นักโภชนาการแนะ “กินอย่างสมดุล” ช่วยมีสุข
* อาหารเผยเคล็ดลับห่างไกลโรคอ้วนแบบอร่อยได้อร่อยดี
โรค อ้วนมักเดินสวนทางกับการกิน แต่วันนี้นักโภชนาการเปิดเคล็ดลับห่างไกลโรคอ้วนแบบอร่อยได้อร่อยดี โดย รศ.ดร.ปรียา ลีฬหกุล อาจารย์นักโภชนาการแนะว่า คนไทยทุกคนสามารถหลีกหนีภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วนโดยยังสามารถอร่อยได้ อร่อยดีอยู่ โดยไม่ขัดกับการใช้ชีวิตประจำวัน และยังมีความสุขกับการกินได้
รศ.ดร.ปรียา ผู้มีประสบการณ์การทำงานด้านการป้องกันและรักษาโรคด้วยอาหารมากกว่า 20 ปี กล่าวว่า "น้ำหนักของคนเราจะอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ เมื่อพลังงานที่ได้รับจากอาหารสมดุลกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน ทั้งนี้หมายความว่า เมื่อพลังงานสมดุลก็จะไม่เหลือเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมัน ซึ่งก็คือที่มาของภาวะน้ำหนักเกินและความอ้วนนั่นเอง ไม่ต้องไปกังวลกับตัวเลขว่าจะต้องกินวันละกี่กิโลแคลอรี ขอเพียงชั่งน้ำหนักทุกวัน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงว่าได้พลังงานพอไม่มากหรือน้อยไป"
รศ.ดร. ปรียายังได้เน้นความสำคัญของพลังงาน ที่ได้รับจากการรับประทานอาหารว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย รวมถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารอย่างสมดุล ที่ช่วยให้เรามีความสุข และมี สุขภาพแข็งแรง
"ความสมดุลของพลังงานนั้น เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน และปัญหาสุขภาพที่จะตามมา ทั้งนี้ ส่วนประกอบของอาหาร ที่เราบริโภคเข้าไปมีผลการสะสมของพลังงานในร่างกาย"
"คู่มือสำหรับลดน้ำหนัก มักจะแนะนำให้ลดทั้งไขมันและน้ำตาลซึ่งค่อนข้างทำได้ยาก ดังนั้น การกินน้ำตาลบ้างร่วมกับอาหารไขมันต่ำจะทำให้อาหารนั้นยังอร่อยอยู่ และง่ายต่อการปฏิบัติตาม
นอกจากนี้จากผลงานวิจัยที่ได้ศึกษาพบว่า การกินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล จะให้ความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ดี ในขณะที่การกินอาหารพลังงานสูงๆ โดยเฉพาะที่มาจากไขมัน รวมทั้งการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมาก เช่น นั่งทำงานอยู่ตลอด เป็นสองปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน"
จากการสำรวจภาวะโภชนาการแห่งชาติครั้งที่ 5 ระหว่างปี พ.ศ.2546-2547 ซึ่งรายงานในที่ประชุม โดยผู้อำนวยการกองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข พญ.แสงโสม สินาวัฒน์ พบว่า ร้อยละ 31.5 ของคนไทยในวัยทำงาน อายุ 15-59 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และวัยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พบร้อยละ 23.8
และจากการศึกษาสัดส่วนพลังงานจากอาหารที่คนไทยในวัย 6 ขวบถึง 65 ปีขึ้นไปได้รับในแต่ละวัน ซึ่งทำการศึกษาโดย ผศ.ดร.นิภา โรจน์รุ่งวศินกุล สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งนำเสนอในที่ประชุมนี้ด้วยพบว่า คนไทยอายุระหว่าง 20 ปีถึง 64 ปี โดยเฉลี่ยปัจจุบันในแต่ละวันได้รับพลังงานจากอาหารประเภทต่างๆ เป็นสัดส่วนร้อยละ 63.4 จากคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปของข้าวและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช บวกกับพลังงานร้อยละ 2.1 ที่ได้มาจากน้ำตาลทราย นอกจากนี้ยังมีพลังงานส่วนน้อยที่มาจากคาร์โบไฮเดรตในเครื่องดื่ม (1.4%) และผลไม้ (1.1%)
เมื่อ รวมแล้วพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ที่คนไทยบริโภคในแต่ละวันคิดเป็นร้อยละ 66.9 ดังนั้น เมื่อพิจารณาการเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในคนวัยทำงาน สาเหตุหนึ่งที่สำคัญคือ การกินอาหารประเภทที่ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต (อาหารประเภทข้าวและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช) มากเกินไป
รศ.ดร. ปรียาให้ความเห็นว่า โดยปกติเราควรได้พลังงานโดยรวมจากสารอาหารคาร์โบไฮเดรตประมาณร้อยละ 45-65 ของพลังงานทั้งหมด ในแต่ละวัน ซึ่งร้อยละ 15 ควรจะได้มาจากน้ำตาลที่มีอยู่โดยธรรมชาติในอาหารนั้นๆ และไม่เกินร้อยละ 10 มาจากน้ำตาลที่เติมในอาหารและน้ำตาลในเครื่องดื่ม
ดังนั้น เพื่อลดอัตราการเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ควรแนะนำให้ลดปริมาณการกินอาหารประเภทข้าวและธัญพืชลง พร้อมกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เช่น การออกกำลังกายแบบง่ายๆ คือ เดินอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีทุกวัน ก็จะช่วยการสลายไขมันที่สะสมในร่างกายได้ดี
ที่มา ://www.thaihealth.or.th/node/5695 ภาพจาก ://www.grocerystorediet.com/about/
สารบัญ บทความเรื่อง ไดเอท ที่มีในบล็อกค่ะ คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 03 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 12:25:19 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1213 Pageviews. |
|
|
|