Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
ไม่อยากอ้วนอมโรค ลด "หวาน มัน เค็ม"



รสชาติอาหารแบบ "หวาน มัน เค็ม" เป็นที่ถูกใจทั้งวัยเด็ก วัยใสและผู้ใหญ่
อาหารอร่อยลิ้นกินเพลินจนส่งผลกับสุขภาพ และกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่หน่วยงานด้านสุขภาพของไทย
ต้องออกมาช่วยกันรณรงค์พฤติกรรมการกินที่ดีกับสุขภาพ

ล่าสุดกรมอนามัยจับมือกับภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ส่งเสริมให้คนไทยมีพฤติกรรมการกินที่ถูกต้อง
ภายใต้โครงการ "กินเป็น เน้นผัก ผลไม้ ระวังภัยหวาน มัน เค็ม"
โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุนงบประมาณ

ปัญหา "หวาน มัน เค็ม" ใหญ่ขนาดต้องรณรงค์ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่นั้น
นพ.สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมอนามัยระบุว่า
ตอนนี้ทุก 1 ชั่วโมง คนไทยจะตายเพราะโรคหัวใจและหลอดเลือด 5 คน หรือปีละ 40,092 คน
และโรคหลอดเลือดหัวใจทำให้คนไทย 40.2% มีภาวะไขมันในเลือดสูง
และ 29.6% มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง อีก 34.0% มีภาวะความดันโลหิตสูง
และคนที่เสี่ยงกับโรคเหล่านี้มากที่สุดคือ คนที่อ้วนลงพุง ซึ่งคนไทยที่อ้วนลงพุงมีถึง 8.2 ล้านคน

ด้าน รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยข้อมูลชวนตกใจว่า
เด็กไทยทุกวันนี้กินผักกันวันละ 1 ช้อนครึ่ง ในขณะที่ควรจะต้องกินผักประมาณ 12 ช้อน หรือ 3-4 ทัพพี
ส่วนผู้ใหญ่ก็กินผักน้อยไม่แพ้กันแค่วันละ 2 ช้อนครึ่ง ทั้งที่ต้องกินผักประมาณ 24 ช้อน หรือ 6 ทัพพี

ส่วนเรื่องการกินหวานก็มีรายงานการวิจัยหลายชิ้นออกมาว่า คนไทยกินน้ำตาลกันปีละ 29 กิโลกรัมต่อคน
หรือกินน้ำตาลกันวันละ 20 ช้อนชาต่อคน มากกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้แนะนำเอาไว้ว่า
ไม่ควรจะกินน้ำตาลเกิน 10% ของพลังงานที่ใช้ทั้งวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชาต่อวัน ถ้าเป็นผู้ใหญ่
แต่ถ้ายังเด็กก็ไม่ควรจะเกิน 4 ช้อนชาต่อวัน ทั้งที่พลังงานจากน้ำตาลเป็นพลังงานสูญเปล่า กินแล้วอ้วน
อย่างน้ำอัดลม 1 แก้ว จะมีน้ำตาลประมาณ 8 ช้อนชา
หรือถ้าเป็นน้ำอัดลมกระป๋องก็มีน้ำตาลประมาณ 12 ช้อนชาต่อกระป๋อง

สำหรับอาหารมันๆ นั้น จากการสำรวจที่สถาบันราชภัฏแห่งหนึ่ง
ว่านักศึกษาชอบกินอาหารประเภทไหนมากที่สุด ก็ได้ผลที่ไม่น่าแปลกใจว่าชอบอาหารทอดและผัด
สะท้อนให้เห็นว่าวัยรุ่นชอบกินอาหารที่มีไขมันกันมาก
นี่ยังไม่นับรวมไขมันที่แทรกตามเนื้อสัตว์ในอาหารจานโปรดของหลายคน
เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูกรอบ ที่มันไม่น้อยหน้ากัน

เรื่องความเค็มที่ไม่ใช่ความงกนั้น คนไทยก็ไม่น้อยหน้า เพราะกินทั้งเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว วันละหลายช้อนชา
จนทำให้ปริมาณโซเดียม ที่จะถูกขับออกทางปัสสาวะของคนไทยเฉลี่ยพุ่งสูง
จนคาดว่าคนไทยกินโซเดียมไม่ต่ำกว่า 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ทั้งที่ปริมาณแนะนำคือ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือถ้าคิดเป็นปริมาณเกลือก็ประมาณ 10 กรัมต่อวัน

เมื่อคนไทยชอบกินทั้งหวาน มัน เค็ม เลยส่งผลให้รูปร่างอ้วนกลม ลงพุง ความดันสูง โรคเบาหวาน
หลอดเลือดถามหากันเป็นแถว ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนรับรู้อยู่แล้ว
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ คนที่นิยมกินอาหารมันๆ ในระยะยาวจะเกิดเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดเลือด
ซึ่งเป็นโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็น ยิ่งกินผักผลไม้กันน้อยยิ่งเกิดโรคได้ง่ายขึ้น

ปัญหาการกินที่ไม่ถูกอนามัย แบบนี้แก้ไขได้ง่ายมาก แค่ไม่ตามใจปาก
งดอาหารหวาน มัน เค็ม เติมผัก ผลไม้ ให้มากขึ้น
เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหลายคนยังตัดใจจากรสชาติอาหารสุดโปรดไม่ได้สักที

แต่ถ้าคิดให้ดี ถ้าไม่อยากอ้วนอมโรค เป็นฮิปโป หมูพะโล้ ช้างน้ำ หรือรถถัง ให้ใครพูดถึงด้วยวาจา
หรือส่งสายตามามองดูแคลน ต้องงด หวาน มัน เค็ม เติมเต็มด้วยผัก ผลไม้
ที่นอกจากจะได้หุ่นสวย สุขภาพดี แถมยังช่วยให้ห่างไกลโรงหมออีกด้วย


ข้อมูลโดย : //www.matichon.co.th
ที่มา : //www.dmh.go.th
ภาพจาก : //www.fotosearch.com


สารบัญ ลดอ้วน ลดน้ำหนัก


Create Date : 18 พฤษภาคม 2554
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 13:16:05 น. 1 comments
Counter : 1389 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ จ้า


โดย: ameijang - มี่ วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:30:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.