https://goo.gl/3p3bcfกล้วยไม้ (Orchid) เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledoneae) ในวงศ์ Orchidaceae ที่มีดอกสวยงามมีความหลากหลายทั้งสีสันลวดลาย ขนาด รูปทรง และกลิ่น เรียกได้ว่าเป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง มีมากกว่า 800 สกุล พบในธรรมชาติมากกว่าสองหมื่นชนิด และมีการปรับปรุงสายพันธุ์โดยการผสมข้ามชนิดข้ามสกุลมากกว่าสามหมื่นคู่ผสม ด้วยความสวยงามและความหลากหลายทำให้กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่นิยมไปทั่วโลกแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าที่สำคัญของโลกมี 2 แหล่งใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ ลาตินอเมริกา กับเอเชียแปซิฟิคสำหรับในลาตินอเมริกาเป็นอาณาบริเวณอเมริกากลางติดต่อกับเขตเหนือของอเมริกาใต้ ส่วนแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกล้วยไม้ สิงโตอรัมโบราเซีย https://goo.gl/3p3bcfจากการค้นพบ ประเทศไทยมีพันธุ์กล้วยไม้ป่าเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้มาก และกล้วยไม้ป่าที่ในพบในภูมิภาคแถบนี้มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองแตกต่างจากกล้วยไม้ในภูมิภาคลาตินอเมริกากล้วยไม้เป็นพืชที่มีส่วนต่างๆ สมบูรณ์ คือ มี ราก ต้น ใบ ดอก และผล รากของกล้วยไม้ไม่มีรากแก้วลำต้นไม่มีแก่นไม้ ใบจัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีเส้นใบขนานกันตามความยาวของใบ กล้วยไม้มีระบบรากแบ่งเป็นหลายชนิด เช่น รากดิน รากกึ่งดิน รากกึ่งอากาศ และรากอากาศ มีรายละเอียดของส่วนต่าง ๆ ดังนี้จำแนกตามลักษณะรากเป็นการจำแนกตามลักษณะรากหรือตามระบบรากของกล้วยไม้https://www.thaigoodview.com/library/teachershowระบบรากดินจัดเป็นกล้วยไม้ที่มีระบบรากเกิดจากหัวที่อวบน้ำอยู่ใต้ดิน ตัวรากจะมีน้ำมาก เช่นกล้วยไม้สกุลนางอั้วกล้วยไม้ประเภทนี้พบมากบริเวณพื้นที่ที่มีสภาพอากาศในฤดูกาลที่ชัดเจน เช่น ฤดูฝนมีฝนตกชุกและมีฤดูแล้ง เมื่อถึงฤดูฝน หัวจะแตกหน่อ ใบอ่อนจะชูพ้นขึ้นมาบนผิวดิน และออกดอกในตอนปลายฤดูฝนเมื่อพ้นฤดูฝนไปแล้วใบก็จะทรุดโทรมและแห้งไป คงเหลือแต่หัวที่อวบน้ำและมีอาหารสะสมฝังอยู่ใต้ดินสามารถทนความแห้งแล้งได้ระบบรากกึ่งดินมีรากซึ่งมีลักษณะอวบน้ำใหญ่หยาบและแตกแขนงแผ่กระจายอย่างหนาแน่นสามารถเก็บสะสมน้ำได้ดีพอสมควร กล้วยไม้ประเภทนี้พบอยู่ตามอินทรียวัตถุที่เน่าเปื่อยผุพังร่วนโปร่ง กล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งดินได้แก่ กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี สกุลสแปทโธกลอตติส (Spathoglottis) สกุลเอื้องพร้าว เป็นต้นระบบรากกึ่งอากาศเป็นระบบรากที่มีเซลล์ผิวของรากมีชั้นเซลล์ที่หนา และมีลักษณะคล้ายฟองน้ำผิวนอกเกลี้ยงไม่มีขนมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ เก็บและดูดน้ำได้มาก สามารถนำน้ำไปใช้ตามเซลล์ผิวได้ตลอดความยาวของรากระบบรากกึ่งอากาศมักมีรากแขนงใหญ่หยาบอยู่กันอย่างหนาแน่นไม่มีรากขนอ่อน รากมีขนาดเล็กกว่ารากอากาศกล้วยไม้ระบบรากกึ่งอากาศได้แก่ กล้วยไม้สกุลแคทลียา สกุลออนซิเดียม เป็นต้นระบบรากอากาศกล้วยไม้ที่มีระบบรากเป็นรากอากาศจะมีรากขนาดใหญ่ แขนงรากหยาบ เซลล์ที่ผิวรากจะทำหน้าที่ดูดน้ำเก็บน้ำและนำน้ำไปตามรากได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี รากอากาศไม่ชอบอยู่ในสภาพเปียกแฉะนานเกินไป นอกจากนั้นปลายรากสดมีสีเขียวของคลอโรฟีลล์สามารถทำหน้าที่ปรุงอาหารได้เช่นเดียวกับใบเมื่อมีแสงสว่าง เพราะฉะนั้นรากประเภทนี้จึงไม่หลบแสงสว่างเหมือนรากต้นไม้ดินทั่ว ๆ ไปกล้วยไม้ที่มีระบบรากอากาศได้แก่ กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลช้าง สกุลกุหลาบ สกุลแมลงปอสกุลเข็มและ กล้วยไม้สกุลรีแนนเธอร่าจำแนกตามลักษณะการเจริญเติบโตได้ 2 ประเภท คือhttps://student.nu.ac.th/samunprithai/thailandorchid/16.html1. ประเภทแตกกอ (Sympodial) ได้แก่ กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี สกุลหวายสกุลแคทลียา สกุลออนซิเดียม และสกุลแกรมมาโตฟิลลั่ม https://www.siamproplants.com/forums/2122.htmlกล้วยไม้ซอมเบอร์เกีย (Schomburgkia) สกุลย่อยของ แคทลียากล้วยไม้ประเภทนี้มีส่วนของเหง้าเจริญไปตามแนวนอนของเครื่องปลูก และที่โคนลำลูกกล้วยติดกับเหง้าจะมีตาที่สมบูรณ์ 2 ตา เมื่อลำลูกกล้วยเจริญจนสุดลำตาที่โคนตาหนึ่งจะแตกออกมาเป็นลำใหม่ ส่วนตาอีกข้างหนึ่งพักตัว ลำที่เกิดก่อนซึ่งเป็นลำที่มีอายุมากเรียกว่า ลำหลังส่วนลำที่แตกใหม่มีอายุน้อยกว่าเรียกว่า ลำหน้า สำหรับตาที่อยู่บนลำที่เจริญเต็มที่ก็จะเปลี่ยนเป็น ตาดอก2. ประเภทไม่แตกกอ (Monopodial) เป็นกล้วยไม้ที่มีการเจริญเติบโตขึ้นไปทางส่วนยอด คือตาที่ยอดจะแตกใบใหม่เจริญขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนโคนต้นจะออกรากไล่ตามยอดขึ้นไป ได้แก่กล้วยไม้ในสกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลช้าง สกุลกุหลาบ สกุลเสือโคร่ง สกุลม้าวิ่งสกุลแมลงปอ สกุลรีแนนเธอร่าและสกุลแวนดอปซิสสกุลกล้วยไม้https://www.treevariety.com/Tree_flower5.htmlในประเทศไทย นอกจากกล้วยไม้ชนิดพันธุ์ตามที่พบในธรรมชาติอย่างมากมายแล้วยังมีพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ มีความแปลก สวยงามเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่นี้มีจำนวนมาก และไม่มีขีดจำกัด ทำให้กล้วยไม้ของไทยเป็นที่รู้จัก เป็นที่สนใจและชื่นชอบของคนทั่วไปกล้วยไม้สกุลต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทยคลิกที่นี่https://www.biogang.net/biodiversityเอื้องช้างสารภี / เอื้องเจ็ดปอย / เอื้องดอกขาม / เอื้องตีนเต่าAcampe rigida ( Buch. – Ham. ex J.J.Sm.) Huntกล้วยไม้สกุลอะแคมเป (Acampe) คลิกที่นี่เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย มีการเจริญเติมโตทางยอด เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่พบขึ้นอยู่ตามป่าดิบชื้น ใบหนาเป็นแถบใหญ่ ยาว และแข็ง ใบเรียงสลับกันซ้ายขวาช่อดอกสั้นเป็นกระจุก แต่ดอกในช่อมีไม่มากนัก ดอกมีเนื้อแข็งและเปราะ กลีบดอกและกลีบเลี้ยงมีสีเหลืองมีลายสีแดงลายพาดขวาง ปลายกลีบงุ้ม กลีบปากมีขนาดเดียวกับกลีบดอก เส้นเกสรสั้น มีกลุ่มเกสร 2 คู่ยึดติดกับแถบแผ่นเยื่อใส ๆ สกุล อะแคมเป พบในประเทศไทย 3 ชนิด บางชนิดกลิ่นหอมมากhttps://www.pskorchid.com/outlet.php?info_id=81กล้วยไม้สกุลกุหลาบ (Aerides) คลิกที่นี่https://www.siamproplants.com/forums/2122.htmlกล้วยไม้สกุลแมลงปอ (Arachnis) คลิกที่นี่https://www.free-webboard.com/view.php?nm=thaiorchid&qid=85กล้วยไม้สกุลเข็ม (Ascocentrum) คลิกที่นี่กล้วยไม้สกุลเข็มเป็นกล้วยไม้ประเภท แวนด้า (Vandaceous Orchid)กล้วยไม้สกุลเข็มปรากฏตามธรรมชาติอยู่ในประเทศไทย 4 ชนิด คือ1. เข็มแดง (Ascocentrum curvifolium)2. เข็มม่วง (Ascocentrum ampullaceum)3. เข็มแสด (Ascocentrum miniatum)4. แอสโคเซ็นตรัม เซมิเทอเรตติโฟเลียม (Ascocentrum semiteretifolium)https://student.nu.ac.th/samunprithai/thailandorchid/9.htmlกล้วยไม้สกุลสิงโต (Bulbophyllum) คลิกที่นี่https://board.trekkingthai.com/board/showกล้วยไม้สกุลเอื้องน้ำต้นหรือคาแลนเธ (Calanthe)กล้วยไม้ดิน อวบน้ำ มีหัวอยู่ในดิน https://hilight.kapook.com/view/38397กล้วยไม้สกุลแคทลียา (Cattleya & allied genera) คลิกที่นี่ประกอบด้วยสกุลย่อย 8 สกุลคือ- บราสซาโวลา (Brassavola)- บรอว์กโทเนีย (Broughtonia)- แคทลียา (Cattleya)- ไดอาคริอัม (Diacrium)- อีปิเดนดรัม (Epidendrum)- ลีเลีย (Laelia)- โซโพรนิติส (Sophronitis)- ซอมเบอร์เกีย (Schomburgkia)https://www.diary-of-us.com/DiaryPage/diary_1205.aspกล้วยไม้สกุลเอื้องใบหมากหรือซีโลจิเน (Coelogyne) https://www.gotoknow.org/file/tag/cymbidiumกล้วยไม้สกุลกะเรกะร่อนหรือซิมบิเดียม (Cymbidlium) คลิกที่นี่https://www.orchidee.ob.tc/กล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) คลิกที่นี่https://orchidnong.blogspot.com/กล้วยไม้สกุลม้าวิ่ง (Doritis) คลิกที่นี่สกุลม้าวิ่งเป็นกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินหรือแอ่งหินที่มีอินทรียวัตถุทับถมกันหนา ๆ ใบแทนสีเขียวหรืออมม่วงช่อดอกตั้ง ก้านส่งช่อยาวประมาณ 1 - 2 ฟุต ดอกมีสีแดงอมม่วง โดยมีตั้งแต่สีซีด ๆไปจนถึงสีเข้มลักษณะการบานของดอกจะบานทยอยกันขึ้นไป คือ ก้านช่อยืดยาวออกดอกไปเรื่อย ๆดอกบนบานไป ดอกล่างก็ค่อย ๆ โรยไป แต่มีดอกติดช่อมาก พบกระจายพันธุ์อยู่ในพม่า ไทย อินโดนิเชีย และสุมาตราhttps://www.kasetloongkim.com/modulesกล้วยไม้สกุลเพชรหึงหรือแกรมมาโตฟิลลัม (Grammatophyllum)คลิกที่นี่https://109orchid.blogspot.com/2010/08/blog-post_04.htmlสกุลลิ้นมังกรหรือฮาบีนาเรีย (Habenaria)https://www.gotoknow.org/blog/kohyor/325710สกุลออนซิเดียม (Oncidium) คลิกที่นี่https://www.nanagarden.comนางอั้วใหญ่ หรือ อั้วตีนกบ Pecteilis susกล้วยไม้สกุลนางอั้ว (Pecteilis)กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum) คลิกที่นี่https://orchid1234.comyr.com/07_(Phalaenopsis)กล้วยไม้สกุลเขากวางอ่อนหรือฟาเลนอปซิส (Phalaenopsis) คลิกที่นี่https://www.readyorchid.com/renantheraกล้วยไม้สกุลหวายแดงหรือรีแนนเธอร่า (Renanthera) คลิกที่นี่https://www.bawood-lalin.ob.tc/03.jpgกล้วยไม้สกุลช้าง (Rhynchostylis) คลิกที่นี่https://beauty13orchids.skyrock.com/2232168525กล้วยไม้สกุลพิศมรหรือสแปทโธกลอตติส (Spathoglottis)https://thaimisc.pukpik.com/freewebboardกล้วยไม้สกุลเสือโคร่ง (Trichoglottis)https://www.googig.com/diary.phpกล้วยไม้สกุลฟ้ามุ่ยหรือแวนด้า (Vanda) คลิกที่นี่https://orchid1234.comyr.com/12_(Vandopsis).htmกล้วยไม้สกุลพระยาฉัททันต์หรือแวนดอปซิส (Vandopsis) คลิกที่นี่พระยาฉัททันต์ (Vandopsis gigantea) สกุลเดียวกับกล้วยไม้เขาพระวิหารมีขนาดต้นสูงประมาณ 1 ม.ในกว้าง 7 ซม. ยาว 35 ซม. ออกดอกเป็นช่อโค้งลง 35 ซม. มีดอกประมาณ 7-15 ดอก แต่ละดอกกว้าง 7 ซม.การปลูกกล้วยไม้ คลิกที่นี่ เครื่องปลูกควรใส่กาบมะพร้าวน้อย ๆ รองพื้นกระถาง/กระเช้า แล้วใส่ถ่าน/อิฐ นิดหน่อย แค่นี้กล้วยไม้ป่าของเราก็ไม่เน่า แต่ถ้าเป็น กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี ควรใช้เครื่องปลูกที่มีรูระบายอากาศได้ดี เช่นกระถางอิฐ และรองก้นกระถางด้วยถ่าน/อิฐและใส่หินภูเขา (ของแท้ต้องลอยน้ำได้จำไม่ผิดใส่ถุงใสสกรีนสีเหลืองมีรูปกล้วยไม้) เป็นเครื่องปลูก (ถุงประมาณ 45-60 บาท)การขยายพันธุ์กล้วยไม้ คลิกที่นี่https://sites.google.com/site/rapeesagarikผลที่เกิดจากการผสมเกสร ดอกที่ผสมแล้วภายใน 24 ช.ม. จะเหี่ยว เพราะมีการผลิตแก๊สเอธทีลีนขึ้นมา (ดอกที่ยังไม่ได้ผสมเกสรสามารถบานได้เป็นสัปดาห์) รังไข่ที่ก้นดอกจะป่องออกมา กลายเป็นผล หรือ ฝัก ที่มีเมล็ดอยู่ข้างในนั่นเองการใส่ปุ๋ยกล้วยไม้ คลิกที่นี่โรคและแมลงศัตรูกล้วยไม้ คลิกที่นี่ก่อนอื่นต้องศึกษาเกี่ยวกับกล้วยไม้ชนิดนั้นเสียก่อนว่า (ชื่ออะไร | อยู่ในสกุล อะไร | ออกดอกช่วงไหน |ชอบความชื้นหรือไม่) แค่นี้เราก็จะสามารถปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ป่าให้ออกดอกตามฤดูกาลได้แล้วเท่าที่สังเกตดูพวกกล้วยไม้ป่าไม่ค่อยชอบกาบมะพร้าวสักเท่าไหร่ คงเพราะไม่โปร่งเท่าการใช้ ถ่านอิฐหัก และโฟม เป็นวัสดุปลูกผสมกันไป ตัวอยาง เช่นลำดับ ชื่อพันธุ์ ชื่อสกุล ออกดอก ความชื้น หมายเหตุ-----------------------------------------------------------------------1. ช้างกระ ช้าง ธ.ค.-ก.พ. ปานกลาง ควรบำรุงปุ๋ยด้วยเกล็ดละลายเพื่อบำรุงต้นใบหลังจากออกดอกไปแล้วและควรหยุดรดน้ำ 3 เดือนก่อนเดือนธันวาคม (อายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นไป)2. ช้างแดง ช้างพลาย ช้างประหลาด ช้างเผือก เหมือนกันกับ ช้างกระ3. เอื้องคำ หวาย กุมภาพันธ์ น้อย ควรรดน้ำและให้ปุ๋ยละลายน้ำอาทิตย์ละครั้ง ก่อน 10 โมงเช้า4. พวกเอื้องต่าง ๆ ทำเหมือนกันกับเอื้องคำปุ๋ยฮอร์โมน --- ทุ่งเศรษฐี เบอร์ 12 สีเขียว ราคา 50-55 บาท ที่สวนจตุจักร 1ช้อนชา/น้ำ1ลิตรธาตุอาหาร -- ออร์คิด พลัส ราคา 35-40 บาท ตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป 1 ช้อนชา/น้ำ 1 ลิตรปุ๋ยชีวภาพ -- ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะปุ๋ยชนิดนี้อาจไปทำลายเชื้อราบางอย่างเลือกกระถางให้เหมาะกับกล้วยไม้https://www.rakbankerd.com/kaset/openwebภาชนะหมายเลข 1. ใช้ปลูก หวาย แคทลียา และกล้วยไม้ที่ต้องการเครื่องปลูกมีตั้งแต่ขนาด 1-6 นิ้วภาชนะหมายเลข 2. ใช้ปลูก แวนด้า กล้วยไม้สกุลแมลงปอ เป็นกระถางขนาดใหญ่ภาชนะหมายเลข 3. ใช้ ปลูกแวนด้า หรือกล้วยไม้ที่เป็นกอ มีตั้งแต่ขนาด 2.5 นิ้ว ขึ้นไปภาชนะหมายเลข 4. กระเช้าไม้สัก ใช้ปลูก แวนด้า ช้าง เข็ม พวกรากอากาศที่มีรากใหญ่เครื่องปลูกของกล้วยไม้ คลิกที่นี่วัสดุที่ใส่ลงไปในภาชนะที่ใช้ปลูกกล้วยไม้ เป็นที่เก็บอาหาร เก็บความชื้น หรือปุ๋ยของกล้วยไม้และเพื่อให้รากของกล้วยไม้เกาะ ลำต้นจะได้ตั้งอยู่ได้ เครื่องปลูกที่เหมาะสมกับลักษณะการเจริญเติบโตของรากกล้วยไม้จะทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง เครื่องปลูกที่นิยมใช้มีดังนี้https://www.meeboard.com/view.asp?user=lingee&groupidออสมันด้าเป็นเครื่องปลูกที่ได้มาจากรากของเฟิร์น ลักษณะเป็นเส้นยาว สีน้ำตาลจนเกือบดำ ค่อนข้างแข็งก่อนที่จะใช้ต้องล้างให้สะอาด แล้วจึงอัดตามยาวลงไปในกระถาง ก่อนที่จะอัดลงในกระถางควรรองก้นกระถางด้วยกระเบื้องแตกหรือถ่านประมาณครึ่งหนึ่งของกระถาง เพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวกไม่ควรอัดออสมันด้าให้เต็มกระถาง ก่อนใช้ควรแช่น้ำหรือต้มเพื่อฆ่าเชื้อราเสียก่อน ออสมันด้าเป็นเครื่องปลูกที่ดีแต่ราคาค่อนข้างสูง สามารถเลี้ยงกล้วยไม้ได้เจริญงอกงามสม่ำเสมอมีอายุการใช้งาน 2–3 ปี แต่มีข้อเสียคือ มีตะไคร่น้ำขึ้นหน้าเครื่องปลูก และเกิดเชื้อราง่ายออสมันด้าใช้ปลูกกล้วยไม้แบบรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลแคทลียาhttps://dooflower.blogspot.com/2011/02/planting-orchids.htmlเครื่องปลูก กาบมะพร้าวกาบมะพร้าวเป็นเครื่องปลูกที่นิยมใช้ปลูกกล้วยไม้มาก เพราะหาง่าย ราคาถูก เหมาะที่จะใช้อัดลงในกระถางดินเผาสำหรับใช้ปลูกกล้วยไม้รากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลแคทลียา วิธีทำคือใช้กาบมะพร้าวแห้งที่แก่จัดและมีเปลือก อัดตามยาวให้แน่นลงในกระถาง ตัดหน้าให้เรียบแล้วใช้แปรงลวดปัดหน้าให้เป็นขน เพื่อให้ดูดซับน้ำดีขึ้นhttps://www.rakbankerd.com/agricultureเครื่องปลูกกาบมะพร้าวเป็นเครื่องปลูกที่ได้ความชื้นสูง เหมาะสำหรับกล้วยไม้ปลูกใหม่เพราะจะทำให้ตั้งตัวเร็ว จึงทำให้กล้วยไม้เจริญงอกงามเร็วกว่าปลูกด้วยเครื่องปลูกชนิดอื่น ๆแต่มีข้อเสียคือมีอายุการใช้งานได้ไม่นาน คือมีอายุใช้งานได้เพียงปีเดียวเครื่องปลูกก็ผุข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือเกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย เนื่องจากกาบมะพร้าวอมความชื้นไว้ได้มากจึงควรรดน้ำให้น้อยกว่าเครื่องปลูกชนิดอื่นhttps://www.sobhaflowers.com/Hot%20topics/Charcoal.htmlถ่านปลูกกล้วยไม้ถ่านhttps://tanakron.212คาเฟ่.com/archive/2008-04-09/1015-5-3/ถ่านที่เหมาะที่จะทำเป็นวัสดุปลูก ได้มาจากไม้มะขาม มะขามเทศ ไม้สน หรือยางพารา เป็นต้นขี้เถ้าถ่านที่เกิดจากการเผาไหม้มีความเค็มอยู่ เมื่อใดรากชอนไชเข้าไปจนถึงถ่านที่มีความเค็มรากที่มีความบอบบางเมื่อเจอความเค็มของถ่านก็จะไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้และค่อย ๆ เน่ากุดไปเรื่อย ๆเปรียบได้กับคนปากเจ็บ หากินอะไรก็ไม่สะดวก ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริม ฮอร์โมน และปุ๋ยต่างๆหรือให้น้ำมาก ๆ เพราะคิดว่าความชื้นไม่พอ คราวนี้ก็จะมาเจอปัญหาซ้ำคือยอดเน่าเนื่องจากให้น้ำมากเกินไปดังนั้นเราจึงควรนำถ่านที่ได้มาเตรียมพร้อมก่อนนำไปใช้ โดยการ แช่น้ำเป็นไปได้ควรแช่น้ำอย่างน้อย 10-15 วัน ถ่ายน้ำทิ้งทุก ๆ 5 วัน แช่ยิ่งนานยิ่งดีโดยคุณสมบัติของถ่านถือว่าเป็นวัสดุที่อมความชื้นและสะสมความชื้นได้ดี และมีความเย็นในตัวในความเป็นจริงกล้วยไม้รากอากาศ ไม่จำเป็นต้องมีวัสดุปลูกก็สามารถเจริญเติบโตได้ ในระบบการให้น้ำที่ดีพอhttps://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=70297.960กล้วยไม้รองเท้านารี ปลูกด้วย หินภูเขาไฟhttps://www.orchidgeeks.com/forum/orchid-pottingทรายหยาบและหินเกล็ดการปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศโดยเฉพาะพวก สกุลหวาย มักใช้ทรายหยาบและหินเกล็ดที่ล้างสะอาดแล้วเป็นเครื่องปลูก โดยก้นกระถางใส่อิฐหักหรือหรือถ่านป่นไว้ ส่วนด้านบนใช้ทรายหยาบโรยหนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วโรยทับด้วยหินเกล็ดหนาประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นจึงนำหน่อกล้วยไม้ที่แยกจากกอเดิมไปปลูกวางไว้บนหินเกล็ด แล้วมัดติดกับหลักเพื่อยึดไม่ให้ล้มจนกว่ากล้วยไม้ที่ปลูกใหม่นี้มีรากยึดเครื่องปลูกและตั้งตัวได้https://www.gotoknow.org/blog/orchid145/280243อิฐหักและกระถางดินเผาแตกอิฐหัก อิฐดินเผา และกระถางดินเผาแตก ใช้เป็นเครื่องปลูกรองก้นกระถางสำหรับปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศโดยมีออสมันด้า กาบมะพร้าว ถ่านป่น อย่างใดอย่างหนึ่งอัดหรือโรยไว้ข้างบนเพื่อให้ด้านล่างของกระถางหรือภาชนะปลูกโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวกและเป็นการช่วยในการระบายน้ำในกระถางได้ดีขึ้นการให้น้ำและปุ๋ย คลิกที่นี่https://onepiece.igetweb.com/index.php?mo=3&art=428930การให้ปุ๋ยกล้วยไม้https://www.212คาเฟ่.com/freewebboard/view.php?user=dathnavamin&id=120การให้ปุ๋ยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเลี้ยงกล้วยไม้ ธาตุอาหารหลักที่กล้วยไม้ต้องการก็เหมือนกับพืชทั่วไปคือ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และ โปตัสเซียม (K) โดยปุ๋ยที่เหมาะกับกล้วยไม้ คือ ปุ๋ยสูตรสูง(มีธาตุอาหารรวมกันมากกว่า 50% ของน้ำหนักปุ๋ย) ชนิดที่ละลายน้ำได้ เช่น ปุ๋ยสูตร 21-21-21 เป็นต้นโดยกล้วยไม้แต่ละประเภท และแต่ละช่วงอายุต้องการปริมาณปุ๋ยแตกต่างกันไปต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำการใช้ปุ๋ยสูตรต่าง ๆปุ๋ยสูตรสมดุล เช่น 21-21-21 เหมาะกับกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตตามปกติปุ๋ยสูตรที่มีธาตุ N สูง เช่น 30-10-10 เหมาะกับกล้วยไม้ขนาดเล็ก ที่ต้องการเร่งการเจริญเติบโตทางใบ ปุ๋ยสูตรที่มีธาตุ P สูง เช่น 10-30-10 เหมาะกับกล้วยไม้ที่โตเต็มที่แล้ว ต้องการเร่งให้ออกดอกหรือเร่งราก ปุ๋ยสูตรที่มีธาตุ K สูง เช่น 10-10-30 เหมาะกับกล้วยไม้ที่กำลังเจริญเติบโต เพราะธาตุโปตัสเซียมจะช่วยให้ต้นแข็งแรงวิธีการให้ปุ๋ยละลายปุ๋ยในน้ำตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ในฉลากปุ๋ย แล้วใช้ไม้คนให้ปุ๋ยละลายให้หมดอย่าให้ปุ๋ยตกตะกอน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อใบ รดน้ำกล้วยไม้ให้ชุ่มก่อนฉีดปุ๋ย เพื่อให้ปุ๋ยซึมลงในเครื่องปลูกได้ดียิ่งขึ้น จากนั้น ใช้หัวฉีดที่ฝอยที่สุด ฉีดปุ๋ยให้เปียกทั่วทั้งรากและใบ จะรดปุ๋ยมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับว่ากล้วยไม้ต้นใหญ่แค่ไหน ถ้าต้นใหญ่ก็ต้องการปุ๋ยมาก ต้นเล็กก็ต้องการปุ๋ยน้อย ถ้าไม่แน่ใจให้รดน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ไว้จะดีกว่าช่วงเวลาที่เหมาะแก่การให้ปุ๋ยพืช คือ ช่วงเช้าก่อนแดดจัด เพราะรากและใบจะได้ดูดปุ๋ยไปใช้ได้เลยควรรดปุ๋ยทุก 7 วัน สำหรับลูกกล้วยไม้ควรผสมปุ๋ยให้เจือจางลง แล้วรดปุ๋ย 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การให้ปุ๋ยควรพิจารณาถึงวัฏจักรการเจริญเติบโตของกล้วยไม้แต่ละชนิดด้วยhttps://share.psu.ac.th/blog/dent-psu/10056กล้วยไม้ที่ออกดอกตามฤดูกาลปีละครั้ง เช่น กล้วยไม้ป่า หรือกล้วยไม้ลูกผสมบางชนิดเกือบทั้งปีจะมีการเจริญเติบโตทางต้นและใบ ควรให้ปุ๋ยสูตรเสมอในช่วงนี้ ต่อเมื่อใกล้ถึงฤดูที่กล้วยไม้จะผลิช่อดอก จึงเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยสูตรเร่งดอกแทนเอื้องกุหลาบและเข็ม จะเติบโตในช่วงฤดูฝน พักตัวและพัฒนาตาดอกในฤดูหนาวผลิช่อดอกและบานในฤดูร้อนสกุลช้าง (Rhynchostylis)ap.mju.ac.thกล้วยไม้ช้าง เติบโตทางใบในฤดูร้อนและฝน สร้างตาดอกในช่วงปลายฤดูฝนดอกบานในช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ.กล้วยไม้ที่ออกดอกตลอดปี เช่น กล้วยไม้ลูกผสมที่ปลูกเพื่อตัดดอก อาทิ หวาย แวนด้าออนซิเดียม กล้วยไม้เหล่านี้ต้องการปุ๋ยมากถ้าได้รับปุ๋ยไม่พอ ต้นจะไม่สมบูรณ์ ทำให้ออกดอกน้อยลงhttps://goo.gl/3LKWPcกล้วยไม้เป็นพืชที่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีเยี่ยมและสามารถมีชีวิตร่วมกับสิ่งที่มีชีวิตอื่น ๆในหลายสภาพด้วยกัน กล้วยไม้ส่วนใหญ่เจริญเติบโตบนต้นไม้อื่น แต่ไม่ได้ดูดอาหารหรือทำความเดือดร้อนแก่พืชที่มันเกาะอาศัย (host) เพียงแต่อาศัยต้นไม้อื่นเป็นที่ค้ำจุนเท่านั้น ในทางนิเวศวิทยาเรียกพืชประเภทนี้ว่า epiphyte https://goo.gl/piJMQTบางชนิดก็มีชีวิตอยู่อย่างอิสระบนดิน ได้แก่ พวกกล้วยไม้ดินทั้งหลายเรียกพืชประเภทนี้ว่า Terrestrialบางชนิดมีความสามารถพิเศษที่เจริญเติบโตอยู่ได้บนก้อนหินหรือตามชง่อนผาเรียกพืชประเภทนี้ว่า Lithophytehttps://www.tourtamoan.com/modules"สิงโต" คือ กล้วยไม้ Bulbophyllum spp. เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย หรือขึ้นตามก้อนหิน (lithophyte)เจริญเติบโตแบบแตกกอ เหง้า (rhizome) เลื้อย ลำลูกกล้วยอยู่ชิดกัน หรือกระจายห่าง ๆแต่ละลำมี 1 ข้อ ลำลูกกล้วยมีใบ 1-2 ใบ เกิดที่ปลายยอด ช่อดอกเกิดจากตาข้างใกล้ฐานของลำลูกกล้วยhttps://www.benorchid.com/webboard/answer.php?id=1339กล้วยไม้กินซาก (saprophyte) พบบริเวณทางขึ้นน้ำตกที่กรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราชกล้วยไม้ไม่กี่ชนิดที่มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีใบที่มีสีเขียว ซึ่งผิดกับพืชอื่น ทั่วไปที่ต้องหาอาหารเองโดยวิธีการที่เรียกว่าสังเคราะห์แสง (photosynthesis) กล้วยไม้พวกนี้ดูดอาหารจากอินทรียวัตถุอื่น ๆอันได้แก่ ซากพืชและซากสัตว์เราเรียกพืชพวกนี้ว่า Saprophyteยังไม่มีผู้ใดค้นพบกล้วยไม้ที่เป็นกาฝากหรือปาราสิต (parasite) ซึ่งดูดอาหารโดยตรงจากพืชที่ยังมีชีวิตอยู่------------------------------------อ้างอิง :https://www.panmai.com/Orchid/orchid5.shtmlhttps://www.treevariety.com/Tree_flower5.htmlhttps://www.gotoknow.org/blog/orchid145/195489https://orchid1234.comyr.com/index.htmღ ♥ .* Peace and Love *.♥ ღ สนใจเรื่องกล้วยไม้อื่น ๆ ในบล็อกนี้ :กล้วยไม้รองเท้านารี (Paphiopedilum) คลิกที่นี่เอื้องกะเรกะร่อน (Cymbidium) คลิกที่นี่วานิลลา ... กล้วยไม้มหัศจรรย์ คลิกที่นี่กล้วยไม้ช้างกระ คลิกที่นี่กล้วยไม้ช้างกระ เราก็มี คลิกที่นี่เอื้องผึ้ง (Dendrobium lindleyi) คลิกที่นี่กล้วยไม้แคทลียา (Cattleya) คลิกที่นี่ฟาแลนนอปซิส (Phalaenopsis) คลิกที่นี่