ผักกูด ... เฟิร์นกินได้
 https://goo.gl/BcbJ3q
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diplazium esculentum ชื่อสามัญ : Paco/Pako Fern, Small Vegetable Fern และ Vegetable Fern
ชื่ออื่น : กูดคึ (เหนือ), กูดกิน ผักกูด (กลาง), ผักกูดขาว (ชลบุรี), กูดน้ำ (แม่ฮ่องสอน), หัสดำ (นครราชสีมา, สุราษฎร์ธานี), ไก้กวิลุ ปู่แปลเด๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวงศ์ : Athyriaceae
ผักกูด หรือภาษาท้องถิ่นเรียกอีกอย่างว่า "กูดกิน" แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นผักอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเฟิร์น ซึ่งเป็นเฟิร์นที่สามารถนำมารับประทานหรือปรุงอาหารได้หลากหลาย และมีประโยชน์มากมายทั้งด้านการป้องกันโรค รักษาโรคและทานเพื่อสุขภาพ
 https://goo.gl/ELBRp4
ผักกูด เป็นพืชสกุลเดียวกับเฟิร์น มีเหง้าสูงได้ถึง 1 เมตร ลักษณะของใบเป็นใบประกอบรูปขนนก มีสีเขียวอ่อน และเขียวเข้มสำหรับใบแก่เต็มที่ ตอนอายุยังน้อยจะแตกเป็นรูปขนนกชั้นเดียวคู่ขนานกันไปตั้งแต่โคนใบถึง ปลายใบ เมื่ออายุมากขึ้นใบจะเปลี่ยนเป็นรูปขนนก 2 ชั้น ยอดอ่อนและปลายยอดม้วนงอแบบก้นหอย แล้วค่อย ๆ คลายออกมาจนตรง ธรรมชาติของผักกูดชอบอยู่ในที่ชุ่มน้ำ พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชียและโอเชียเนีย
มักพบขึ้นได้เองตามพื้นที่ลุ่มริมน้ำในหลาย ๆ จังหวัดของภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ริมคลอง "กูด" ในภาษาใต้โดยทั่วไป หมายถึง หงิก งอ ดังนั้น คำว่า "ผักกูด" จึงหมายถึง ผักที่มีลักษณะใบที่หงิกงอ
 https://goo.gl/EYU9z0
ส่วนที่ใช้บริโภคคือยอดอ่อนและใบอ่อนเท่านั้น ฟรอนด์ (Frond) หรือก้านใบใหม่ที่โผล่ขึ้นมาจากลำต้น มีส่วนปลายม้วนงอ แต่บางชนิดยอดใบจะมีรสขมมาก บางชนิดมีขนสีน้ำตาลปกคลุมตามต้น และแต่ละชนิด ก็มีรสชาติและสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกัน
 https://goo.gl/JyM6m7 - https://goo.gl/XGno09
ผักกูด มีหัวเป็นเหง้าตั้งตรง มีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม อยู่เป็นกอ รากแตกฝอยเป็นกระจุกใหญ่ ก้านใบแตกจาก เหง้าใต้ดิน ยอดอ่อนและปลายยอดม้วนงอแบบก้นหอย จากปลายสู่โคน ก้านใบยาวได้ประมาณเกือบหนึ่งเมตร ปลายใบแหลมขอบใบเรียบเป็นหยักเล็กน้อย โคนต้นพองออกมีขนสีน้ำตาลแดงโดยรอบ
 https://goo.gl/umMo5l
ขยายพันธุ์ ด้วยวิธีการใช้เหง้า ใช้สปอร์ หรือ ไหล โดยใช้ต้นอ่อนที่แยกออกมาจากต้นแม่ ส่วนปลายราก ที่โผล่พ้นดินขึ้นมาจะเจริญเป็นต้นอ่อน สามารถแยกมาปลูกได้ แต่โดยปกติผักกูดจะขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ อับสปอร์แตกตามความยาวของเส้นใบย่อยอยู่ใต้ใบ
 https://goo.gl/TVAyAJ
ผักกูด มีสารเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็กอยู่สูงมากเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นอาหาร อีกทั้งมีประโยชน์ ในการต่อต้านโรคต่าง ๆ มากมาย อาทิ แก้ไข้ตัวร้อน พิษอักเสบ บำรุงสายตา บำรุงโลหิต ความดันโลหิตสูง ป้องกันเลือดออกตามไรฟันและขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลในเม็ดเลือด ดังนั้น จึงถือ ได้ว่า ผักกูด เป็นพืชมหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางด้านอาหารและยา
 https://goo.gl/CIrbTJ
ผักกูด มีหลายสายพันธุ์ มีทั้งชนิดที่ขมและไม่ขม โดยเลือกแต่ผักกูดที่มีสีเขียวอ่อน ๆ เหมือนยอดหญ้า จะได้ผักกูดที่มีความกรอบและรสหวานอร่อย ไม่ควรเลือกผักกูดสีเขียวเข้มอมดำหรือมีขน เพราะแข็งกระด้างและมีรสขม
 https://goo.gl/BcbJ3q
ผักกูด เป็นพืชที่ขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะบริเวณดินดี อากาศบริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมี เป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพ แวดล้อมให้ได้รู้ว่า บริเวณไหนอากาศไม่ดี ดินไม่บริสุทธิ์ มีสารเคมีเจือปนอยู่ ผักกูดจะไม่ขึ้นหรือแตกต้น ในบริเวณนั้นเด็ดขาด ดังนั้นเมื่อรับประทานผักกูด เราจึงมั่นใจได้ว่าเรากำลังรับประทานผักปลอดสารอยู่
 https://goo.gl/u9nKxV ผักกูด เป็นตัวบอกสภาวะแวดล้อมให้รู้ว่า บริเวณไหนอากาศไม่ดี ดินมีความสมบูรณ์น้อย ผักกูดจะไม่ยอมแตกต้นในบริเวณนั้น โดยจะเป็นตอดำ ๆ ดังรูปข้างบน
 https://goo.gl/4ilNsQ
หลายคนเข้าใจว่าผักกูดจะขึ้นเฉพาะพื้นดินที่ติดน้ำ แต่ความจริงแล้วสามารถขึ้นได้ในดินทั่วไป เพียงแต่ ต้องให้น้ำมากกว่าเท่านั้น สำหรับผักกูดที่ขึ้นริมน้ำจะมีความเมือกและลื่นกว่าผักกูดที่ขึ้นบนพื้นที่ทั่วไป ส่วนรสชาติหรือสรรพคุณไม่ต่างกันเลย
 https://goo.gl/Mtvmoy - https://goo.gl/clky8Y
รสชาติจืดอมหวาน และมีความกรอบในตัว นำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย อาทิ ยำ ผัดน้ำมันหอย แกงจืด แกงกะทิกับปลาย่าง แกงเลียง แกงส้ม หรือ ลวกกะทิ ไว้รับประทานพร้อมน้ำพริก แต่ไม่นิยม กินสด ๆ เพราะจะมียางเป็นเมือกอยู่ที่ก้านผัดกูด
 https://goo.gl/V4tGjD
สรรพคุณทางยา
มีรสเย็น แก้ไข้ตัวร้อน ถอนพิษไข้ แก้พิษอักเสบ เป็นตัวช่วยที่ดีในการต้านมะเร็ง
ใบของผักกูดใช้ต้มน้ำดื่มหรือกินสด ช่วยแก้ไข้ตัวร้อน แก้พิษอักเสบ บำรุงสายตา บำรุงโลหิต แก้โลหิตจาง ป้องกันเลือดออกตามไรฟันและขับปัสสาวะเด็ดขาดมาก ลดความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลในเม็ดเลือด
ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานผักกูดแบบดิบ ๆ หรือแบบสด ๆ เนื่องจากผักกูดมีสารออกซาเลตในปริมาณที่สูง อาจทำให้ไตอักเสบ และทำให้เป็นนิ่วได้ โดยสารนี้จะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียมและแร่ธาตุสำคัญ ๆ อีกทั้งหากสะสมสารนี้ในร่างกายมาก ๆ ทำให้ออกซาเลตไปตกผลึกสะสมในไตและกระเพาะปัสสาวะ จึงควรนำไปต้มหรือปรุงให้สุกก่อนการนำมารับประทาน https://goo.gl/uppIQP 
อ้างอิง : https://goo.gl/iVchf8 https://goo.gl/jxH16W https://sites.google.com/site/pacofern36/home https://hong-pak.com/articledetail.php?eid=418
Just for you - Giovani Marradi
Create Date : 05 กันยายน 2559 |
Last Update : 13 มกราคม 2564 8:24:40 น. |
|
29 comments
|
Counter : 30773 Pageviews. |
 |
|
ดอกแค ... ญาติดอกโสน คลิกที่นี่ค่ะ