ภารกิจควบคุมอารมณ์ พิชิตโรคอ้วน
การลดน้ำหนักในระยะยาวจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ขณะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกาย หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ จะทำให้ล้มเลิกความคิดในการลดน้ำหนักไปในที่สุด
หลักในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกขณะลดน้ำหนัก
พยายามหลีกเลี่ยงการไปศูนย์อาหารหรือจุดที่มีอาหาร เพื่อจะได้ไม่กระตุ้นให้เราหิวหรืออยากชิมอาหาร หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าพยายามนึกถึงความอร่อยหรือรสชาติของอาหารเหล่านั้น
เมื่อพบเห็นอาหารต้องพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้อยากลองหรือบริโภคมากเกิน โดยต้องมีสติพร้อมทั้งต้องระลึกไว้เสมอว่า หากบริโภคอาหารจะทำให้เราอ้วนขึ้น
ต้องทำความเข้าใจกับครอบครัวและคนรอบข้าง ถึงความจำเป็นในการลดน้ำหนัก เพื่อคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจขณะลดน้ำหนัก รวมทั้งไม่ซ้ำเติมหรือยั่วให้เราบริโภคอาหารเกิน
วิธีฝึกการหายใจเพื่อคลายเครียด
ตามปกติคนทั่วไปจะหายใจตื้นๆ ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยกว่าที่ควร ยิ่งเมื่อเกิดอาการเครียด การหายใจก็จะถี่และตื้นกว่าเดิม
การฝึกให้หายใจช้าๆ ลึกๆ อย่างถูกวิธี จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง การเผาผลาญอาหารสมบูรณ์ขึ้น ความดันโลหิตลดลง สมองแจ่มใส ความเครียดลดลง และอารมณ์ดีขึ้น
วิธีการฝึก
▲ นั่งในท่าที่สบาย หลับตา ค่อยๆ หายใจเข้า พร้อมกับนับเลข 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้าๆ 1... 2... 3... 4... ให้รู้สึกว่าท้องพองออก
▲ กลั้นหายใจไว้ชั่วครู่ นับ 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้าๆ เช่นเดียวกับเมื่อหายใจเข้าค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก โดยนับ 1 ถึง 8 อย่างช้าๆ 1... 2... 3... 4... 5... 6... 7... 8... พยายามอย่าไล่ลมหายใจออกมาให้หมด สังเกตว่าหน้าท้อง แฟบลงทำซ้ำอีก โดยหายใจเข้าช้าๆ กลั้นไว้แล้วหายใจออก โดยช่วงเวลาที่หายใจออกให้นานกว่าช่วงเวลาหายใจเข้า
เคล็ดลับการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก
● มีความเชื่อมั่นต่อการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและออกกำลังกาย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง
● หาแหล่งจูงใจหรือเหตุผลในการลดน้ำหนักแก่ตัวเองเสมอ และเตือนตัวเองเป็นระยะ
● ตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก รวมถึงเป้าหมายในการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างชัดเจน แต่ต้องมีลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หากทำได้ถึงเป้าหมายก็ค่อยๆ เพิ่มเป้าหมายขึ้นทีละน้อยจนถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการลดน้ำหนัก
● การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไม่ใช่การอดอาหาร สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงแรกร่างกายยังปรับตัวไม่ได้อาจรู้สึกหงุดหงิด หรือหิว แต่ถ้าปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอาการเหล่านี้จะหายไป เช่นเดียวกับการออกกำลังกายหากทำต่อเนื่องก็จะเคยชิน
● ให้สะกดใจตัวเองและระลึกไว้เสมอว่า หากกินอาหารมากเท่าใด มื้อต่อๆ ไปก็จะยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงควรกินอย่างเหมาะสมทุกมื้อ อย่างดบางมื้อหรือกินหนักเป็นบางมื้อ
● หากรู้สึกหิว ให้เปลี่ยนอิริยาบถหรือหากิจกรรมอื่นทำแทน เพียง 10 นาทีก็จะหายหิว หากไม่ดีขึ้นให้บริโภคน้ำ หรือน้ำซุปเพื่อบรรเทาอาการหิว
● อย่าพยายามอดอาหาร เพราะจะทำให้มื้อถัดไปหิวมาก และอาจบริโภคอาหารในปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
● หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสิ่งกระตุ้น ที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมความหิวได้ เช่น การไปงานเลี้ยง การไปร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรมีการวางแผนล่วงหน้า และอย่าเสียดายของเหลือ ควรนึกถึงสุขภาพก่อน
● หาคำพูดและวิธีการในการปฏิเสธอาหารที่ผู้อื่นยื่นให้ หรือคะยั้นคะยอให้บริโภคต่อ เช่น เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน หมอสั่งห้ามไว้ เดี๋ยวจะอ้วนหมอจะว่าเอา เป็นต้น
● อธิบายให้ครอบครัวและเพื่อน ทราบถึงความจำเป็นในการลดน้ำหนัก และขอให้บุคคลต่างๆ ช่วยเหลือในการลดน้ำหนักให้ประสบผลสำเร็จ
ข้อมูลโดย : กองโภชนาการ สำนักอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่มา : //www.thaihealth.or.th
สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 30 มิถุนายน 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 30 มิถุนายน 2553 17:15:59 น. |
Counter : 1217 Pageviews. |
|
|
|