ส่วนในจีนแปะก๊วยยังใช้แทนตัว
ขงจื๊อ ผู้เป็น
ปราชญ์ใต้ต้นแปะก๊วย
https://academic.evergreen.edu/curricular/walkingthewheel Female Ginkgo Ovules and Leaves

https://academic.evergreen.edu/curricular/walkingthewheel
Male Ginkgo Flowers and Pollen
แปะก๊วย (จีน: 银杏 , ญี่ปุ่น: イチョウ ?) เป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศจีน
(แถบภูเขาด้านตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้) ที่มีการแยกต้นเป็นเพศผู้ และเพศเมีย ใบมีลักษณะคล้ายใบพัด แยกออก
เป็น 2 กลีบพบว่ามีการนำเข้าไปปลูกในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับการเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายเซน เมื่อประมาณ
ช่วงราวค.ศ. 1300 หรือสมัยคามากุระ มีลักษณะพิเศษคือจะผลัดใบไม่พร้อมกันทุกต้น แต่เมื่อผลัดใบ
ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้วร่วงหล่นทั้งต้นภายในไม่กี่วัน

Path of gold — ginkgo leaves blanket the footway at the University of Tokyo
https://goo.gl/Df5PP0
ต้นแปะก๊วย หรือ อิโจ (ญี่ปุ่น) ใบสวยแปลก ในฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน)
ใบจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง ในญี่ปุ่นจัดเป็นเทศกาลชมใบอิโจ
ต้นแปะก๊วยที่พบทั่วไปเป็นต้นสปอร์โรไฟต์ที่แยกเพศ (dioecious) เหมือนกับ
Gymnosperm ชนิดอื่นๆ

https://www.cambridgetreeproject.org/3.html
ใบแปะก๊วย เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลาย จะพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวนอยด์
(Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสอง
กลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ Bilobalides และ Ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทช่วยป้องกันโรคความจำ
เสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น
ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลาย
นิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
ขึ้นตาได้ ในปัจจุบัน เราจึงพบเห็นใบแปะก๊วยนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม วางขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก

https://goo.gl/NMIrFU
เม็ดแปะก๊วย รวยความจำ
ช่วยให้สมองใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อต้านการทำลายเซลล์สมองของอนุมูลอิสระ
ที่ทำให้ความจำเสื่อมตามอายุ สร้างความตื่นตัวและสมาธิอย่างดีเลิศ

https://goo.gl/KmC6Jc
ผลแปะก๊วย ทำเป็นของหวานแล้ว ก็ยังนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด (เช่น ขนมบะจ่าง)
ความมหัศจรรย์ของพืชชนิดนี้ ชาวจีนเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากสามารถบำบัดโรคต่าง ๆได้ มีสรรพคุณช่วย
บำรุงสมอง ทำให้มีสมาธิและความจำที่ดี แถมยังช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก

https://www.spain-info.co.uk/gardening/ginkgo.htm
แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) ที่เราพบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะอบแห้ง มีเปลือกหุ้ม
ก่อนจะนำมาประกอบอาหาร จะต้องแกะเปลือกออกก่อน เนื้อในแปะก๊วยจะเป็นสีเหลือง จะมีเยื่อเปลือก
ห่อหุ้มอีกทีเป็นสีส้มน้ำตาล แม้ความจริงแล้ว แหล่งใหญ่ของสารที่มีคุณต่อสุขภาพนั้น กลับพบมาก
ในส่วนของใบมากกว่าผลเสียอีก

https://www.wutkate.com/index.asp
อย่างไรก็ตาม มีข้อแนะนำไม่ให้ใช้ "ใบแปะก๊วย" กับคน 3 กลุ่ม คือ
1. ผู้ที่ใช้สารป้องกันการเกิดลิ่มเลือด (Anti-coaggulant) เช่น ยา Warfarin , แอสไพริน, อิบูโพรเฟน
และผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากใบแปะก๊วย มีผลทำให้เกิดเลือดออกตามร่างกายได้
2. ผู้ป่วยที่ความดันสูง หรือความดันต่ำกว่าปกติ หรือใช้ยาอยู่ เพราะใบแปะก๊วยจะไปทำให้หลอดเลือดขยาย
และลดความดันลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ความดันต่ำลงมากเกินไปได้
3. สตรีมีครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

https://goo.gl/U42QV8
นอกจากนี้ ในบางคนหากทานใบแปะก๊วยมากเกินไป อาจได้รับผลข้างเคียง เช่น มีอาการปวดหัว คลื่นไส้
อาเจียน กระสับกระส่าย ปั่นป่วนในระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจผิดปกติและหลอดเลือดผิดปกติ
ผิวหนังมีอาการแพ้ เป็นต้น ซึ่งหากใครมีอาการลักษณะที่กล่าวมา ควรหยุดทานทันที
สรุปว่า การใช้สารสกัดใบแปะก๊วย ควรต้องคำนึงถึงขนาดที่จะใช้ต่อวัน ระยะเวลาที่ต้องกินเพื่อรักษา
อาการต่าง ๆ ต้องไม่นาน คือ ประมาณ 2-3 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงข้างต้น

อ้างอิง:
https://th.wikipedia.org/wiki/%
https://jazzylj.blogspot.com/2009/03/blog-post_06.html
https://www.learners.in.th/blogs/posts/337128
KEVIN KERN - Pastel Reflections