เบื้องหลังอาหารลดน้ำหนักที่คุณไม่รู้
ทุกวันนี้กระแสการทานอาหาร เพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในสาเหตุของการหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพก็เพื่อ “การลดน้ำหนัก” และคู่มือการลดน้ำหนักจึงเป็นเสมือนแผนที่นำทางเราโดยไม่รู้ตัว แต่เรามั่นใจในคำภีร์เหล่านี้ได้แค่ไหนกันล่ะ?
Deanna Hoelscher ผู้อำนวยการสถาบัน Michael & Susan Dell Center for the Advancement of Healthy Living และอาจารย์มหาวิทยาลัยเท็กซัส กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้วเรา (ผู้หญิง) ควรได้รับพลังงานวันละ 1600 แคลลอรี่ แต่การนับแคลลอรี่ที่เราได้รับนั้นไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง การทานอาหารอย่างหลากหลาย ในปริมาณที่เหมาะสมต่างหากที่จะช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักได้”
The United States Department of Agriculture (USDA) ได้เสนอแนวทางในการกำหนดปริมาณอาหารต่อวันไว้อย่างง่ายๆ ว่า ในหนึ่งจานอาหารควรที่จะมี 1/4 ของจานเป็นอาหารโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ไก่ หรือ ปลา อีก 1/4 เป็นธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง และส่วนที่เหลือ นั่นคือ อีกครึ่งหนึ่งของจานเป็นผักและผลไม้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนมากก็นิยมที่จะเลือกใช้วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาทิ วิธีการ Atkins Diet (งดการทานคาร์โบไฮเดรต เลือกรับประทานแต่โปรตีนและไขมัน) มากกว่า และด้วยการหลีกเลี่ยงการทานอาหารบางประเภทเช่น ไขมันหรือเกลือ ทำให้เราหันมาทานอาหารที่มีป้ายติดว่า อาหารสุขภาพ หรือไม่มีไขมัน อย่างไม่ใส่ใจปริมาณที่ได้รับ และลืมที่จะสนใจปริมาณแคลลอรี่ที่มีอยู่ในอาหารเหล่านั้น
เรามักคิดกันว่า อารหารที่ดีต่อสุขภาพด้านหนึ่ง ย่อมดีในทุกๆ ด้าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ
องค์การอาหารและยาของสหรัฐแนะว่า การทานน้ำมันมะกอกวันละ 2 ช้อนชา ช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจได้ แต่ก่อนที่จะเทน้ำมันลงกะทะ รู้หรือไม่ว่าน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา มีแคลลอรี่เท่ากับ 120 ซึ่งมากพอๆ กับถั่วลิสงทอด หรือน้ำมันมะพร้าว ในปริมาณเท่ากันเลยทีเดียว
การโฆษณาของสื่อในปัจจุบันก็สามารถทำให้เราเข้าใจผิดได้ ผู้คนส่วนมากมักคิดว่า ไขมันที่กินเข้าไปเท่ากับไขมันที่เพิ่มพูน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไขมันดี เช่น ไขมันจากอโวคาโด หรือปลาแซลมอน สามารถช่วยขจัดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้
นอกจากนั้น ปริมาณสารอาหารที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ อาจเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เรามักใช้เพื่อเลือกซื้ออาหาร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือกลยุทธิ์ทางการตลาดอย่างหนึ่ง อย่างที่ John Stanton จากมหาวิทยาลัย St. Joseph กล่าวว่า หากคู่มือลดน้ำหนักแนะนำว่า งดอาหารจำพวกแป้ง เราก็จะเห็นคำว่า ไม่มีแป้ง ติดอยู่บนผลิตภันฑ์อาหารที่เราเลือกซื้อ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่า มันมีปริมาณน้อย ดังนั้นฉันสามารถทานมันได้อย่างไม่จำกัด
และจากการรายงานของ มหาวิทยาลัย Arizona และ มหาวิทยาลัย Kentucky พบว่า ผู้บริโภคมักจะทานมากขึ้น เมื่อบรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็ดลง เพราะการลดขนาดให้ความรู้สึกเสมือนกับว่า เรากำลังลดน้ำหนักไปในตัวนั่นเอง
เหล่า นี้ ไม่ว่าจะเป็นการ ลดปริมาณอาหารต่อชิ้น การบริโภคแป้งแต่น้อย การลดปริมาณไขมัน หรือการทานอารหารประเภทไม่มีน้ำตาล อาจช่วยให้ลดน้ำหนักได้ แต่เมื่อเรารู้แล้วว่า ภายใต้วิธีเหล่านี้แฝงได้ด้วยความเข้าใจผิดอันมากมาย
แนวคิดที่ว่า ทานน้อย ออกกำลังกายมาก คงเป็นคงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ที่เราควรเลือกใช้เพื่อการรักษาสุขภาพของเรา
หมายเหตุ : จะใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหารได้อย่างไร
1. นำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำสลัด หรือน้ำจิ้ม
2. นำมาใช้ในการผัด ชนิดที่ใช้น้ำมันน้อย เช่น ผัดผักเร็วๆ ผัดกระเพรา มักกะโรนี สปาเก็ตตี หรือ พาสต้า
3. นำมาใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ก่อนที่จะนำไปอบจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น
4. ใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอด จะช่วยให้อาหารไม่อมน้ำมันเนื่องจากน้ำมันมะกอกจะให้ความร้อนสูง ทำให้อาหารสุกทั่วถึงอย่างรวดเร็ว ไม่สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
ที่มา : //women.thaiza.com //www.muslimthai.com
สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 07 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 17:08:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1277 Pageviews. |
|
|
|
|
|