เชียงใหม่ : วัดพระสิงห์วรวิหาร (5)
หญิงชาววังกำลังจัดพานพุ่ม พร้อมทั้งหยอกล้อกันไปด้วย //www.sri.cmu.ac.th/~maeyinglanna/main4/main2.php
พี่เลี้ยงทั้งห้าของพระธิดาเกศสุริยง พบสายป่านว่าวและชายหนุ่มอยู่กับองค์หญิง ก็เกรงกลัวความผิดที่ไม่ปกป้องเจ้านายของพวกตนตามที่พญายักษ์สั่งไว้ จึงคิดหาทางกำจัดผู้บุกรุกเพื่อไม่ให้นำความเดือดร้อนมาให้พวกตนได้อีกต่อไป ในคืนนั้นพระสุวรรณหงส์ก็ทรงสุบินร้ายว่า มีหอกพุ่งเข้าแทงตรงหัวใจ
เมื่อตื่นจากบรรทม พระสุวรรณหงส์ก็เสด็จขึ้นเรือวิเศษบินไปยังเมืองมัตตัง แล้วก็ไต่สายป่านว่าวขึ้นไปพบเจ้าหญิงเหมือนเช่นเคย แต่พี่เลี้ยงทั้งห้าได้ทำกับดัก ไว้ที่หน้าต่าง หอกยนต์ก็ลั่นเสียบพระอุระทันที เจ้าชายได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถหนีขึ้นเรือกลับมาสิ้นพระชนม์ที่พระนครของตนเอง พระองค์ก็ทรงสาบานว่าจะขอล้างแค้นองค์หญิงทุกๆ ชาติไป
พระธิดาคอยพระสุวรรณหงส์อยู่เป็นเวลาหลายวัน แต่ก็ไม่พบว่าพระองค์จะเสด็จมา นางจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง และก็ต้องแปลกใจที่พบรอยเลือด นางเกิดความสงสัย จึงตามรอยเลือดไปจนถึงป่า และมีความเศร้าโศกและเสียใจมากจนหมดสติอยู่ในป่านั้นเอง พระอินทร์ทรงรู้สึกสงสารจึงช่วยให้ฟื้นคืนสติและทรงช่วยแปลงร่างให้เป็นชาย
องค์หญิงเกศสุริยงปลอมตัวเป็นพราหมณ์หนุ่มเพื่อจะได้เดินทางไปได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้พระอินทร์ยังได้ประทานน้ำมันทิพย์บรรจุขวดเล็ก ๆ และศรวิเศษให้อีกด้วย น้ำมันนี้สามารถใช้ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ พระอินทร์ยังได้ทรงแปลงร่างอีกส่วน ของเจ้าหญิงเกศสุริยงให้เป็นร่างปลอมอยู่ในปราสาท เพื่อไม่ให้พญายักษ์สงสัย
พราหมณ์สุริยงในร่างแปลง ก็ออกเดินทางมาถึงศาลาของยักษ์นามว่า กุมภัณฑ์ เมื่อเห็นผู้บุกรุกก็เกิดความโกรธและต้องการจะกินนาง แต่นางก็ต่อสู้และฆ่ายักษ์ได้ ด้วยความสงสารนางจึงใช้น้ำมันทิพย์ชุบชีวิตยักษ์ หลังจากฟื้นแล้วยักษ์กุมภัณฑ์ ก็อ้อนวอนขออภัยและสาบานว่าจะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของนางตลอดไป
แล้วทั้งนายและบ่าวก็ออกเดินทางไปด้วยกัน เพื่อไปให้ถึงเมืองไอยรัตน์โดยเร็ว ยักษ์กุมภัณฑ์จึงให้นายของตนนั่งบนบ่าแล้วก็เดินทางมาจนถึงพระนคร เกศสุริยงในร่างพราหมณ์จึงบอกให้ยักษ์แปลงร่างเป็นพราหมณ์เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เมื่อมาถึงพระนคร ทั้งคู่ก็ทราบข่าวสิ้นพระชนม์ของพระสุวรรณหงส์
พราหมณ์เกศสุริยงจึงอาสาช่วยให้เจ้าชายฟื้นพระชนม์ชีพอีกครั้ง ทั้งพระราชา และเหล่าพสกนิกรต่างก็ปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้น เกศสุริยงในร่างพราหมณ์หนุ่ม ใช้ชื่อว่าอัมพร ก็กลายเป็นที่โปรดปรานของพระราชาและพระราชินี แต่พระสุวรรณหงส์ก็มีความสงสัยเพราะพราหมณ์อัมพรดูคล้ายเจ้าหญิงเกศสุริยงมาก
พระองค์จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดพระองค์เรียกหญิงงามที่สุดเข้ามายังพระนคร ทำทีว่าเป็นคนรักใหม่ ปรากฏว่าพราหมณ์อัมพรเกิดอาการโกรธด้วยความรู้สึกว่าตนเองถูกทรยศ จึงหนีออกจากเมืองและทิ้งพวงมาลัยดอกไม้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ไว้เบื้องหลัง
เมื่อทอดพระเนตรเห็นพวงมาลัยเจ้าชายก็ทรงทราบทันที ด้วยความรู้สึกทั้งดีใจ และแค้นใจ พระสุวรรณหงส์เสด็จขึ้นเรือวิเศษแล้วบินไปยังเมืองมัตตัง เผชิญหน้ากับพญายักษ์ ทั้งคู่เกิดต่อสู้กันอย่างดุเดือด ที่สุดพระสุวรรณหงส์ก็เป็นฝ่ายชนะ พระองค์เสด็จเข้าไปในห้ององค์หญิงเกศสุริยงเพื่อล้างแค้น
พระองค์ได้อธิษฐานว่า ถ้าหากว่ารักพระองค์จริงและมีความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ขอให้โลหิตของนางมีรสหวานแต่ถ้าเป็นไปในทางกลับกันก็ขอให้โลหิตของนางมีรสขม หลังจากจบคำอธิษฐาน พระองค์ก็ตัดคอนางด้วยดาบแล้วชิมโลหิตของนางดู ปรากฏว่ามีรสหวาน เจ้าชายผู้เศร้าโศกก็ทรุดลงกับพื้นแล้วร่ำไห้คร่ำครวญ
การแต่งกายของนางยักษ์ 5 ตน พี่เลี้ยงของนางเกศสุริยง จะเห็นทรงเครื่องประดับอาภรณ์ต่างๆ แบบหญิงชาววัง //www.sri.cmu.ac.th/~maeyinglanna/main4/main2.php
พี่เลี้ยงสะดุ้งตื่นและก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเจ้านายของตนเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งห้านางรู้สึกเสียใจแล้วก็สารภาพผิดต่อเจ้าชาย ข่าวการจากไปแพร่ไปถึง ยักษ์กุมภัณฑ์ จึงรีบไปทูลให้เจ้าชายใช้น้ำมันทิพย์ซึ่งพระอินทร์ประทานให้ ทำให้นางฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง ทั้งคู่กลับมาใช้ชีวิตคู่กันอีก
เจ้าชายทรงนำพระชายาเดินทางด้วยม้ากลับสู่พระนครของพระองค์เอง ในระหว่างทางทั้งคู่ก็ทรงหยุดพักและเผลอหลับไป มีนางยักษ์ตนหนึ่งผ่านมาพบ นางยักษ์เกิดนึกรักพระสุวรรณหงส์ผู้มีรูปร่างงามขึ้นมาทันที และผลักองค์หญิงเกศสุริยง ตกลงไปในแม่น้ำ แล้วก็แปลงร่างเป็นองค์หญิงแทนโดยบรรทมเคียงคู่กับพระสวามี
หลังจากตื่นบรรทม เจ้าชายก็ไม่ได้ทรงสงสัยอะไรนอกจากได้กลิ่นแปลกประหลาด จากเรือนร่างของพระชายาตน พระองค์ก็ไม่ได้บ่นเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นนี้ เมื่อเสด็จมาถึงพระนครโดยธรรมชาติของยักษ์ก็ย่อมจะชอบกินเนื้อดิบ ดังนั้นกลางคืนจึงแอบออกมานอกพระนครเพื่อออกจับสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร
ในขณะเดียวกันยักษ์กุมภัณฑ์ก็นำม้าของพระสุวรรณหงส์มากินน้ำที่แม่น้ำ ก็มาพบกับองค์หญิงเกศสุริยงเข้าโดยบังเอิญ จึงรีบนำนางตรงไปยังเมืองไอยรัตน์ ท่ามกลางความสับสนอลหม่านของผู้คน นางยักษ์ก็หนีออกจากพระนครไป แต่ก็ถูกยักษ์กุมภัณฑ์สกัดจับไว้ได้แล้วก็ฆ่านางเสียในระหว่างการต่อสู้กัน และแล้วทั้งสองพระองค์ก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่นครไอยรัตน์
ห้องภาพที่ 1 เริ่มตอนล่างของหน้าต่างครึ่งซ้าย เป็นฉากเมืองไอยรัตน์ พระสุวรรณหงส์ตาย นางเกศสุริยงสลบด้วยความเศร้าโศก พระอินทร์ได้ช่วยให้นางฟื้นและแปลงร่างนางให้เป็นพราหมณ์หนุ่ม พราหมณ์เกศสุริยงฆ่ายักษ์กุมภัณฑ์ตาย แล้วเดินทางไปเมืองไอยรัตน์
ห้องภาพที่ 2 พระสุวรรณหงส์พาพราหมณ์อัมพรเดินชมสวน พระสุวรณหงส์ออกอุบาย ให้หญิงอื่นเข้ามาสนิทสนมต่อหน้าต่อตา นางเสียใจหนีกลับเมืองมัตตัง พระสุวรณหงส์ออกติดตาม
ห้องภาพที่ 3 เมื่อตามถึงเมืองพบตัวปลอมซึ่งไม่ทราบเรื่องจึงเสียใจคิดฆ่าตัวตาย แต่นางเกศสุริยงตัวจริงห้ามไว้ทันทำให้ทั้ง สองคนเข้าใจกัน เมื่อท้าวสามลทราบเรื่องและหวงลูกสาวจึงยกทัพไปล้อมปราสาท และต่อสู้กับพระสุวรรณหงส์ แต่ก็แพ้พระสุวรรณหงส์
ห้องภาพที่ 4 พระสุวรรณหงส์กับนางเกศสุริยงเดินเท้ากลับเมืองไอยรัตน์ ระหว่างทางถูกนางยักษ์ทำอุบายแล้วแปลงกาย เป็นนางเกศสุริยงและกลับเข้าเมือง ภายหลังนางยักษ์ถูกฆ่าตายโดยยักษ์กุมภัณฑ์ๆ ออกตามหานางเกศสุริยงจนพบ จึงพานางไปอยู่กับนางเมขลา แล้วยักษ์กุมภัณฑ์เดินทางไปเมืองไอยรัตน์ บอกเล่าความจริงทุกอย่างให้พระสุวรรณหงส์ทราบ
บริเวณที่เป็นผนังย่อมุมรวมถึงผนังห้องภาพที่ 5 นั้น ภาพลบเลือนทั้งหมด
Create Date : 30 มีนาคม 2555 |
|
3 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2555 9:46:54 น. |
Counter : 2132 Pageviews. |
|
|
การที่จะดูภาพผนังให้เป็น จำเป็นที่จะต้องรู้ภูมิหลังของเรื่องราวของภาพจริงๆ
ไม่งั้นดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง
ทำอย่างไรเราจึงจะให้คนดูภาพผนังได้เข้าใจเรื่องราวอย่างนี้ทุกๆ ครั้ง
และทุกๆ วัดได้นะ
ทำแผ่นพับแจก ..? อย่างนั้นหรือ
แค่ทศชาตินี่ก็จำเรื่องกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว