้านนา แหล่มมากๆ ค่ะ
วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทร 053-227033, 081-7838567 วัดโพธารามมหาวิหารเป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรีชนิดสามัญ (เดิมชื่อวัดเจดีย์เจ็ดยอด หรือวัดเจ็ดยอด) วัดเจ็ดยอด หรือวัดเจดีย์เจ็ดยอด ที่คนทั่วไปมักเรียกชื่อตามลักษณะเครื่องยอดส่วนบนของเจดีย์ โดยหลังคาพระวิหารโบราณที่ปรากฏมาแต่เดิมในวัดนี้ ซึ่งก่อสร้างเป็นพระสถูปเจดีย์มีจำนวนเจ็ดยอดด้วยกันค่ะ
วัดเจ็ดยอด เป็นวัดวัดโบราณที่พระเจ้าติโลกราช พระราชาธิบดีองค์ที่ 22 แห่งราชวงศ์มังราย ทรงโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นด้ามพร้าคด หรือสีหโคตเสนาบดี เป็นนายช่างทำการก่อสร้าง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1999 เมื่อสถาปนาพระอารามสำเร็จแล้ว พระเจ้าติโลกราชโปรดให้นิมนต์พระมหาเถระชื่อพระอุตตมปัญญา มาสถิตเป็นอธิบดีองค์แรกแห่งหมู่สงฆ์ในพระอารามนี้ค่ะ
จากการขุดแต่งทางโบราณคดีปี พ.ศ.2545 ได้พบสระมุจจลินท์ก่อผนังสระน้ำด้วยอิฐโดยรอบ มีขนาดกว้าง 21 เมตร ยาว 21 เมตร และลึก 2 เมตร อยู่ทางด้านหน้าทิศตะวันออกของมณฑป มุจจลินท์ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐ ขนาดกว้าง 9.20 เมตร ยาว 9.20 เมตร และสูง 6.90 เมตร หลังคาตัดตรง ผนังด้านข้างด้านทิศเหนือ-ใต้ ทำเป็นหน้าต่างปลอม มีบันไดทางขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสระ ด้านในของมณฑปเป็นห้องประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ประทับนั่งขัดสมาธิบนขนดนาค พระหัตถ์ขวาซ้อนพระหัตถ์ซ้าย มีนาค 7 เศียร แผ่พังพาบยกขึ้นกั้นกางปกเศียรพระพุทธรูป
สังเกตเจ้าสุนัขตัวสีขาวๆ ในภาพขวา ดุมากค่ะ มันจะวิ่งเข้ามาจะกัดคุณนายอุ้ม แล้วคุณนายอุ้มก็ทักกับเจ้าน้องหมาว่า จะทำไรๆ ไปไกลๆ เลย เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว เลยถ่ายภาพ เจ้าหมาเลยสงบมันเลยอยู่เฉยๆ แต่สังเกตสายตามันยังจ้องมองอยู่อย่างเคืองๆ
วิหารพระเจ้า 700 ปี ศรีเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานที่พระวิหารเจ็ดร้อยปีศรีเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารเรียนพระปริยัติธรรมวัดเจ็ดยอด สร้างขึ้นในวโรกาสที่จังหวัดเชียงใหม่ อายุครบ 700 ปีเมื่อปี พ.ศ. 2539 เฉพาะที่นี่ห้ามผู้หญิงเข้าไปในวิหารพระเจ้า 700 ปีค่ะ
วิหาร 700 ปี เป็นวิหารขนาดเล็กตั้งอยู่ภายในวัดเจ็ดยอด หรือวัดโพธารามมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2542 เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้า 700 ปี ศรีเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในวาระสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อ พ.ศ. 2539
ภายในพระวิหาร 700 ปี หลังนี้ ได้อัญเชิญพระเจ้า 700 ปี ศรีเมืองเชียงใหม่ จากวัดพระสิงห์วรมหาวิหารมาประดิษฐาน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2544
ศิลปะล้านนางดงามจริงๆ ค่ะ
ที่พระวิหาร 700 ปี เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ตะเคียนทอง และพระเจ้า 700 ปี พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปแก่นจันทร์ 700 ปี ซึ่งบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นไปค่ะ
มาวัดเจ็ดยอดมาไหว้มหาวิหารและมาชมศิลปะล้านนาที่พระวิหารพระเจ้า 700 ปี สองอย่างนี้ก็คุ้มค่ามากๆ
ให้ช่างก่อสร้างแถวนั้นถ่ายภาพให้ค่ะ
วิหาร 700 ปี เป็นสถาปัตยกรรมพื้นเมืองล้านนา หน้าบันเป็นไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวค่ะ ยิ่งพญานาค 2 ตัวนี่สวยมากๆ ค่ะ
อุ้มยืนมองเสาที่ถนนแล่นนผ่าน....ไปยังมหาวิหาร แล้วก็เกิดดวามทึ่งในฝีมือช่างของล้านนา
วัดเจ็ดยอด เป็นวัดที่ได้ชื่อว่ามีเจดีย์รูปทรงแปลกที่สุด กล่าวคือ มียอดตั้งแต่บนเรือนธาตุสี่เหลี่ยมถึงเจ็ดยอดเหมือนมหาโพธิ์เจดีย์พุทธคยาที่ประเทศอินเดีย จัดเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย น่าไปสักการะมากๆ เลยค่ะ
เจดีย์เจ็ดยอด เป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดของวัดเจ็ดยอดค่ะ ถ่ายแบบมาจากมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดียค่ะ ภาพขวามือจะเห็นวิหารหลังใหม่ด้วย
โดยรอบมหาเจดีย์เจ็ดยอดนี้ ประดับประดาด้วยรูปเหล่าเทพยดา ที่มีเครื่องทรงต่าง ๆ กันไปอย่างงดงามอย่างปราณีตศิลป์ แหล่มค่ะแหล่ม
วัดเจ็ดยอดนี้มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ก็คือที่นี่เป็นสถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลก และถือเป็นครั้งแรกของไทย ในปี พ.ศ. 2020 โดยมีพระเจ้าติโลกราชเป็นผู้ทรงอุปถัมภ์
ว่าแล้วอุ้มก็ดุ่มเดินเข้าไปไหว้พระประธานในมหาเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคลกันค่ะ
พระประธานงดงามจริงๆ ค่ะ
เอาบุญมาฝากพี่น้องผองเพื่อนทุกๆ คนค่ะ
จริงๆ แล้วไหว้พระไปก็งงไปว่าทำไมในมหาเจดีย์หลังนี้ถึงได้มีงูเล็ก (ปีมะเส็ง)เยอะจังเลย จะถามใครก็ไม่มีใครให้ถาม ก็คาใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ไหว้พระปิดทองแต่รู้สึกอิ่มใจว่าที่นี่มีพระนอนให้ด้วย ดีจัง แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ต่อมา ไปวัดดอยสุเทพฯ เจอข้อมูล (กระดาษแผ่นแรกที่อุ้มแปะใน BLOG นี้นั่นแหละค่ะ) ที่ว่าวัดเจ็ดยอดเป็นวัดประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีมะเส็ง ข้อมูลที่ว่าเป็นวัดที่คนเกิดปีมะเส็งถ้าเกิดมาครั้งหนึ่งไปไหว้ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียไม่ได้ ก็มาไหว้ที่วัดเจ็ดยอดแทนค่ะ
มหาเจดีย์แห่งนี้ได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อพ.ศ. 2020 มีหมื่นด้ามพร้าคด หรือสีหโคตเสนาบดี เป็นนายช่างทำการก่อสร้าง โดยเป็นอาคารชนิดเครื่องก่อ ใช้ศิลาแลงทำโครงสร้างลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งขนานไปตามทิศตะวันออกสู่ตะวันตก ตอนหน้าของอาคารสันนิษฐานว่าเป็นมุขโถงต่อออกไป ข้างหน้าเปิดเป็นทางเข้าออกมหาวิหาร
ตัวอาคารมหาวิหารก่อผนังทึบล้อมสามด้าน เว้นด้านหน้า เชิงผนังตอนในสุดของวิหารก่อแท่นแก้วประดิษฐานพระพุทธปฏิมาพระประธานประจำวิหาร กลางฝาผนังด้านข้างในห้องโถง เจาะเป็นช่องแคบ ๆ มีบันไดทอดตัวขึ้นไปข้างบนออกสู่หลังคาวิหาร ซึ่งเป็นหลังคาทรงตัดลักษณะคล้ายดาดฟ้าทั่วไป พื้นที่บนนี้เป็นที่ตั้งของปรางค์ยอดเจดีย์แบบพุทธคยาในอินเดียจำนวนเจ็ด องค์ด้วยกัน
ภาพปูนปั้นงดงามมากๆ เลยค่ะ จุดเด่นของเจดีย์เจ็ดยอด อยู่ที่ลวดลายปูนปั้นองค์เทวดาที่มีขนาดใหญ่กว่าคนจริง และลักษณะเครื่องทรงที่ไม่ซ้ำแบบกันในแต่ละองค์ แสดงถึงลักษณะงานศิลปะล้านนายุคทองค่ะ
ลายปูนปั้นบนผนังด้านนอกองค์เจดีย์เจ็ดยอดเป็นประติมากรรมปูนปั้นภาพเทพยดานั่งขัดสมาธิเพชร ประนมหัตถ์อยู่กลางพระอุระกับภาพเทพยดาพนมมือยืน ทรงเครื่องภูษาภรณ์อันเป็นสมัยนิยมในหมู่ชนชั้นสูงสมัยโบราณ สวมเครื่องศิราภรณ์ทรงเทริดมีทั้งแบบทรงสูงและทรงเตี้ยค่ะ
สังเกตว่าบนยอดศิราภรณ์ประดิษฐ์ด้วยลายวิจิตรแตกต่างกันไปในแต่ละองค์ เช่น ลายกระจับ ลายดอกบัว ลายหน้ากาล ลายดอกไม้ บนพื้นผนังเป็นลายดอกไม้ร่วงคล้ายลายถ้วยชามสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน นอกจากนี้ยังมีลายประดับหัวเสาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของล้านนา แม้พม่ายังรับเอาไปและเรียกว่าลายเชียงใหม่
ภาพพระสถูปเจดีย์พระเจ้าติโลกราชค่ะ เมื่อพระเจ้าติโลกราชสวรรคตในปี พ.ศ. 2030 พระยอดเชียงรายราชนัดดาได้สืบราชสมบัติแทน โปรดให้สร้างจิตกาธาน (เชิงตะกอน) ขึ้นในวัดนี้เพื่อเป็นสถานที่ฌาปนสถานถวายพระเพลิงพระศพของพระดัยกาธิราช แล้วโปรดฯ ให้สร้างพระสถูปใหญ่เพื่อบรรจุพระอัฐิและพระอังคารธาตุของพระเข้าติโลกราชไว้ภายในบริเวณวัด สถูปนี้ก่ออิฐถือปูน ทรงมณฑปสี่เหลี่ยมย่อมุมมีซุ้มคูหาเป็นจตุรมุข หลังคาทรงบัวกลม ส่วนเครื่องยอดต่อขึ้นไปก่อเป็นสถูปทรงระฆังกลม ซุ้มคูหาด้านทิศตะวันออก ฝังเข้าไปในตัวมณฑปแล้วประดิษฐานพระพุทธปฎิมากรปูนปั้นมารวิชัยหนึ่งองค์
ภาพซ้ายมือจะเห็นพระเจ้าทันใจประดิษฐานอยู่ด้านนอกเจดีย์เจ็ดยอด มีผู้คนมาบนบานขอพรกันเพียบเลยค่ะ
ตักบาตรพระประจำวันเกิดจะอยู่ประตูหลัง (หรือเปล่าหนอ) อุ้มวันอังคารก็เลยใส่เหรียญไป 15 เหรียญค่ะ
เป็นบรรยากาศรอบๆ นอกจากความร่มรื่นของแมกไม้ภายในวัดแล้วที่นี่ยังเป็นแหล่งโบราณสถานศิลปสมัยเชียงแสนที่สวยงาม และหาชมได้ยากอีกด้วย ความบันดาลใจต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติออกมาเป็นลวดลายที่มีเอกลักษณ์ ที่แสดงความหมายในทางพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี
บริเวณนี้มีให้ทำบุญหลายอย่างเลยค่ะ ตามกำลังศรัทธา จะมองเห็นต้นโพธิ์และหลวงพ่อทันใจด้วยค่ะ
ต้นโพธิ์ต้นนี้มีที่มาค่ะ ครั้งนั้นพระเจ้าติโลกราชได้ทรงสดับธรรมบรรยายจากสำนักพระภิกษุสีหล เรื่องอานิสงส์ปลูกต้นโพธิ์ จึงโปรดฯ ให้แบ่งหน่อมหาโพธิ์ต้นเดิมที่พระภิกษุสีหลนำมาจากศรีลังกาเอามาปลูกในอารามป่าแดงหลวง เชิงดอยสุเทพ นำมาปลูกไว้ในอารามที่สร้างขึ้นใหม่ เหตุที่หน่อมหาโพธิ์ปลูกในอารามแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่าวัดมหาโพธารามค่ะ ซึ่งโพธิบัลลังก์ หรือ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ณ ควงไม้ศรีมหาโพธิด้านทิศตะวันออก พระองค์ทรงตั้งวิริยาธิษฐานปฏิภาณพระองค์ว่า "ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ก็จะไม่ยอมลุกจากที่ประทับนั้น แม้มังสะและโลหิตจะเหือดแห้งสูญสิ้นไปเหลือแต่หนังและกระดูกก็ตามที"
สัปดาห์ที่ 1 คือสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็นอนุตตรพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ต้นไม้ศรีมหาโพธิ์ด้านทิศตะวันออก สถานที่แห่งนี้เรียกว่าโพธิบัลลังก์มีพระพุทธรูปปางสมาธิเป็นสัญลักษณ์
1
2
3
4
มณฑปและสระมุจจลินท์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ชองโพธิบัลลังก์ในสัปดาห์ที่ 6 พระพุทธองค์เสด็จออกจากร่มไม้อชปาลนิโครธ (ต้นไทร) เสด็จไปยังร่มไม้มุจจรินทร์ (ไม้จิก) ซึ่งอยู่ทางทิศอาคเนย์ของต้นมหาโพธิ์ ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข ณ ที่นี่รวม 7 วัน
เจดีย์กู่แก้วเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตกรมทางหลวง สร้างในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้างไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ปัจจุบันคงเหลือแต่ซากฐานขององค์พระเจดีย์สูงประมาณ 5 เมตร เข้าใจว่าคงจะสร้างมาหลายร้อยปีและถูกภัยธรรมชาติทำลายลง ทางกรมศิลปากรได้มาบูรณะฐานองค์พระเจดีย์องค์นี้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอชปาลนิโคตธเจดีย์ค่ะ ช่วงนี้ยังเหนื่อยกับการเป็นวัลลีอยู่ค่ะจบตอนที่ 2 BLOG หน้าตอนที่ 3 เป็นข้าวซอยร้านลำดวนค่ะ
ขอขอบคุณ BG : คุณตะวันสีชมพู banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat เพลง : ตะวันตกดิน : น้าแอ๊ด คาราบาว โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
| |
ตอนชลเรียนยังเป็นสถาบันวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอยู่เลยค่ะ