สรรคบุรี : แดนดินแห่งความฝัน
อำเภอสรรคบุรีเป็นเมืองโบราณนานมา ตามตำนานเล่าขานว่า เจ้าเมืองผู้ครองนครเวียงพาคำแห่งแคว้นโยนกเชียงแสน ได้เป็นผู้สร้างเมืองนี้ขึ้นมา โดยเรียกที่นี้ว่าเมืองตรัยตรึงษ์
ในทางโบราณคดี เราพบเมืองโบราณก่อนยุคสมัยที่จะกลายเป็นเมือง อยู่ทางใต้เรียกว่าดงคอน ซึ่งมีการพบวัตถุโบราณและเครื่องกระเบื้อง เมืองนี้น่าจะเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงยุคสมัยทราวดีต่อเนื่องจนถึงวัฒนธรรมเขมร ก่อนที่จะเกิดอะไรบางอย่างจนเกิดการทิ้งร้างของเมืองไป
ศูนย์กลางของเมืองจึงย้ายมายังที่ตั้งในปัจจุบัน ริมแม่น้ำน้อย สิ่งของที่สำคัญที่พบว่าเป็นของในวัฒนธรรมเขมร ตัวอย่างเช่น แท่นศิวลึงค์และหลักเมืองจารึกภาษาเขมร ที่วัดมหาธาตุ หรือทับหลังหินทรายสมัยบาปวนที่ด้านหลังของหลวงพ่อฉาย วัดพระแก้ว
ในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแห่งอาณาจักรสุโขทัย มีการกล่าวถึงเมืองในอาณาเขตทางใต้ มีชื่อเมืองแพรกปรากฏอยู่ หลักฐานสำคัญที่พบก็คือเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดโตนดหลาย เจดีย์อันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแห่งสกุลช่างเมืองหนือ
เมื่อสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง กลุ่มเมืองในแถบนี้รวมกันเป็นกลุ่มสุพรรณภูมิ เจริญคู่ควบไปกับกลุ่มอำนาจแห่งละโว้ ลพบุรีจนถึงยุคสมัยของขุนหลวงพ่องั่ว ที่เป็นไมตรีอันดีกับพระเจ้าอู่ทอง ปฐมบรมกษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยา ร่วมมือกันแผ่อำนาจจนไปถึงเมืองสรหลวง สองแคว หน้าด่านทางใต้ของสุโขทัย
กาลเวลาผ่านไปอาณาจักรเริ่มเป็นรูปร่าง ผลัดกันครองอำนาจไปมา ระหว่างกลุ่มสุพรรณภูมิกับละโว้ลพบุรี จนในที่สุดตะกอนก็นอนตัว เจ้านครอินทร์แห่งสุพรรณภูมิได้ล้มล้างขับไล่กลุ่มผู้ก่อตั้งดั้งเดิมออกไปจนหมดสิ้น โดยเชื่อว่าพระองค์น่าจะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเมืองเหนือในการกระทำการ
สุพรรณภูมิทีตั้งหลักปักฐานที่อยุธยาเริ่มมองไปยังสุโขทัยให้ลงมาอยู่ในอำนาจ โดยอาศัยความสัมพันธ์ทางเครือญาติ พระองค์ส่งลูกชายคนโตไปครองเมืองเก่า ที่เป็นฐานอำนาจดั้งเดิมคือสุพรรณบุรี ส่งลูกชายคนรองไปครองมืองลูกหลวงเก่า คือแพรกศรีราชา ส่งลูกชายคนที่สามอันเกิดจากเจ้าหญิงวงศ์สุโขทัยไปครองพิษณุโลก ซึ่งยุคสมัยที่เจ้ายี่พระยาครองเมืองได้มีการก่อสร้างและทำนุบำรุงวัดอย่างมากมาย
เมื่ออาณาจักรเริ่มขยายตัวแผ่กว้างจากการรวมหัวเมืองเหนือลงมาอยู่ในอำนาจได้ อย่างน้อยก็สมัยพระบรมไตรโลกนารถ เมื่องสรรคบุรีจากเมืองหน้าด่านชั้นใน ก็ถูกลดความสำคัญลง ชื่อเมืองแพรกศรีราชาปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในกฏหมายตราสามดวง พศ 2302 โดยถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสรรคบุรี หัวเมืองชั้นจัตวา
สรรคบุรีจึงเริ่มลดบทบาทลงนับตั้งแต่อยุธยาตอนกลางเป็นต้นมา แต่นั่นกลับเป็นข้อดีอย่างมหาศาล ที่เป็นเหมือนเครื่องจักรแห่งการหยุดเวลา ทำให้ศิลปะอยุธยาตอนต้นที่ได้ถูกสรรค์สร้างไว้ในวัดวาอารามต่างๆ ได้หลงเหลือสืบทอดมายังคนรุ่นเราในปัจจุบันให้ศึกษา รวมไปถึง การทับซ้อนของศิลปะของอยุธยาที่ผสมผสานกับยุคสมัยของสุโขทัยอีกด้วย
หากจะเรียกที่นี่ว่า สวงสวรรค์แห่งศิลปะวัฒนธรรมอันเรืองรองแล้วละก็
คงไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยอ้างเกินจริง
Create Date : 18 พฤษภาคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 10:00:33 น. |
Counter : 2209 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่นำมาฝากนะคะ