กรุงเทพมหานคร : วังสวนผักกาด (2)
เรือนไทยหลังที่ 2
ชั้นบนบนระเบียงมีหน้าบันของระเบียงมีตราประจำพระองค์เป็นรูปช้างสามเศียร ของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุ มาลมารศรี ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยกี (ย่า) ด้านหน้าของระเบียงทางเดินมีฉาก ซึ่งด้านหน้ามีภาพเขียนสีแสดงป่าหิมพานต์ และด้านหลังเป็นเรื่องพระเวชสันดรชาดก ถัดมาทางด้านขวาจะเป็นบริเวณชานเรือนหลังที่ 2 มีตู้พระธรรมลายรดน้ำ สมัยอยุธยาซึ่งได้มาพร้อมกับหอเขียน มีสัปคับหรือกูบ และงาช้างคู่ ซึ่งได้รับทูลเกล้าจากเจ้าน่าน
เรือนไทยหลังที่ 2 จัดตกแต่งเป็นเรือนรับรอง ภายในห้องด้านเหนือมีเตียง หมอนขวาน มุมห้องด้านใต้ข้างประตู มีคันฉ่องซึ่งมีกรอบไม้แกะสลักลายไทย จีน และฝรั่งเศส ถัดมาทางทิศใต้ของห้องบนตู้มีพานประดับมุกซ้อนกัน 4 ใบ ภายในตู้ชั้นบนมีตลับงาช้าง สำหรับใส่สีผึ้งและแป้ง มีงาช้างแกะสลักลายไทยปิดทอง ถัดมาทิศตะวันตก มีตู้แกะสลักลายไทยปิดทอง ภายในชั้นบนของตู้มีถ้วยเงินลายทอง ชั้นกลางและชั้นล่างมีเครื่องแก้วเจียระไนจากยุโรปส่วนด้านหลังตู้มีตะลุ่มประดับมุก
ด้านเหนือของห้อง มีตะลุ่มประดับมุกวางอยู่บนตู้สลักลายไทยปิดทอง ในตู้ชั้นบนมีพระรูปของเสด็จในกรมฯ พระบรมรูปแกะสลักจากงาช้างของรัชกาลที่ 5 และพระรูปของ หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ชั้นล่างมีปั้นกาน้ำ ตระกร้าหญ้าลิเภา และจานหมูที่สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนีพระราชทานไว้ ตู้ชั้นล่างมีปิ่นโตเงินลงยาลายนูนจากประเทศจีน กระโถนเครื่องถมและกระโถนเบญจรงค์ ริมประตูด้านตะวันออกมีพระฉายแขวน (กระจกส่องหน้า) และตู้เก็บเครื่องแก้วเจียระไนรวมทั้งขวดน้ำหอม ซึ่งนำมาจากประเทศต่างๆ ในยุโรป
เรือนไทยหลังที่ 3 ชานเรือนมีตู้พระธรรมลายรดน้ำสมัยต้นรัตนโกสินทร์ บนหลังตู้มีเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ด้านหน้าตู้มีใบเสมาสลักจากหินทราย บนฝาผนังแขวนตาลปัตรและโคมไม้แกะสลักลายไทยปิดทอง ข้างประตูเข้าเรือนมีกลองมโหระทึก ซึ่งใช้ในพิธีต่างๆ เช่น ในพิธีขอฝน เรือนไทยหลังที่ 3 ตกแต่งเป็นที่รับรอง ด้านขวาของห้องมีตั่งซึ่งใช้รับรองแขก ด้านซ้ายใกล้ประตูมีตู้เล็กแสดงวัตถุโบราณศิลปะกรีก-โรมัน ถัดมามีตู้ใส่ภาชนะเบญจรงค์ ด้านบนฝาผนัง เหนือตู้มีภาพเขียนสีเรื่องรามเกียรติ์ ถัดไปเป็นตั่งแกะสลักลายไทยปิดทอง ด้านบนมีเสลี่ยงซึ่งสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ พนักพิงและราวทำด้วยงาช้างแกะสลักมีกลดตั้งอยู่ด้านหลังของเสลี่ยง
ถัดไปมีบุษบกจำลองตั้งอยู่บนตู้ หลังตู้ถัดไปมีเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ภายในตู้ชั้นบนแสดงเครื่องดนตรีไทยจำลอง ชั้นล่างมีปิ่นโตถมทอง 2 เถา และสังข์รดน้ำที่ใช้ในพิธีแต่งงานและเครื่องขันหมาก ถัดมาบริเวณด้านข้างหน้าต่างมีภาพเขียนลายไทยลงรักปิดทอง ภายในตู้ถัดไปวางแสดงภาชนะเบญจรงค์ สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ด้านบนฝาผนังตู้มีภาพเขียนเรื่องขุนช้างขุนแผน ขณะกำลังดำน้ำต่อหน้าสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า ถัดไปด้านเป็นตู้แสดงเครื่องถมเงินถมทองลายไทย ด้านบนมีบุษบกจำลอง
เรือนไทยหลังที่ 4
มีพื้นเรือนที่ยกสูงตรงกลาง ซึ่งสามารถดัดแปลงเป็นโต๊ะอาหาร สำหรับเลี้ยงแขกพิเศษในโอกาสต่างๆ และชานเรือนทางทิศใต้มีภาพเขียนสีบนไม้เรื่อง พระเวสสันดรชาดก ด้านหน้าห้อง มีบานประตูมุกสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในห้องมีพระพุทธรูปสมัยต่างๆ มีงาช้างแกะสลัก รวมทั้งแจกันที่ทำจากงาช้าง ด้านหลังของฝาผนังห้องมีพระบฎแสดงพุทธประวัติ สมัยรัตนโกสินทร์
เรือนไทยหลังที่ 5 เป็นเรือนไทยที่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ ใช้จัดแสดงของใช้ประจำพระองค์ ของทูลกระหม่อมบริพัตรและเสด็จในกรมฯ อาทิ เครื่องแก้วเจียระไน เครื่องแก้วลายทอง เครื่องเงิน เครื่องกระเบื้อง เป็นต้น ส่วนใหญ่นำมาจากประเทศในยุโรป นอกจากนี้ยังมีเหรียญกษาปณ์สมัยต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ
เรือนไทยหลังที่ 6
เรือนไทยหลังนี้จัดแสดงเครื่องถ้วยชามสังคโลก ศิลปะสุโขทัย รวมทั้งเครื่องถ้วยชาม สมัยซ้ง หยวน และหมิง ของประเทศจีน ภายนอกมีตู้แสดงภาชนะดินเผาสังคโลกจากกลุ่มเตาเวียงกาหลง ขวานหินโบราณและเครื่องประดับสมัยยุคหิน และเครื่องปั้นดินเผา ภายในมุมห้องด้านซ้ายแสดงหินสลักรูปหัวงู ศิลปะขอม ถัดไปมีภาชนะดินเผาสังคโลก และตุ๊กตาสมัยสุโขทัย มีเหยือกรูปคนขี่ช้างทรงสมัยสุโขทัย มุมห้องด้านตะวันตก มีรูปเทวดาสตรีสมัยศรีวิชัย ทำด้วยหินทราย และมีภาพเขียนเรื่องจันทรโครพ มีอายุราวสมัยรัตนโกสินทร์อยู่บนฝาผนังด้านตะวันออก
เรือนไทยหลังที่ 7
พิพิธภัณฑ์โขน จัดแสดงหัวโขนต่างๆ จากเรื่องรามเกียรติ์ อาทิพระราม พระลักษณ์ ทศกัณฐ์ หนุมาน พาลี ฯลฯ รวมทั้งรายละเอียดของเครื่องแต่งกายและขั้นตอนการทำหัวโขน นอกจากนี้ยังมีหุ่นละครเล็กพระรามกับนางสีดาและทศกัณฑ์กับหนุมาน ของนายสาคร ยังเขียวสด ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง อยู่ภายในห้องด้วย
เรือนไทยหลังที่ 8
เดิมเรือนหลังนี้ใช้แสดงภาพเขียน ซึ่งต่อมาได้มอบให้แก่หอศิลป์พีระศรีไป จึงจัดชั้นบนเป็นที่แสดงวัตถุโบราณบ้านเชียง โดยค้นพบที่จังหวัดอุดรธานีเมื่อปี พ.ศ. 2509 นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับ เช่น สร้อยลูกปัด มีลูกกลิ้งดินเผาที่ใช้พิมพ์ลวดลายไปบนผ้า และแม่พิมพ์ที่ใช้ในการทำอาวุธ รวมทั้งวัตถุโบราณที่ทำมาจากสำริดอื่นๆ เช่น หัวขวาน หัวธนู กำไลแขน คอ และแหวน ซึ่งบางชิ้นยังมีกระดูกมนุษย์ติดอยู่ จึงทำให้วัตถุโบราณบ้านเชียงนับเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 14:23:59 น. |
Counter : 3264 Pageviews. |
|
|