|
รับประทานอย่างไร ไม่ให้อ้วน
ทุกครั้งที่จะรับประทานอาหาร...เลือกรับประทานอาหารที่ทำให้คุณอิ่มเร็ว อย่างพวกผักหรือผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงเสียก่อน
คำแนะนำเพื่อที่จะช่วยให้คุณยับยั้งตัวเอง ไม่ให้รับประทานมากเกินเหตุ นั่นก็คือ เข้าสังคมกับเพื่อนฝูงที่มีกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือไปจากการชวนกันไปหาอาหารอร่อยๆ รับประทาน
การคบหาสมาคมกันไม่ใช่แค่พากันไปรับประทานอาหารทั้งมื้อกลางวัน มื้อน้ำชาตอนบ่าย หรือมื้อค่ำ คุณควรจะชักชวนเพื่อนฝูง หรือร่วมกิจกรรมกับเพื่อนคนที่เขาออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น แทนที่จะเดินไปร้านไอศกรีมแล้วนั่งคุยกัน พร้อมกับนั่งรับประทานไอศกรีมถ้วยใหญ่ๆ คุณก็ควรจะชวนกันไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ซึ่งแม้จะมีไม่มากนักในบ้านเรา แต่ก็เชื่อว่าทุกจังหวัดคงพอจะหาได้ อย่างสวนลุมฯ กลางกรุงเทพฯ ซึ่งหมอไม่มีโอกาสไปมานานมากแล้ว เพิ่งเมื่อ ๕-๖ เดือนหลังนี้เอง ที่ลองไปดูชีวิตคนในสวนลุมฯ ก็พบว่าไม่เลวเลยทีเดียว ต้นไม้ใหญ่มีมากมาย แดดร่มตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งช่วง ๑๑ โมงเช้าก็ยังสามารถไปวิ่ง ไปเดิน ไปออกกำลังกายได้ แถมผู้คนก็น้อยกว่าตอนเช้าตรู่ด้วย คุณอาจพาลูกๆ หลานๆ ไปวิ่งเล่นไล่กันในสวนสาธารณะ คุณแม่ก็เดินคุยกันไป แม้จะเดินเล่นช้าๆ ไม่ได้เดินเร็วจริงจัง แต่ก็เชื่อว่าร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงาน และปากคุณก็จะไม่ว่างพอที่จะรับประทานขนมจุกจิกของมันของทอด หรือไม่งั้นก็ชักชวนเพื่อนฝูงไปเข้าคอร์สเต้นแอโรบิค หรือเข้าคอร์สเรียนวาดรูป เรียบเย็บปักถัดร้อย ก็น่าจะดีกว่านั่งคุยและรับประทานอาหารด้วยกัน
แต่ถ้ามีความจำเป็น ต้องไปรับประทานอาหารเย็นนอกบ้านร่วมกับเพื่อนฝูง ก็ไม่ใช่ปฏิเสธเสียหมด เพราะคนเรายังต้องอยู่ในสังคม เพียงแต่คุณควรอ่านเมนูอาหารให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องผ่านขบวนการทอด อาจจะเริ่มต้นด้วยผักสลัดจานโต แน่นอนว่าคงต้องขอให้น้ำสลัดเป็นน้ำใสไร้ไขมัน ไม่ใช่สลัดจานโต แต่อุดมไปด้วยมายองเนสหรือสลัดน้ำข้นอย่างเทาว์ซันไอซ์แลนด์ ที่อาจจะให้พลังงานมากว่าสเต็กปลา ๑ จานด้วยซ้ำ หลังจากสลัดจานใหญ่เชื่อว่ากระเพาะอาหารของคุณก็เกือบจะเต็มหมดแล้ว พอถึงอาหารจานเล็กจริงๆ คุณอาจจะรับประทานเพียงครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งเก็บกลับบ้านไปฝากคนอื่นก็ยังได้ ไม่จำเป็นต้องรับประทานให้หมดทีเดียว
และถ้าจะให้ดีทุกครั้งที่จะรับประทานอาหารที่บ้านหรือที่ไหนก็ตาม คุณควรเก็บอาหารมันๆ ไว้รับประทานสุดท้าย เลือกรับประทานอาหารที่ทำให้คุณอิ่มเร็ว อย่างพวกผักหรือผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงเสียก่อน นั่นคือ ก่อนที่จะไปงานปาร์ตี้อยากแนะนำให้คุณรับประทานผลไม้ที่มีกากเยอะๆ น้ำตาลน้อย อย่างพวกฝรั่ง มันแกว หรือแอปเปิ้ลสัก ๑ ผล ก็จะช่วยให้คุณอิ่มได้เร็ว รวมทั้งไฟเบอร์ยังไปช่วยยับยั้งการดูดซึมไขมันและน้ำตาล จึงเป็นการช่วยลดพลังงานส่วนเกินที่คุณอาจจะได้รับเข้าไปด้วย
ในขณะเดียวกันคุณก็ควรจะจัดอาหารในตู้เย็นรวมทั้งในห้องครัวด้วย ไม่ใช่เดินเข้าในห้องครัวปุ๊บ ก็เจอมันฝรั่งทอดสารพัดยี่ห้ออยู่ ๕-๑๐ ถุงวางไว้ทุกซอกทุกมุมที่มือจะเอื้อมไปถึง หรือเปิดตู้เย็นก็เจอแต่ช็อกโกแลต ขนมเค้ก ไอศกรีมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไขมัน หากแต่คุณควรจะเตรียมขนม ของว่างที่ไม่อ้วน เช่น เปลี่ยนจากมันฝรั่งทอดเป็นขนมปังกรอบชนิดไขมันต่ำ หรือเปิดตู้เย็นก็เจอแต่เบบี้แครอท ผลไม้หลากหลายชนิด เปิดตู้น้ำแข็งก็เจอองุ่นแช่เย็น ซึ่งคุณสามารถจะหยิบมาขบเคี้ยวแทนไอศกรีมได้อย่างเอร็ดอร่อย
วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร ก็ควรจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของขาวฝรั่งเศส คือรับประทานให้เป็นที่เป็นทาง นั่นคือ นั่งรับประทานกับโต๊ะในห้องรับประทานอาหารเท่านั้น ไม่ใช่หยิบอาหาร ๒ จานไปรับประทานในห้องดูทีวี หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ตไป ส่ง E-mail ไป ก็รับประทานไปด้วย เพราะนั่นจะทำให้คุณเพลิน จนรับประทานมากเกินความจำเป็น ขอให้เวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่คุณได้มีความสุขรื่นรมย์กับทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง ของอาหารอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้ เร็วกว่าการที่สายตาเพลินอยู่กับทีวีแต่ปากเคี้ยวๆๆ คุณจะอิ่มช้าลงและรับประทานได้มากเกินความจำเป็น คำแนะนำอีกประการหนึ่งจากคณะแพทย์ในเมืองนิวยอร์กก็คือ ขอให้รับประทานบ่อยๆ แต่ให้รับประทานมื้อเล็กๆ เรียกว่าทุกๆ ๓-๔ ชั่วโมงควรจะมีอาหารใส่เข้าปาก แต่ควรจะเป็นอาหารที่ไขมันต่ำแต่มีเส้นใยสูง อย่างพวกโยเกิร์ตไร้ไขมัน นมพร่องไขมัน ร่วมไปกับผลไม้สด เพราะการที่เขารับประทานบ่อยๆ แต่รับประทานทีละน้อยๆ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้ตลอดทั้งวัน ไม่โหยไม่หา ไม่อยากอาหารมันๆ ทอดๆ ขณะที่ถ้าคุณอดอยากปากแห้ง เพราะอยากจะให้น้ำหนักลดลงเหมือนสูตรของดาราหรือนางงามทั้งหลาย อดไปอดมาพอถึงมื้อเย็นคุณก็ไม่สามารถจะอดต่อไปได้ คราวนี้ก็ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว อะไรขวางหน้าก็รับประทานหมด และมีแนวโน้มที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งมีน้ำตาลสูง มากกว่าที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จริงๆ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้คุณไดเอ็ทหรืองดอาหารบางประเภทไปเลย เพราะนั่นยิ่งทำให้ร่างกายคุณโหยหามากยิ่งขึ้น อย่างเช่น คนที่ชอบรับประทานช็อกโกเลตเป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ได้ห้ามรับประทาน หรือถือว่าเป็นของต้องห้าม เพียงแต่เราอาจจะรับประทานช็อกโกเลตหลังอาหารมื้อค่ำสัก ๑ ชิ้น เป็นการให้รางวัลแก่ชีวิต ที่วันนี้คุณเป็นคนดีมาตลอดทั้งวัน ไม่ใช่รับประทานช็อกโกเลตกันทั้งถุงหมดในคราวเดียว
ระหว่างที่นั่งดูทีวี หรือคุณๆ ที่ชอบไอศกรีมก็เหมือนกัน ถ้าหากคุณชอบไอศกรีมที่หวานๆ มันๆ ให้พลังงานสูง ก็ขอแค่ถ้วยเล็กๆ เก็บไว้ติดบ้าน หลังมื้อเย็นคุณก็อาจจะตักรับประทานเพียงแค่ ๑ ช้อนชาเท่านั้น อมให้นานที่สุด ให้อาหารอยู่ในปากให้นานที่สุด เคี้ยวอาหารให้ช้าที่สุด เพื่อให้คุณได้รับรสชาติของอาหารอย่างเต็มที่
คำแนะนำที่สำคัญอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ อย่าหลงกลจากผู้ขายที่ว่าซื้อกล่องใหญ่จะได้ราคาถูกกว่ากล่องเล็ก เพราะถ้าคุณซื้อมันฝรั่งถุงใหญ่ คุณก็มีแนวโน้มที่จะรับประทานหมดเลยในครั้งเดียว เพราะเหตุรู้ดีอยู่แก่ใจว่า การเก็บเอาไว้ในมื้อต่อไปนั้นทำได้ยากยิ่ง มันฝรั่งทอดจะสูญเสียรสชาติ ไม่เอร็ดอร่อยเท่าเดิม ดังนั้นคุณอาจจะยอมเสียเงินเพื่อที่จะซื้ออาหารซองเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับมื้อเดียวครั้งเดียวเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเหลือเก็บไว้ แม้ว่าจะต้องจ่ายแพงขึ้นมาอีกสักนิดหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้คุณฝึกควบคุมตนเองดังนี้ ถ้าหากอยากจะรับประทานอาหารอะไรก็ตาม ให้คุณหยุดความอยากสัก ๑๐ นาที คุณอาจเดินไปเดินมาในบ้าน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ หยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน หรือจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่ง E-mail ทำอะไรก็ได้ ๑๐ นาทีหลังจากนั้น ส่วนใหญ่แล้ว ความอยากความโหยอาหารที่ว่านั้น มักจะหายไปเอง ยกเว้นว่าคุณขาดอาหารมานานเกิน ๔ ชั่วโมง นั่นคงเป็นความหิวจริงๆ ที่ร่างกายคุณต้องการอาหาร แต่ในเรื่องของความอยากสามารถหายไปได้ ถ้าหากคุณสามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน จิตใจคุณก็จะไม่หมกมุ่นอยู่กับอาหาร ทำให้คุณลดการรับประทานขนมขบเคี้ยวที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างดี
คำแนะนำอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ คนหลายๆ คนเวลาได้ดูทีวีเหมือนกับเราได้ผ่อนคลาย แต่เราก็อยากจะทำกิจกรรมอื่นๆ ไปด้วย ซึ่งหลายๆ คนกิจกรรมที่ทำพร้อมไปกับการดูทีวี มักจะเลือกขบเคี้ยวอาหารที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไขมันส่วนเกิน คำแนะนำคืออย่าให้มือคุณว่างอย่างเช่น อาจจะดูทีวีไปด้วยต่อจิ๊กซอร์ขนาด ๕๐๐ แผ่นไปด้วย หรืออาจจะถัก ไหมพรม ทาเล็บ ปักครอสติช ซึ่งมือจะได้ไม่ว่างพอที่จะหยิบอาหารเข้าปาก
เวลาที่ต้องไปรับประทานอาหารจำพวกบุฟเฟต์ คุณควรจะอยู่ให้ห่างโต๊ะอาหารให้มากที่สุด ควรจะสนุกสนานสร้างความสุขจากการสังคมกับเพื่อนฝูง พูดคุยกับเพื่อนฝูง มากกว่าที่จะสนใจกับอาหารตรงหน้า ถ้าจะให้ดีก็ควรจะมีเครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีพลังงานหรือมีพลังงานต่ำ อย่างพวกน้ำเปล่าหรือไดเอ็ทโค้ก แล้วดื่มน้ำให้มากๆ ตลอดเวลา กันคอแห้งจากการพูดคุย คุณก็จะรู้สึกอิ่มท้องได้ โดยที่ไม่ต้องรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น
หรือถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบรับประทานเพื่อที่จะผ่อนคลายความเครียด เห็นทีจะต้องหากิจกรรมอื่นๆ ทำแทน อย่างเช่น อาบน้ำอุ่น ถ้ามีอ่างอาบน้ำก็แช่น้ำอุ่นเปิดเพลงเบาๆ อ่านหนังสือสนุกๆ คุณก็จะเพลิดเพลินจนลืมรับประทานอาหารไปได้เลย ไม่อย่างงั้นก็ไปนั่งทำสมาธิ หรือไปออกกำลังกาย หรือโทรศัพท์ถามข่าวคราวเพื่อนฝูง ปากจะได้ไม่ว่างพอที่จะรับประทาน
คำแนะนำข้อสุดท้าย สำหรับคนที่มีแนวโน้มที่จะรับประทานเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุด แต่ทำได้ยากที่สุด นั่นก็คือ ควรหาเวลาออกกำลังกาย จากการวิจัยพบว่า คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารเกินอิ่ม หรือ Overeating น้อยกว่า ทั้งนี้เพราะการออกกำลังกาย จะทำให้สภาวะจิตใจและอารมณ์ของคุณสดชื่นอยู่ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการรับประทานอาหาร รวมทั้งคนที่ตั้งอกตั้งใจออกกำลังกาย เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนั้น จะมีแนวโน้มที่จะสนใจดูแลรักษาสุขภาพในแง่อื่นๆ ด้วย ทำให้คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ มักจะเป็นคนที่พินิจพิเคราะห์ พิจารณาอาหารก่อนที่จะรับประทานเข้าไป เรียกว่า ในเมื่อเสียเหงื่อ เหนื่อยกับการออกกำลังกายแล้ว ก็ควรจะเลือกว่าอาหารชนิดไหนที่ไม่ควรรับประทานเข้าไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นกับการรีดไขมันออกมา
หวังว่าคุณผู้อ่านคงได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการควบคุมตนเอง ไม่ให้เกิดภาวะ Overeating หรือรับประทานมากเกินความจำเป็นนะคะ
ที่มา : //www.sakulthai.com ภาพจาก : //www.fotosearch.com
สารบัญ ลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 20 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 13:17:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 858 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|