โหระพา ผักสวนครัวที่ขาดไม่ได้
https://goo.gl/LxZhp0
โหระพา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum basilicum Linn. ชื่อภาษาอังกฤษ : Sweet Basil, Thai Basil
ชื่ออื่น ๆ : อิ่มคิมขาว (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) กอมก้อ (เหนือ อีสาน) ห่อกวยชวย ห่อวอซู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) วงศ์ : Labiatae (Lamiaceae) วงศ์กะเพรา (วงศ์มิ้นท์)
โหระพา เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับกะเพราและแมงลักแต่กลิ่นรสต่างกัน มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย และแอฟริกา เป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย แต่แพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งในเอเชียยุโรป แอฟริกา อเมริกา และเป็นที่นิยมกันทั่วโลก
Basil เป็นคำมาจากภาษากรีกว่า Basilius แปลว่า พระราชา หรือ ผู้นำแห่งปวงชน เนื่องจาก กลิ่นหอมของโหระพาเป็นเครื่องหอมอย่างหนึ่งที่ใช้ในราชสำนักในสมัยโรมัน และในทวีปยุโรป
https://goo.gl/ATx9dk - https://goo.gl/ATx9dk
โหระพา มีความหลากหลายทางพันธุกรรมมาก คือ มีหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ ก็มีความแตกต่างกัน ในด้านของสีของลำต้น หรือ ลักษณะของช่อดอก มีทั้งช่อดอกสั้นเป็นกระจุกและช่อดอกยาว
ดอก สีขาว ม่วง หรือ สีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 7-12 เซนติเมตร มีใบประดับ สีเขียวอมม่วงซึ่งจะคงอยู่เมื่อเป็นผล กลีบดอกมีโคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน เกสรตัวผู้ 4 อัน
ผล ขนาดเล็ก ผลแห้งมี 4 ผลย่อย เมล็ดเล็กเท่าเมล็ดงา สีน้ำตาลเข้ม
ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-4 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ มีขนอ่อนปกคลุมใบและต้น
https://goo.gl/4zGtDy
โหระพา เป็นพืชที่ชอบความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ระบายน้ำดีไม่ท่วมขัง การปลูกก็เหมือนกับการปลูก กะเพรานั่นเอง เพราะเป็นพืชตระกูลเดียวกัน มีลักษณะคล้าย ๆ กัน จะแตกต่างกันที่กลิ่นและลักษณะ ใบเท่านั้นในระยะแรกควรพรวนดินและกำจัดวัชพืชทุก ๆ 1–2 สัปดาห์ ถ้าจะใส่ปุ๋ยให้ใช้ปุ๋ยแอมโมเนียม ซัลเฟตเพื่อให้พืชได้ดูดซึมสารอาหารเข้าไปเลี้ยงลำต้นและใบ ควรจะใส่หลังจากการปลูกประมาณ 15–20 วัน จะทำให้เจริญเติบโตดียิ่งขึ้น
https://goo.gl/lRsKW0
โหระพา สามารถขยายพันธุ์ได้ ทั้งวิธีเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง วิธีที่นิยมมากที่สุดก็คือการปักชำกิ่ง เพราะเพียงเรานำเอากิ่งที่ซื้อมาจากตลาดและเด็ดใบไปประกอบอาหารหมดแล้ว มาปักชำในกระบะทราย หรือแกลบดำชื้น ๆ วางไว้ในที่ร่ม เพียงแค่ 7 วัน กิ่งที่ปักไว้ก็จะออกรากให้เราสามารถย้ายไปปลูกได้แล้ว แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการเพาะเมล็ด เพราะจะได้ลำต้นที่สมบูรณ์กว่าการปักชำ และผลผลิตก็จะสมบูรณ์กว่ากันด้วย หลังจากปลูกประมาณ 30–35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ และเช่นเดียวกับใบกะเพรา อย่าให้ออกดอก เพราะถ้าออกดอกแล้วจะทำให้ต้นพืชนั้นโทรมและตายเร็วยิ่งขึ้น นี่เป็นเทคนิคการถนอมพืชที่เราปลูกแบบง่าย ๆ
https://goo.gl/eruAWO
ใบโหระพา มีน้ำมันหอมระเหย เช่น methyl chavicol และ linalool ฯลฯ ขับลมแก้ท้องอืดเฟ้อ ใช้เป็นอาหาร แต่งกลิ่นอาหาร แต่งกลิ่นเครื่องสำอางบางชนิด เมล็ดเมื่อแช่น้ำจะพองเป็นเมือก เป็นยาระบายเนื่องจากไปเพิ่มจำนวนกากอาหาร (bulk laxative)
สูตรยาพ่นง่าย ๆ แก้ปวดเข่าปวดข้อ จากใบโหระพา https://goo.gl/8ZiJXY
https://goo.gl/rG6xZd
ใบโหระพา มีกลิ่นเฉพาะ ใบและยอดอ่อนใช้กินเป็นผักสด ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหาร เป็นเครื่องแนม อาหารคาว หรืออาหารว่างได้เป็นอย่างดี ใบโหระพามีเบต้าแคโรทีน และธาตุ แคลเซียม สูง มีส่วน สำคัญในการป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็ง
https://goo.gl/UgzmBo
ประโยชน์ด้านอื่น ๆ
ใบและลำต้นของโหระพาเมื่อนำมากลั่นจะได้น้ำมันหอมระเหย ซึ่งใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ใช้แต่งกลิ่นอาหารพวกลูกกวาด ซอสมะเขือเทศ ผักดอง น้ำส้ม ไส้กรอก เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ฯลฯ ใช้แต่งกลิ่นยาสีฟันและยาที่ใช้กับปากและคอ ทำโลชั่น ครีม แชมพู และสบู่ ฯลฯ น้ำมันโหระพายังใช้ไล่แมลงหรือฆ่าแมลงบางชนิดได้ เช่น ยุงและแมลงวัน
https://goo.gl/KZn4Xf
เมล็ดโหระพามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเมล็ดแมงลักมาก เมื่อนำมาแช่น้ำจะพองตัวเป็นเมือกขาวใสและ ไม่มีรส ใช้กินกับน้ำกะทิเป็นของหวานได้ หรือใช้เป็นอาหารลดความอ้วนได้เช่นเดียวกับเมล็ดแมงลัก ประโยชน์อีกด้านหนึ่งของโหระพาคือใช้เป็นไม้ประดับ เนื่องจากโหระพามีสายพันธุ์หลากหลายมากมาย จึงสามารถคัดเลือกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับได้ดี โดยอาจจัดเป็นสวนหย่อม ปลูกตามขอบถนน หรือปลูกในกระถางหรือภาชนะแขวนก็ได้
Gin Thai Basil Smash - https://goo.gl/p9xzGz
------------------------------
อ้างอิง : https://www.elib-online.com/doctors52/food_food003.html https://www.doctor.or.th/article/detail/3993
Lenka - Trouble is a friend
Create Date : 02 สิงหาคม 2559 |
Last Update : 18 สิงหาคม 2566 20:58:56 น. |
|
55 comments
|
Counter : 8522 Pageviews. |
|
|
ดอกชมจันทร์ vs ดอกไม้จีน (Daylily) คลิกที่นี่ค่ะ