Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
สูตร (ไม่) ลับลดอ้วนฉบับชีวจิต

สูตร (ไม่) ลับลดอ้วนฉบับชีวจิต

จุดเริ่มต้นของความอ้วน
จากกระแสวัฒนธรรมต่างๆ จากโลกตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของคนไทย
รวมถึงพฤติกรรม การกินที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก คนกินผักน้อยลง
แต่หันไปกินอาหารขยะ ทั้งแป้งขาว ไขมัน และน้ำตาลมากขึ้น
ขณะที่กิจกรรมต่างๆ ก็ไม่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ส่งผลให้ร่างกายสะสมแคลอรีมากขึ้น
ซึ่งสวนทางกับการขับของเสียออกจากร่างกายที่ไม่สมดุลกัน


ความอ้วนก่อโรค
ตามธรรมชาติทั่วไปแล้วคนอ้วนมักติดนิสัยการกินอาหารจำพวกของหวาน ของทอด ของมัน
ซึ่งอาหารพวกนี้เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วมักจะย่อยไม่หมด อาหารพวกนี้จะกลายเป็นไขมันไปเกาะอยู่ที่ตับ
ซึ่งตับมีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน เก็บสำรองอาหาร และขจัดสารพิษที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
เมื่อตับถูกทำลายจะส่งผลให้น้ำหนักผิดปกติ เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นถึงขั้นอ้วนยังเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค
เช่น โรคหัวใจ,โรคหลอดเลือดสมอง,โรคเบาหวาน, รคเกี่ยวกับข้อ, โรคความดันโลหิตสูง,โรคตับ
และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ยังไม่นับรวมเรื่องของโรคเล็กๆ น้อยๆ เช่นไมเกรน, ภูมิแพ้ และไข้หวัด นอกจากนี้ความอ้วนยังส่งผลให้แก่เร็วขึ้น
และที่สำคัญคือจะย่นอายุของเราให้สั้นลง ส่งผลให้ความเครียดพอกพูนขึ้นเป็นเงาตามตัวจนยากที่จะหาทางแก้ไข



สุขภาพใจใครว่าไม่สำคัญ

เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่ปัญหาทางด้านร่างกายเท่านั้นที่คุกคามศักยภาพของคนอ้วน
เพราะส่วนใหญ่คนเหล่านี้ ล้วนมีปมในใจ โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาทางด้านสุขภาพจิตนั้นคนอ้วนมีค่อนข้างสูง
ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้

* มีความกังวล ขาดความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง

* ซึมเศร้า นานเข้าก็จะกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโห อ่อนเพลีย และซึมเศร้า
เกิดความเบื่อหน่าย ปราศจากจุดมุ่งหมายในชีวิต

* สะสมเป็นความเครียด เกลียดการเข้าสังคม พอเครียดมากๆ ก็จะกิน ยิ่งกินก็ยิ่งเครียด เพราะยิ่งอ้วน
ที่สุดก็พยายามหาทางออกให้ตัวเองในทางที่ผิด และต้องเสียเงินเข้าคอร์สลดความอ้วนตามคลินิกต่างๆ



ลดอ้วนด้วยตัวเอง

การลดน้ำหนักแบบชีวจิตนั้น นอกจากจะเน้นในเรื่องอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควบคู่กับการทำสมาธิ หรือรีแล็กเซชั่นก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ

การออกกำลังกายให้ได้ผลต้องให้ถึงพีค กล่าวคือ จนเหงื่อโทรมกาย รู้สึกเหนื่อย หัวใจเต้นแรง
ชีพจรเต้น 120 ครั้งต่อนาที เมื่อถึงพีคร่างกายจะได้ยาวิเศษหรือได้รับสารแห่งความสุข
นั่นคือโกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและมีความสุข
เพราะฉะนั้นควรจะหาเวลาออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ให้ถึงพีค


เทคนิคการออกกำลังกายสำหรับคนอ้วน

* พยายามออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ได้วันละ 30 นาที
* พยายามเดินให้มากขึ้น เพราะการเดินเป็นการเริ่มต้นที่ดี
* เพิ่มการเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
* หลังจากเริ่มต้นการออกกำลังกายด้วยการเดินแล้ว ให้ออกกำลังกายที่เป็นแบบแผนมากขึ้น
โดยเลือกออกกำลังกายตามที่สนใจ

* ควรออกกำลังกายในขณะที่ร่างกายพร้อมเท่านั้น และทำอย่างต่อเนื่องให้เป็นกิจวัตร
* รีแล็กเซชั่น (Relaxation) จะเน้นในเรื่องของสมอง ด้วยการฝึกร่างกายให้ผ่อนคลาย
เพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย และสมองดีขึ้น
นอกจากนั้นจิตใจที่แน่วแน่จะสามารถติดต่อกับสมองส่วนกลางได้
แล้วจะสามารถบังคับส่วนที่เป็นนิสัยเกี่ยวกับเรื่องกินได้


เทคนิคในการกินให้น้อยลง

* จำกัดตัวเองในการออกไปกินเลี้ยงนอกบ้าน
* ไม่ซื้ออาหารตุนไว้เต็มตู้ หรือวางของกินล่อตาล่อใจ
* ตักอาหารครั้งละน้อยๆ เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องเติมข้าวอีกเพราะกับข้าวเหลือ
* ฝึกเคี้ยวอาหารช้าๆ จะช่วยให้อาหารละเอียดและกินได้น้อยลง
* กินให้พออิ่ม ไม่ใช่อด และกินให้หลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ


ทฤษฎีแมคโครโบติกส์ ระบุว่า
คนที่กินแล้วยังอยากโน่นอยากนี่ แปลว่าอาหารที่กินเข้าไปไม่มีสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ
ดังนั้นจึงควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ครบคุณค่าทางโภชนาการ ร่างกายจะเกิดความสมดุล อิ่มพอดี
ไม่กระวนกระวายหาอะไรกินอีก

การลดน้ำหนักโดยการกินอาหารน้อยๆ จะทำให้เกิดอาการเฉื่อยชา ง่วงงุน ไม่ชอบเดินไปไหน
นั่นเป็นเพราะร่างกายจะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง
การควบคุมอาหารจะทำให้การเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง
ซึ่งผลก็คือทำให้เป็นการยากที่จะลด น้ำหนักลงได้เร็วขึ้น



สูตร (ไม่) ลับไดเอทฉบับชีวจิต

สืบเนื่องมาจาก ที่อาจารย์สาทิสได้คิดค้นสูตรอาหารลดความอ้วนแบบชีวจิต
และได้ทดลองกับเหล่าคนอ้วน ที่เคยไปเข้าคอร์สอุดมสมบูรณ์ที่เชียงใหม่
ปรากฏว่ามีคนอ้วนที่สามารถลดน้ำหนักเพราะสูตรอาหารดังกล่าวกว่า 5 - 6 กิโลกรัม
บางคนน้ำหนักลดลงภายในเวลาไม่กี่วันกว่า 10 กิโลกรัม

อาหารลดความอ้วนแบบชีวจิตขนานแท้จะมีอยู่ 2 สูตรให้เลือกกินและเลือกปฏิบัติให้เหมาะกับตนเอง
ลองมาดูกันเลยค่ะว่า เป็นอย่างไร

สูตร 1 สำหรับคนที่อยากสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ไม่เน้นเรื่องของความสวยงาม

สัดส่วนของอาหารดังนี้

* อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
* ผักสดหรือผักสุก ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
* โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ

* เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดพืชกินเล่นจำพวกเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง
รวมทั้งผลไม้ต่างๆ ที่มีรสไม่หวาน เช่น มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะม่วงดิบ ส้มเขียวหวาน ส้มโอ
นอกจากนี้ก็ยังมีจำพวกซุปฟักทอง มิโซซุปมื้อละถ้วยเล็กๆ แกงจืดหรือแกงเลียง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์


สูตรที่ 2 เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมีรูปร่างสวยงามสมส่วน
คนที่เป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวานก็สามารถใช้สูตร นี้ได้เช่นกัน

สัดส่วนของอาหารดังนี้

* อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
* ผักสดหรือผักสุก ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
* โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตรประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ

* เบ็ดเตล็ด (รับประทานเช่นเดียวกับสูตรแรก)


ตัวอย่างเมนูอาหารในแต่ละมื้อ

* มื้อเช้า
ได้แก่ จำพวกข้าวต้มอาร์.ซี. หรือข้าวต้มกล้อง ปลาตัวเล็กทอด ต้มจับฉ่าย ยำเห็ดรวมมิตร คะน้าปลาเค็ม

* มื้อกลางวัน
ได้แก่ ข้าวสวยกล้อง ผัดผัก น้ำพริกหรือลาบปลาทูน่า และผักสดผักต้มสำหรับจิ้มน้ำพริก
พยายามหาเมนูที่ทำให้ได้กินผักเยอะๆ เพราะจะทำให้ระบบขับถ่ายคล่อง

* มื้อค่ำ
ควรเป็นอาหารเบาๆ ย่อยง่าย จำพวกซุปฟักทอง มิโซซุป เป็นต้น เพราะมื้อค่ำไม่ควรกินเมนูหนักเกินไป

หากรู้สึกหิวในช่วงกลางคืนหรือช่วงก่อนเข้านอน ให้กินกล้วยน้ำว้าทดแทนประมาณ 1-2 ลูก
เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารไฟเบอร์ ที่สามารถละลายไปเคลือบผิวกระเพาะอาหาร
ทำปฏิกิริยากับกรดทำให้เกิดสารเจลาติน ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ความอยากอาหารก็จะลดลง


ข้อมูลโดย : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 143
ที่มา : //www.cheewajit.com


สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 17:08:05 น. 1 comments
Counter : 5487 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ ข้อมูลดีๆๆๆ


โดย: pa_jeab วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:11:07:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.