หลากวิธีกำจัดจุดอ้วน
สำหรับคนที่กำลังอยู่ระหว่างการลดน้ำหนัก ไม่ว่าคุณจะกำลังพอใจกับน้ำหนักที่ลดลงอย่างสม่ำเสมอ หรือกำลังท้อใจเพราะลดน้ำหนักเท่าไรก็ไม่ลงเสียที เรามีประสบการณ์ของพี่เลี้ยง 6 ท่านผู้จะมาบอกสูตร (ไม่) ลับลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรมชาติ และเทคนิคการสร้างกำลังใจที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ผลสมดังที่ตั้งใจค่ะ
อดขนม อดข้าว คุณณัฐพร อุ่นหิรัญสกุล อายุ 28 ปี นักแปลด้านกฎหมาย ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 107 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 92 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 6 เดือน แรงบันดาลใจ: “คิดว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้วจะมีปัญหาสุขภาพตามมา”
วิธีการ :
* งดขนมและของหวาน “ถ้าอยากกินของหวานก็จะกิน ผลไม้รสหวานน้อย เช่น องุ่น หรือแตงโมแทน และจะกินปริมาณน้อย อดขนมได้ 1 สัปดาห์ น้ำหนักลดลงไป 6 กิโลกรัม” * หักดิบข้าวเย็น การหักดิบข้าวเย็น ไม่ได้ยากเหมือนช่วงก่อนลดน้ำหนักที่เวลาหิวจะหิวจนตัวสั่น เพราะหลังจากที่งดอาหารจำพวกขนมในช่วงสัปดาห์แรกแล้ว ทำให้ระดับน้ำตาลไม่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จึงควบคุมความหิวได้ดีขึ้น * ออกกำลังกายเผาผลาญไขมัน เลือกการว่ายน้ำเพราะน้ำหนักตัวมาก วันแรกว่ายน้ำได้เพียง 10 นาที ก็เหนื่อย ต่อมาเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวก็ว่ายต่อเนื่องได้วันละ 1 ชั่วโมง
ปรับกระบวนอาหาร
คุณวรรณวิทยา เอี่ยมอ่อง อายุ 50 ปี แม่บ้าน ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 55 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 49 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 2 เดือน
แรงบันดาลใจ: “มีไขมันพอกพูนช่วงตัว หลัง และแขน ถ่ายรูปออกมาแล้วดูตัวกลม ไปตรวจสุขภาพประจำปีก็พบว่าระดับน้ำตาลสูง และคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้จะมีปัญหาสุขภาพแน่ๆ จนมาเรียนทำอาหารกับป้ายุง (คุณผกา เส็งพานิช) เห็นแกสวย สดใส รูปร่างดี และดูอ่อนกว่าวัย จึงอยากเป็นอย่างป้ายุงบ้าง”
วิธีการ : * บอกลาแป้งและน้ำตาล ช่วงลดน้ำหนักจะไม่กินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ทั้งข้าว อาหารเส้น และขนมทุกชนิดที่แต่เดิมชอบกินมาก ผลไม้ที่เคยกินได้ครั้งละเป็นกิโลก็เลิกกิน แต่เลือกกินโปรตีนแทน โดยเน้นปลา ดื่มนมถั่วเหลืองแบบไม่มีน้ำตาลเลย กินผักเยอะมาก แต่จะไม่กินผักที่เป็นหัวเพราะจะมีแป้งอยู่ และกินวิตามินซีเสริม อาหารทุกอย่างจะเน้นอาหารธรรมชาติแท้ๆ และไม่ปรุงแต่งรสชาติ
แอโรบิกฟิตหุ่น
คุณวรากร หมวดสิงห์ อายุ 27 ปี นักวิชาการโสตทัศนศึกษา ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 103 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 78 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 9 เดือน
แรงบันดาลใจ: “ตอนซ้อมรับปริญญา เกิดรับผิดจังหวะ เพราะก้าวเดินช้า ทำให้อาจารย์เรียก “ไอ้อ้วน” ดังลั่นหอประชุม รู้สึกอายมาก อีกเรื่องคือตอนไปซื้อเสื้อผ้า บ่อยครั้งที่แค่จับดูยังไม่ได้ถามอะไร คนขายก็จะพูดว่าไซส์น้องไม่มีนะ เราก็เลยตั้งใจว่าวันหนึ่งจะใส่เสื้อไซส์เอ็มให้ได้”
วิธีการ :
* เริ่มต้นด้วยการควบคุมอาหาร เริ่มควบคุมอาหารโดยลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล กินข้าวมื้อละ 1 ทัพพี และลดปริมาณกับข้าวลง เลือกกินผัก มื้อเย็นกินผลไม้แทน ภายใน 2 เดือนครึ่ง น้ำหนักลดลงจนเหลือ 90 กิโลกรัม แล้วค่อยเริ่มออกกำลังกาย * แอโรบิกฟิตหุ่น เริ่มเต้นแอโรบิก โดยไม่หักโหมด้วยการวอร์มอัพ ซึ่งเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ แล้วเต้นต่อในท่าเต้นที่ยังไม่ต้องออกแรงมาก
ปรับเวลากินสลายไขมัน
คุณณัฐนันท์ รู้จำ อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยตลาด ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 53 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 47 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 1 ปีครึ่ง
แรงบันดาลใจ: “เมื่อก่อนเห็นเพื่อนๆ ที่ผอมสามารถใส่เสื้อผ้าตัวเล็กๆ แล้วสวย ขณะที่เราอ้วนใส่แล้วคับ พุงเป็นห่วงยางและดูไม่สวย ส่วนตัวเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว จึงตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เพื่อจะใส่เสื้อผ้าสวยๆ แบบที่เราชอบได้ค่ะ”
วิธีการ :
* ปรับเวลาการกิน กินอาหารครบทั้ง 3 มื้อ แต่เลื่อนเวลากินข้าวมื้อเย็นให้เร็วขึ้นจากเดิม 3-4 ทุ่ม เป็นเวลาก่อน 6 โมงเย็น และหลังจากนั้นเป็นต้นไปจะไม่กินอาหารอะไรอีก ทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากช่วยให้น้ำหนักลดลงแล้วยังรักษารูปร่างให้คงที่ได้ * รับมือกับอาการหิวกลางดึก ช่วงแรกของการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ อาจทำให้รู้สึกท้องโหวงหรือหิวกลางดึกได้ จะใช้วิธีกินโยเกิร์ตหรือดื่มนมเปรี้ยวสักขวดเล็กๆ แทน แต่หลังจากปรับตัวได้ประมาณ 3-4 เดือน จะไม่หิวมื้อดึกอีก * เพิ่มมื้ออาหารเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมเมนูสุขภาพในทุกมื้ออาหาร อย่างส้มตำ สลัดผลไม้ และน้ำพริกกินกับผักลวกจิ้มชนิดต่างๆ เช่น ข้าวโพดอ่อนหรือดอกแคลวก และหลังมื้อเที่ยงก็เปลี่ยนจากการกินขนมกรุบกรอบมาเป็นกินผลไม้ เช่น สับปะรดหรือมะม่วงแทน
หักดิบเพื่อหุ่นสวย
คุณรัตนา แสงสุวรรณ อายุ 43 ปี ผู้จัดการฝ่ายสำนักงาน ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 52 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 42.7 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 3 สัปดาห์
แรงบันดาลใจ: “เวลาขับรถแล้วรู้สึกว่าพุงติดพวงมาลัย ใส่ชุดเดิม กางเกงยีนส์และเสื้อทุกแบบไม่ได้ เพราะใส่แล้วอึดอัด หายใจไม่สะดวก เวลานั่งต้องนั่งตัวตรงอยู่ตลอดเวลา พอเดินไปไหนเริ่มไม่มั่นใจ จึงคิดว่าลดน้ำหนักดีกว่า”
วิธีการ :
* หักดิบหนึ่งในสามมื้อ ช่วงหักดิบจะเลือกอดมื้อใดมื้อหนึ่งในวันธรรมดา โดยจะเลือกอดระหว่างอาหารมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น แต่ในวันเสาร์และอาทิตย์จะกินตามปกติพร้อมกับสามีทั้งสามมื้อ เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ภายในครอบครัว แต่จะปรับลดปริมาณอาหารให้น้อยลง * ลดปริมาณเพื่อปรับสมดุลน้ำหนัก เมื่อใช้วิธีหักดิบประมาณ 3 สัปดาห์ น้ำหนักจะลดลงฮวบฮาบจากเดิม 52 กิโลกรัมเป็น 42.7 กิโลกรัม หลังจากนั้นจะปรับสมดุลน้ำหนักให้เหมาะสมด้วยการปรับขนาดมื้ออาหาร โดยกินให้ครบทั้งสามมื้อ เพื่อไม่ทำลายสุขภาพและรักษาน้ำหนักให้คงที่ตามต้องการ เช่น ต้องการน้ำหนัก 45 กิโลกรัม * อยากหุ่นเพรียวต้องเคี้ยวช้าๆ เริ่มฝึกการกินช้าๆ หรืออย่างที่ชีวจิตแนะนำให้เคี้ยวอาหารคำละ 50 ครั้ง จะช่วยให้ความอยากอาหารลดน้อยลง เพราะตามปกติเมื่ออาหารตกสู่กระเพาะแล้ว จะมีสัญญาณจากกระเพาะส่งไปยังสมอง เพื่อให้รับรู้ว่าอิ่ม ซึ่งใช้เวลานาน 20 นาที ทีนี้ต่อให้อาหารอร่อยแค่ไหนก็ตาม เราจะรู้สึกอิ่มแล้ว * เลิกพฤติกรรมทำลายสุขภาพ ช่วงที่หักดิบจะเลิกกินจุบจิบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำหวาน กาแฟ ขนมกรุบกรอบ และของหวานทั้งหลาย รวมถึงอาหารมื้อดึก * ขอความร่วมมือจากคนรอบข้าง อย่าลืมบอกคนใกล้ตัวทุกๆ คน ทั้งคนในครอบครัว อย่างสามี ตลอดจนเพื่อนๆ ที่ทำงานซึ่งกินข้าวด้วยกันเป็นประจำว่าช่วงนี้เรากำลังลดน้ำหนัก เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าต่อไปนี้เราจะอดหรือปรับลดปริมาณอาหาร ที่สำคัญพวกเขาจะได้ให้ความร่วมมือ เช่น สามีต้องเลิกซื้อข้าวหรือบะหมี่มาให้กินตอนกลางคืน * ออกกำลังกายเฉพาะส่วน ต้องการให้ขาดูเรียว เล็กจะทำท่าบริหารต้นขา เริ่มจากยืนตรง ยกขาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นตั้งฉาก 90 องศากับพื้นดิน แล้วยกค้างไว้ประมาณ 10-15 นาที พยายามฝืนจนกระทั่งเมื่อยเล็กน้อย ก่อนสลับขาทำอีกข้างหนึ่ง สามารถทำท่านี้พร้อมกับทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ เช่น อาบน้ำ สระผม ยืนซักผ้า
สวยสั่งได้ด้วยโยคะ
คุณชมพูนุช คงมงคล อายุ 30 ปี นักเขียน ก่อนลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 63 กิโลกรัม หลังลดน้ำหนัก: น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก: 10 ปี น้ำหนักลดลง 13 กิโลกรัม
แรงบันดาลใจ: “สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง แต่เขาบอกไม่ชอบเรา เพราะอ้วนเกินไป ทำให้เราเสียใจมาก รู้สึกไม่มีความมั่นใจ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราอยากลดน้ำหนัก”
วิธีการ :
* ฝึกโยคะไล่ความอ้วน เริ่มต้นฝึกโยคะท่าพื้น ฐานง่ายๆ ฝึกวันละ 3 ท่า ท่าละ 10 ครั้ง เช้าและเย็น ทุกครั้งที่ฝึกท่าหนึ่งเสร็จจะพักด้วยท่าศพอาสนะประมาณ 1 นาที จึงเริ่มต้นฝึกต่อในท่าถัดไป * สั่งสมองลดอ้วน เมื่อก่อนเราเคยชอบกินอาหาร หวานๆ มันๆ แต่หลังจากฝึกโยคะแล้วจะปรับพฤติกรรมตัวเองเสียใหม่ ด้วยการสั่งสมองทุกครั้งก่อนกินว่า ฉันไม่ชอบกินของหวาน ไม่กินทุเรียน ไม่กินกะทิ และไม่กินของทอด จนกระทั่งทุกวันนี้ก็สามารถเลิกกินอาหารดังกล่าวได้อย่างเด็ดขาด
ข้อมูลโดย : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 273 ที่มา : //www.cheewajit.com
สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 14 กรกฎาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 12:53:19 น. |
Counter : 1037 Pageviews. |
|
|
|
น่าสนใจทุกสูตรเลย ^^