จุดแตกต่างระหว่างต้น อินทนิลน้ำ กับ ตะแบก ที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือ ให้ดูที่ผิวเปลือกลำต้น
ถ้าหากเป็นต้นตะแบกผิวเปลือกต้นจะเกลี้ยงลอกเป็นแผ่นบาง ๆ คล้ายผิวเปลือกต้นฝรั่ง
ส่วน อินทนิลน้ำ ผิวเปลือกต้นจะมีรอยด่างดำปนขาวและมีตกกระขรุขระต่างกันอย่างชัดเจน
นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ หรือผล เหมือนกันหมด ที่พบเห็นปลูกประดับตามริมถนน
เป็นแนวยาวนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นต้นตะแบก

https://goo.gl/JuwBT7
อินทนิลน้ำ ช่อดอกเป็นพุ่มทรงเจดีย์ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอด ขนาดใบและ
ขนาดดอกเล็กกว่า อินทนิลบก มีดอกมากช่วงปลายปีและต้นปี
อินทนิลน้ำและอินทนิลบก อยู่ในสกุลเดียวกัน (genus) แต่ต่างชนิดกัน (species)
ลักษณะคล้ายกัน อินทนิลน้ำ ปลายใบแหลม (acuminate) เรียงสลับ (alternate)
ดอกจะเกิดเรียงตัวกันเป็นช่อยาว (terminal panicles)
การเจริญเติบโต อินทนิลน้ำจะเป็นพุ่มแผ่กว้าง ส่วนอินทนิลบกจะเป็นรูปทรงสูง (Column)

https://goo.gl/yUNhrH
ดอก เป็นชนิดดอกช่อ (inflorescence flower) แบบ Panicle ออกรวมกันเป็นช่อโต ยาวถึง
30 ซ.ม. ตามปลายกิ่งหรือตามง่ามใบใกล้ ๆ ปลายกิ่ง ช่อดอกชี้ขึ้นด้านบน มีสีต่าง ๆ กันเช่น
สีม่วงสด ม่วงอมชมพู หรือชมพูล้วน ๆ ตรงส่วนบนสุดของดอกตูมจะมีตุ่มกลมเล็ก ๆ ติดอยู่
ตรงกลาง ผิวนอกของกลีบฐานดอกซึ่งติดกันเป็นรูปถ้วยหรือรูปกรวยหงายจะมีสันนูนตามยาว
ปรากฏชัด มีขนสั้นปกคลุมประปราย กลีบดอกบางรูปช้อนที่มีโคนกลีบเป็นก้านเรียว ผิวกลีบ
เป็นคลื่นเล็กน้อย เมื่อบานเต็มที่จะมีรัศมีกว้างถึง 5-8 ซ.ม. เกสรผู้มีขนาดเดียว
ยาวไล่เรี่ยกัน รังไข่กลม เกลี้ยง

https://goo.gl/svbakM photo by : 026
อินทนิลน้ำ ช่อดอกยาว ดอกตูมมีจุกหรือตุ่มกลมเล็ก ๆ หรือเป็นแกนคล้ายดาว
อยู่ตรงกลาง ทรงต้นแผ่กว้าง
อินทนิลบก ช่อดอกสั้นกว่า ดอกตูมไม่มีจุก อินทนิลบกดอกใหญ่สุดในกลุ่มนี้
ใบใหญ่ป้อมกว่าอินทนิลน้ำ
ตะแบก ดอกเล็กกว่าอินทนิล ผิวเปลือกต้นเรียบ ล่อนเป็นแผ่นเหมือนผิวเปลือกต้นฝรั่ง
ส่วน เสลา ทรงต้นจะลู่ ๆ ลง กิ่งอ่อนช้อยไม่ตั้ง เปลือกต้นแตกเป็นร่อง ใบมีมีผง
เหมือนฝุ่นปกคลุม ... เสลาเปลือกแตก ตะแบกเปลือกล่อน

https://goo.gl/svbakM photo by : 026
ใบ เป็นใบเดี่ยว (simple leaf) ออกตรงข้าม (opposite) หรือเยื้องกันเล็กน้อย (sub-opposit)
ทรงใบรูปขอบขนาน (oblong) หรือรูปขอบขนานแกมรูปหอก (lanceolate) กว้าง 5-10 ซ.ม.
ยาว 11-26 ซม. เนื้อใบค่อนข้างหนา เกลี้ยง เป็นมันทั้งสองด้าน โคนใบมนหรือเบี้ยวเยื้องกันเล็กน้อย
ปลายใบเรียวและเป็นติ่งแหลม เส้นแขนงใบมี 9-17 คู่ เส้นโค้งอ่อนและจะจรดกับเส้นถัดไป
บริเวณใกล้ขอบใบ เส้นใบย่อยเห็นไม่เด่นชัดนัก ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นบ้างเล็กน้อย
ก้านใบยาวประมาณ 1 ซ.ม. เกลี้ยงไม่มีขน

การขยายพันธุ์
ผล รูปไข่เกลี้ยง ๆ ยาว 2-2.5 ซม. เมื่อแก่จะแยกออกเป็น 6 เสี่ยง เผยให้เห็นเมล็ดเล็ก ๆ
มีปีกเป็นครีบบาง ๆ ทางด้านบน โดยปกติมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ (natural distribution)
แต่อาจช่วยขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด

https://goo.gl/svbakM photo by : 026
การออกดอกและการติดผล
เริ่มผลัดใบในฤดูร้อน ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ก่อนที่ใบจะร่วงหล่นจากกิ่ง
จะเปลี่ยนเป็นสีแดง โดยใบอ่อนจะผลิออกมาใหม่ทดแทน ในขณะที่ใบเก่ายังร่วงไม่หมด
ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม โดยช่อดอกจะเริ่มออกเต็มไปหมดและจะบานต่อเนื่องกัน
เรื่อยไปจนถึงเดือนมิถุนายน ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม
เมื่อผลแก่เต็มที่ผลก็จะแตกและโปรยเมล็ด

https://goo.gl/yC5K6g
ประโยชน์และสรรพคุณของอินทนิลน้ำ
https://goo.gl/0tVN3S
ประโยชน์เนื้อไม้
อินทนิลน้ำ เป็นไม้เนื้อแข็ง เสี้ยนตรง เลื่อยและไสกบได้ง่าย ขัดเงาได้สวยงาม นิยมนำไม้
มาใช้ทำเครื่องเรือนและเครื่องมือทางการเกษตร เช่น กระดานพื้น เสา ไถ สาก
ครก และเกวียน เป็นต้น

https://goo.gl/qkKAuo
สรรพคุณทางยา
เปลือก รสฝาดขม แก้ไข้ แก้ท้องเสีย
ใบ รสจืดขมฝาดเย็น ต้มหรือชงน้ำร้อนดื่ม แก้โรคเบาหวาน ขับปัสสาวะ
ลดน้ำตาลในเลือด เป็นยาลดความดัน
เมล็ด รสขม แก้โรคเบาหวาน ช่วยทำให้นอนหลับ
แก่น รสขม ต้มดื่มแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้โรคเบาหวาน
ราก รสขม แก้แผลในปาก ในคอ เป็นยาสมานท้อง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ใบของอินทนิลน้ำมีสารโคโรโซลิค เอซิด (Corosolic Acid) ซึ่งออกฤทธิ์
เหมือนอินซูลิน จัดเป็นอินซูลินจากธรรมชาติ ไม่พบผลข้างเคียง ทั้งยังช่วยชะลอการย่อยแป้ง
ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้การลำเลียงน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ดีขึ้น มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นที่ดี
สามารถลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด และปรับการทำงานของไต โดยการควบคุมระดับ
น้ำตาลในเลือด ช่วยให้ร่างกายนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานในเซลล์ได้เป็นปกติ
และยังสามารถควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี https://goo.gl/6hoAd4

อ้างอิง :
https://goo.gl/37b09e
https://goo.gl/N9zqvw
บทเพลงบรรเลงชโลมใจ
ดอกเสลาบาน (นาน) แล้ว คลิกที่นี่ค่ะ