หลายคนคงจะคิดว่าอะไร ๆ เราก็ทำกินเองไปซะเกือบทุกสิ่งอย่าง ไม่ใช่ว่างกหรือขยันอะไรหรอกนะคะ
แต่เพราะว่าวัตถุดิบบางอย่าง เก็บไว้นานคุณภาพก็จะไม่ดีเหมือนเดิม สีก็ไม่สวย กินก็ไม่อร่อย
วันนี้เราจะกำจัดพริกป่นเกาหลีค่ะ ด้วยการทำกิมจิ
พริกป่นเกาหลีสีแดงสวย รสเผ็ดแต่ไม่ได้เผ็ดจัดแบบพริกขี้หนูของไทย
ราคาก็สูงกว่าพริกไทย และหาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาดทั่วไปอีกตะหาก
ถึงจะบอกว่ากำจัดพริก แต่เราก็ไม่ได้ทำกิมจิแบบเยอะมากนะคะ ไม่ชอบทำอะไรที่มากเกินไป
รู้สึกเป็นภาระต้องกินและการจัดเก็บ สมาชิกที่บ้านก็ไม่ชอบทานอาหารซ้ำ ๆ ด้วย
และอีกอย่างคือกิมจิทำง่ายค่ะ ทำล่วงหน้าสักวันสองวันก็กินได้แล้ว
แอบสงสัยเล็ก ๆ ทำไมกิมจิถึงได้ขายแพงจังหว่า......
ส่วนผสมและวิธีทำ
น้ำเปล่าต้มสุกพักให้เย็น 3 ลิตร
เกลือทะเล 1 ถ้วย
(เราใช้ดอกอ่อนเกลือสมุทร เดี๋ยวอธิบายให้ฟังด้านล่างนะคะ)
ผักกาดขาว 1 ต้น
หัวไชเท้าซอย 100 กรัม
แครอทซอย 100 กรัม
ต้นหอม 50 กรัม
ใบกุยช่าย 50 กรัม
ผักชี (ไม่ใส่ก็ได้)
น้ำปรุงรส
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาดี 3/4 - 1 ถ้วย
หอมใหญ่ 1 หัว
กระเทียม 1/2 ถ้วย
ขิงแก่ (ประมาณนิ้วหัวแม่มือ)
พริกป่นเกาหลี 1-2 ถ้วย (มากน้อยตามชอบ)
** น้ำปรุงเราทำเพียงครึ่งส่วนให้เหมาะสมกับปริมาณผักค่ะ **
ก่อนจะทำกิมจิเรามาคุยกันเรื่องเกลือกันก่อนนะคะ
ดอกเกลือ..คือเกลือที่ตกผลึกก่อนเพื่อน นายนาก็จะช้อนดอกเกลือทุก ๆ เช้า
ดอกเกลือที่ได้จะมีรสเค็มที่ไม่เข้มข้นเค็มปี๋
ทีนี้...ถ้า
ช้อนดอกเกลือตั้งแต่ที่เป็นผลึกเล็กๆๆๆๆฝอยๆๆๆ อันนี้ล่ะที่เรียก...ดอกอ่อนเกลือ รสจะไม่เค็มมาก
ถ้าช้อนดอกเกลือช้าหน่อย...ดอกเกลือก็จะใหญ่ขึ้นมาอีก ขนาดดอกเกลือน้อง ๆ เมล็ดถั่วเหลือง
.แต่เมื่อปล่อยให้ดอกเกลือใหญ่ขึ้นมา ความเค็มก็มากขึ้นกว่าดอกอ่อน
จากนี้ก็จะเกิดผลึกขึ้นแล้วดอกเกลือที่เกิดตอนนี้เค้าก็จะให้เป็นผลึกเกลือที่ใหญ่ที่เราเรียกเกลือเม็ดซึ่งจะเค็มที่สุด
มาถึงเรื่องสีของดอกเกลือบ้าง
ถ้าเป็นดอกเกลือที่ได้จากนาที่ยังไม่มีฝนตกสีก็จะขาวจั๊วะ ถ้าฝนตกแล้วสีจะขาวขุ่นค่ะ
จบจากเรื่องเกลือแล้ว เราก็จะมาลงมือทำกิมจิกันละนะคะ
1. ล้างผักให้สะอาด ผักกาดขาวใช้มีดตัดแบ่งตรงส่วนโคนแล้วใช้มือฉีกแบ่งเป็นสองส่วน
ทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้ใบผักถูกมีดตัดขาด จากนั้นใช้มีดกรีดตรงส่วนโคนออกเป็นสองส่วน (ตามภาพ)
ซึ่งจะฉีกในขั้นตอนนี้หรือหลังจากแช่ในน้ำเกลือแล้วก็ได้เพื่อจะได้ลูบน้ำปรุงรสในขั้นตอนต่อไป
หรือจะเด็ดเป็นใบ หั่นเป็นชิ้นก็ได้ตามชอบ แต่เราใช้ทั้งต้นค่ะ
2. ใส่น้ำที่ต้มไว้และเกลือในภาชนะเช่นกะละมังหรือหม้อใบใหญ่ที่สะอาด คนให้เกลือละลาย
นำผักลงแช่น้ำเกลือไว้ 2 ชั่วโมง โดยหาของหนักวางทับให้ผักจมในน้ำเกลือ ครบเวลานำขึ้น
เปิดก๊อกให้น้ำไหลผ่านผักทีละใบเพื่อเอาน้ำเกลือออก แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ
(วางบนตะแกรงให้น้ำหยด ประมาณครึ่งชั่วโมง)
3. จากนั้นปอกเปลือกและหั่นหัวไชเท้า แครอทเป็นเส้น ต้นหอม กุยช่ายและผักชีหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ เตรียมไว้
4. ระหว่างแช่ผักทำเครื่องปรุงรสโดยนำน้ำเปล่าใส่หม้อ ละลายแป้งข้าวเหนียวลงไป
แล้วจึงนำขึ้นตั้งไฟกวนแป้งให้สุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลคนให้ละลาย แล้วปิดไฟพักไว้ให้เย็น
5. ปั่นหอมใหญ่ กระเทียมและขิงให้ละเอียด ผสมลงในน้ำปรุงรสในข้อ 2
ปรุงรสด้วยน้ำปลา และพริกป่นเกาหลี คนผสมให้เข้ากันดี
ใส่แครอท หัวไชเท้า ต้นหอม กุยช่ยและผักชีที่หั่นเตรียมไว้ลงผสมให้เข้ากัน
6. ใส่ถุงมือพลาสติก นำผักกาดขาวที่สะเด็ดน้ำไว้ลูบด้วยน้ำปรุงรสให้เข้าไปในใบผักให้ทั่ว
ห่อผักแล้วบรรจุลงในกล่องพลาสติกหรือภาชนะที่ปิดได้สนิท เรียงผักให้ซ้อนกันค่อนข้างแน่นแล้วปิดฝา
7. วางพักไว้ในอุณหภูมิห้อง 1 วันเพื่อให้เปรี้ยว วันรุ่งขึ้นจะสังเกตมีน้ำหมักในกล่องเพิ่มขึ้น
แล้วนำเข้าเก็บในตู้เย็น หากไว้ภายนอกกิมจิจะมีความเปรี้ยวมากขึ้น
8. เมื่อต้องการรับประทาน นำออกมาหั่นหรือฉีกเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ
8. จัดใส่จานโรยด้วยขางาวคั่ว ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทานค่ะ
หรือจะนำไปประกอบอาหารเมนูอื่น ๆ ได้หลากหลายค่ะ อาทิ หมูผัดกิมจิ ข้าวผัดกิมจิ กิมจิชิเกะ (ซุปกิมจิ) เป็นต้น
ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ แล้วพบกันใหม่เมนูต่อไปค่ะ
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ขายกันแพง แพงเพราะต้องนำเข้ามั้ง