กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส (Phalaenopsis)
 https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=multiple ขอบคุณ อ. เต๊ะ เจ้าของภาพด้วยค่ะ
กล้วยไม้สกุลฟาแลนนอปซิส (Phalaenopsis) มีประมาณ 60 ชนิด ชื่อดั้งเดิมมาจากภาษากรีกคำว่า ฟาไลนา (phalaina) หมายถึง "ผีเสื้อกลางคืน" และคำว่า ออปซิส (opsis) หมายถึง "เหมือน" ด้วยลักษณะดอกที่เหมือน ผีเสื้อกลางคืน ดังนั้นบางครั้งกล้วยไม้สกุลนี้จึงถูกเรียกว่า กล้วยไม้ผีเสื้อกลางคืน (Moth orchids)
 https://goo.gl/E9dbMp
ฟาแลนนอปซิสเป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตขึ้นทางยอด (Monopodial) ลำต้นสั้น แต่ก้านยาว ใบกว้าง ค่อนข้างรี หนา และอวบน้ำ รากค่อนข้างใหญ่ ช่อดอกยาว ปกติจะมีใบติดอยู่กับลำต้น 5-6 ใบ ยิ่งถ้าต้น สมบูรณ์ก็อาจมีใบมากกว่านี้ ดอกบานทนนาน 2-3 สัปดาห์ หรืออาจเป็นเดือน
 เขากวางอ่อน (Phalaenopsis cornucervi) https://goo.gl/gVz3vj
ในประเทศไทยพบฟาแลนนอปซิสในธรรมชาติ ได้แก่ เขากวางอ่อน (Phalaenopsis cornucervi), ผีเสื้อชมพู (Phalaenopsis lowii), ผีเสื้อน้อย (Phalaenopsis parishii) และตากาฉ่อ (Phalaenopsis deliciosa หรือ Phalaenopsis decumbens) https://goo.gl/6uaPrD
 https://goo.gl/UTGHVV
กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสมีแหล่งกำเนิดในแถบร้อนของทวีปเอเซีย ตะวันตกของทวีปอัฟริกา และตอนใต้ ของออสเตรเลีย เป็นกล้วยไม้ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์สำหรับการผลิตเป็นกล้วยไม้กระถาง มีบ้างส่วนน้อยที่นำไปปลูก เพื่อการตัดดอก จากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ โดยเฉพาะอายุการใช้งานที่ทนทานกว่า 1 เดือน บางครั้งหากมีการดูแลรักษาที่ถูกต้องอาจใช้งานได้นานถึง 2-3 เดือน ทำให้เป็นที่นิยมนำไปใช้ในการจัด ประดับสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีความงามของดอกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 https://goo.gl/WCxIkH
การจัดเรียงตัวของดอกเป็นระเบียบ 2 แถวและบานไล่ที่ละดอก ดอกมีขนาดใหญ่ สีสันหลากสีสวยงาม ทั้งฟอร์มดอกและสีสันอันมหัศจรรย์ มีก้านช่อดอกที่ยาว ตรง ส่งช่อดอกให้ดูเด่นและสง่างาม ปลายช่อดอกโค้ง อ่อนช้อย มีลำต้นสั้น มีใบเพียง 2–4 คู่ ใบหนาเป็นมัน แผ่นใบกว้าง เมื่อนำไปจัดประดับจึงทำได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ และไม่จำเป็นต้องมีวัสดุอื่น ๆ เสริมแต่ง ในการจัดประดับก็เพียงวางในที่ที่ได้รับแสงจากหลอดไฟฟ้าอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส
 https://goo.gl/2kySQe Phalaenopsis deliciosa
ควรเลี้ยงในที่ที่ได้แสงแดดรำไร หรือ โรงเรือนพรางแสงประมาณ 50-70% อย่านำไปตากแดด เพราะอาจตาย หรือใบไหม้เหี่ยวแห้ง ควรทำความสะอาดต้นและใบด้วยการใช้น้ำละอองฝอยฉีดให้ทั่วต้นเพื่อล้างฝุ่นละออง เติมวัสดุปลูกลงในกระถางหากวัสดุปลูกยุบตัว ตัดก้านช่อดอกทิ้ง ควรตัดให้เหลือความยาวก้านจากโคนต้น ประมาณ 2 นิ้ว แต่งใบที่เหี่ยวแห้งออก ปรับสภาพต้นให้ตั้งตรง ให้ปุ๋ยละลายช้า 1 ช้อนชาต่อต้น โรยรอบ ๆ โคนต้น อย่าให้เม็ดปุ๋ยสัมผัสกับผิวต้นกล้วยไม้ เพราะอาจเกิดรอยไหม้ได้ ควรให้ปุ๋ยละลายช้าทุก ๆ 3 เดือน หากมีการดูแลรักษาที่ดี ต้นกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสก็จะสามารถแทงช่อดอกใหม่ได้
 https://healthyhomegardening.com/Plant.php?pid=883 Magenta Phalaenopsis Orchid - Flower
วัสดุปลูกกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส
1. ถ่านไม้ เหมาะกับสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นสูง มีความทนทาน แต่เก็บความชื้นได้น้อย ต้องมีการให้น้ำบ่อย
2. กาบมะพร้าว อาจเป็นมะพร้าวสับขนาดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับขนาดต้น กาบมะพร้าวเป็นวัสดุปลูกที่หาง่ายในประเทศ ราคาถูก เก็บความชื้นได้ดี เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำ แต่มีข้อเสียคือ ย่อยสลายตัวเร็ว ต้องเปลี่ยนวัสดุปลูกบ่อย ๆ
3. Sphagnum Moss เป็นวัสดุปลูกที่ดีที่สุดสำหรับกล้วยไม้ชนิดนี้ แต่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
 https://goo.gl/Z5t5FO
การดูแลรักษากล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส
1. แสง กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสต้องการแสงแดดรำไร หากได้รับแสงมากเกินไป ใบจะเกิดรอยไหม้ เนื้อเยื่อส่วนที่ถูกแสงจะตายและเน่า ปริมาณแสงที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส อยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 Luxต้นที่มีอายุมากหรือต้นขนาดใหญ่จะทนแสงได้มากกว่าต้นที่มี อายุน้อยหรือต้นขนาดเล็ก
 https://goo.gl/5Mj91z Phalaenopsis maculata (The Spotted Phalaenopsis)
2. อุณหภูมิและความชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ในช่วง 23–28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงออกดอกต้องการอุณหภูมิประมาณ 18–25 องศาเซลเซียส แต่ฟาแลนสามารถทนอุณหภูมิสูง ได้ถึง 35องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำได้ถึง 10 องศาเซลเซียส โดยต้นไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนความชื้น สัมพัทธ์ที่เหมาะสมอยู่ที่ 60–65 เปอร์เซ็นต์
 https://mesosyn.com/orch1.html
3. การให้น้ำ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุปลูก ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบรากเน่า ควรให้น้ำ เมื่อเห็นว่าวัสดุปลูกแห้ง การให้น้ำไม่ควรให้ถูกดอก หรือมีน้ำขังบริเวณยอด เพราะจะทำให้ยอดเน่าได้ เมื่อพบส่วนใดเน่าให้ตัดส่วนเน่าทิ้งแล้วทาปูนแดงบริเวณรอยแผล จะทำให้ลดการระบาดของโรค
 https://goo.gl/6V8YTi
4. ปุ๋ย ควรให้ปุ๋ยทุก 10–14 วัน ในระยะต้นกล้าควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 30-20-10 และในระยะใกล้ ออกดอกควรเปลี่ยนสูตรปุ๋ยที่มีธาตุโปแตสเซียมและฟอสฟอรัสสูง เช่น สูตร 13-27-27 เป็นต้น ปุ๋ยที่ให้ควรเป็น ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำ ปัจจุบันมีปุ๋ยละลายช้า ซึ่งมีอายุการใช้นานถึง 3 เดือน ก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่ราคาจะแพง และควรมีการพ่นธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมเป็นระยะ
 https://goo.gl/8371U9
5. การเปลี่ยนวัสดุปลูก วัสดุปลูกที่ย่อยสลายตัวเร็ว เช่น กาบมะพร้าว ควรมีการเปลี่ยนวัสดุปลูกใหม่ทุก 3–6 เดือน เพื่อป้องกันระบบรากเน่า และควรมีการเสริมวัสดุปลูกบ้างเมื่อวัสดุปลูกยุบตัว การเปลี่ยนวัสดุปลูก มักนิยมทำเมื่อมีการเปลี่ยนกระถาง
6. การป้องกันโรคและแมลง ควรมีการพ่นยาป้องกันกำจัดโรคและแมลงเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน จะมีการระบาดของโรคได้ง่าย
 https://goo.gl/1Jybmq
เครื่องปลูกฟาแลนนอปซิส
โดยส่วนใหญ่ที่ทำเป็นการค้า จะใช้สแฟกนั่มมอส (sphagnum moss) เพราะสามารถควบคุมความชื้นได้ง่าย ถ้าปลูกเพื่อดูเล่นอาจเกาะขอนไม้หรือจะปลูกลงกระถาง กระเช้าไม้ เครื่องปลูกอาจใช้ถ่านไม้ทุบเป็นก้อนเล็ก ๆ แช่น้ำก่อนสัก 2-3 วัน ถ่านไม้ระบายน้ำได้ดี และไม่เปื่อยหรือผุง่าย
 https://goo.gl/anrwSE ปลูกด้วย sphagnum moss
การปลูกควรตั้งต้นกล้วยไม้ตรงกลางให้โคนต้นส่วนเหนือรากอยู่ต่ำกว่าระดับขอบ ภาชนะปลูกเล็กน้อย การวางต้นกล้วยไม้สูงเกินไปจะทำให้รากกล้วยไม้ได้รับความชื้นไม่เพียงพอ การใส่เครื่องปลูกควรใส่แค่กลบราก เท่านั้น อย่าใส่เครื่องปลูกมากเกินไป ควรปลูกก่อนเข้าฤดูฝนคือประมาณเดือนมีนาคม ถ้าปลูกในฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูงและกล้วยไม้กำลังอวบน้ำ อาจทำให้ใบและยอดเน่าได้
 https://goo.gl/0DdgOz
เทคนิคการทำให้ฟาแลนนอปซิสออกดอกตลอดปี
ดอกฟาแลนนอปซิสจะบานจากด้านล่างขึ้นด้านบน ให้หมายตาดอกแรกที่บานไว้ หลังจากดอกบานหมดทั้งกิ่ง เมื่อดอกโรยหมดแล้ว ให้ตัดกิ่งทิ้ง โดยตัดใต้ดอกที่บานดอกแรก แต่ให้เหนือตาของกิ่งไว้ เพื่อจะได้แตกตา และออกดอกรุ่นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ
 https://goo.gl/OgXHDW
กล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสมีความพิเศษคือรากอากาศจะดูดคาร์บอนไดออกไซด์และคายออกซิเจนในตอน กลางคืนส่วนกลางวันสลับกัน คือดูดออกซิเจนแต่คายคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังมีความสามารถ ในการดูดสารพิษจำพวก แอลกอฮอล์ อาซีโตน คลอโรฟอร์ม และฟอร์มัลดิไฮด์ได้ดีอีกด้วย
 https://goo.gl/ESviDq
ฟาแลนเป็นไม้ที่เวลาดอกโรยแล้วจะเหลือก้านดอกเอาไว้ ถ้าไม่ตัดก้านดอกทิ้งดอกที่ออกครั้งต่อไป อาจจะแทงดอกขึ้นมาจากก้านเดิม ซึ่งจะให้จำนวนดอกที่ค่อนข้างน้อยกว่าที่ควร เพราะฉะนั้น เวลาดอก โรยแล้ว อย่าลืมตัดก้านดอกทิ้งซะด้วย เพื่อให้กล้วยไม้แทงช่อดอกขึ้นมาใหม่และให้จำนวนดอกที่มากกว่า
 https://plantgasm.com/page/4 Phalaenopsis Seed Pod Opened
 เครดิต : https://student.nu.ac.th/jittra/fanopshit.htm https://garden7day.blogspot.com/2014/02/phalaenopsis.html https://orchid1234.comyr.com/07_(Phalaenopsis).htm https://www.panmai.com/Pollution/Pollution_45.shtml ขอบคุณ อ.เต๊ะ เจ้าของภาพแรกด้วยค่ะ
ღ ♥ .* Peace and Love *.♥ ღ
สนใจเรื่องกล้วยไม้อื่น ๆ ในบล็อกนี้ :
กล้วยไม้รองเท้านารี (Paphiopedilum) คลิกที่นี่ เอื้องกะเรกะร่อน (Cymbidium) คลิกที่นี่ กล้วยไม้ ... รู้หน้าไม่รู้ใจ คลิกที่นี่ วานิลลา ... กล้วยไม้มหัศจรรย์ คลิกที่นี่ กล้วยไม้ช้างกระ คลิกที่นี่ กล้วยไม้ช้างกระ เราก็มี คลิกที่นี่ เอื้องผึ้ง (Dendrobium lindleyi) คลิกที่นี่ กล้วยไม้แคทลียา (Cattleya) คลิกที่นี่
Create Date : 02 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 17 มกราคม 2564 12:26:36 น. |
|
55 comments
|
Counter : 63560 Pageviews. |
 |
|
กล้วยไม้แคทลียา (Cattleya) คลิกที่นี่ค่ะ