:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 231 ::
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 231 ::โจทย์ --- มิ่งมิตรผู้คิดโจทย์ --- JinnyTent
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 3 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
สายลมพัดกรูเกรียวตลอดเวลา ไป่จิงเหวินทนนอนฟังเสียงลมพัดทั้งวันทั้งคืนด้วยความอึดอัดคับข้องใจ เขากลายเป็นนักโทษซึ่งถูกขังอยู่ในเรือนกายของตนเองโดยมิอาจเคลื่อนไหว สามเดือนเต็มที่ผ่านมา ทำได้เพียงนอนรอการช่วยเหลือจากศิษย์น้องนามว่า เหลียนหู่
ทุกวันศิษย์น้องผู้นี้จะยกอาหารเข้ามาป้อนเขาวันละสองครั้งเช้าเย็น และเนื่องจากร่างกายทุกส่วนมิอาจเคลื่อนขยับได้ การขับถ่ายของเขาจึงเรี่ยราดเลอะเทอะ ปรากฏว่าเหลียนหู่ก็เข้ามาทำความสะอาดร่างกาย และจัดการกับสิ่งโสโครกของเขาโดยไม่มีทีท่ารังเกียจแต่อย่างใด เขาได้แต่กล่าววาจาขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง แต่ศิษย์น้องหาได้กล่าวคำใดตอบกลับมาไม่ นอกจากยิ้มอ่อน แล้วเดินจากไปเมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้น
บางคราเขาลองเดินลมปราณจากจุดตันเถียน แต่พบเพียงความว่างเปล่า ใช่ --- ท่านอาจารย์ได้บอกกล่าวกับเขาแล้วว่าวิทยายุทธ์ทั้งหมดของเขานั้นถูกทำลายจนหมดสิ้น
นักรบผู้ปราศจากวรยุทธ์ หาได้ต่างอะไรกับกระบี่ที่ไร้คม มันคือ ความไร้ค่า ! น้ำตาของไป่จิงเหวินรินไหลออกมาโดยมิรู้ตัวด้วยความสะเทือนใจ มิอาจแก้แค้นให้พ่อแม่ สูญสิ้นวรยุทธ์และสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพ กลายเป็นคนพิการนอนไร้ค่าอยู่บนเตียง ได้แต่นอนรอความตายไปวัน ๆ เขายังคู่ควรกับการมีชีวิตอยู่อีกหรือ สู้ตายไปให้พ้นทุกข์ในยามนี้เลยมิดีกว่าหรือ ? ก่อนความคิดจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลกว่านี้ เหลียนหู่ก็เดินเข้ามาในห้อง
ศิษย์น้องเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวไป่จิงเหวินออก พลิกตัวเขาเข้าหาผนัง ของเสียทั้งหนักเบาไหลเลอะช่วงล่างโดยเขามิทันรู้สึกตัว เหลียนหู่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดโดยมิคิดรังเกียจ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ไป่จิงเหวิน
เขาซาบซึ้งในสิ่งที่เหลียนหู่ทำให้จนสะอื้นไห้ตัวโยน
“ขอบคุณมากศิษย์น้อง ข้าขอกราบขอบคุณเจ้าจริง ๆ”
เหลียนหู่ยิ้มให้เขาอีกครั้งโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
“ไยเจ้ามิเอื้อนเอ่ยคำใดกับข้าบ้างเล่า” ไป่จิงเหวินมิอาจทนสงสัย
เป็นครั้งแรกที่เหลียนหู่มองมายังไป่จิงเหวินอย่างเต็มตา เขาอ้าปากแลบลิ้นซึ่งเหลือเพียงโคนให้ไป่จิงเหวินดู นี่คือสาเหตุอันแท้จริงที่เหลียนหู่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดได้
“ใครช่างโหดร้ายทำกับเจ้าถึงเพียงนี้ได้ ชั่วช้าสิ้นดี !”
ไป่จิงเหวินรู้สึกโกรธจนมิอาจระงับความรู้สึก
เหลียนหู่ยิ้มให้ไป่จิงเหวินอีกครั้ง ก่อนยกมือชี้ไปยังไป่จิงเหวิน !!!
ไป่จิงเหวินตกตะลึงพรึงเพริดแทบสิ้นสติ นี่เขาไปทำร้ายศิษย์น้องผู้มีพระคุณตอนไหนกัน ?
.....................................................
กาลก่อนในยามราตรีอันเงียบสงัด ไป่จิงเหวินคิดชั่วแอบลักลอบเข้าไปขโมยคัมภีร์ล้ำค่าของเจ้าอาวาส จนศิษย์น้องทั้งสามเดินมาประสบเหตุ นั่นใครน่ะ ?”
เสียงศิษย์น้องร้องทัก
“ขะ..ข้า...เอง”
ไป่จิงเหวินแง้มประตูห้องออกมาแล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก
“ท่านเข้าไปทำอะไรน่ะพี่จิงเหวิน”
ศิษย์น้องอีกคนหนึ่งคาดเค้นคำตอบ
ก่อนใครจะทันรู้ตัว ปลายมีดเล่มเล็กในมือไป่จิงเหวินก็เฉือนปาดเข้าไปที่คอหอยของศิษย์น้องคนแรก ยังไม่ทันสุดเสียงร้อง มีดเล่มเดียวกันพุ่งแทงเข้าไปที่หน้าอกของศิษย์น้องอีกคน ไป่จิงเหวินถอนมีดออกจากอก แล้วตวัดเข้าไปที่คอหอยของศิษย์น้องคนที่สาม เลือดสาดกระเซ็นซ่านเปื้อนชุดของไป่จิงเหวิน ศิษย์น้องทั้งสามถูกเข่นฆ่าในพริบตาเดียว !
.......................................................
“เจ้าคือศิษย์น้องที่รอดตายในวันนั้นใช่หรือไม่ ?”
ไป่จิงเหวินถามเหลียนหู่
เหลียนหู่พยักหน้าแทนคำตอบ หากวันนั้นเหลียนหู่มิขยับตัวถอยฉาก แทนที่จะสูญเสียลิ้น เขาคงต้องสูญสิ้นชีวิตอย่างแน่นอน
ไป่จิงเหวินนอนหมดเรี่ยวแรงบนเตียง น้ำตาไหลพรากมิขาดสาย พร่ำพูดคำขอโทษนับครั้งไม่ถ้วน สำนึกผิดจู่โจมทุกห้วงความคิด ความละอายต่อบาปที่ตนเองได้ก่อไว้จู่โจมทุกห้วงความรู้สึก เขาตัดสินใจอ้าปาก แลบลิ้นของตนเองออกมา ก่อนจะงับปากลงไปเต็มแรง หมายกัดลิ้นตนเองให้ขาดเพื่อชดใช้หนี้กรรมซึ่งตนเองก่อไว้
เร็วเกินคาดคิด เหลียนหู่กลับเอานิ้วมือสอดง้างไว้ในปากของไป่จิงเหวิน เขามิอาจยั้ง จึงกัดมือนั่นเข้าเต็มแรงจนเลือดกระฉูด
เหลียนหู่ส่ายหน้าเหมือนบอกเขาว่า
“อย่าได้ทำเช่นนี้เลย”
ไป่จิงเหวินยิ่งรู้สึกผิดกับตัวเองมากขึ้น เขาร่ำไห้จนหมดแรงและสลบไปในที่สุด
................................................
ไป่จิงเหวินซึมหม่นลงไปมาก นอนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เหลียนหู่ยังคงเข้ามาดูแลเขาทุกวัน ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย
และเมื่อครบ 100 วัน ไคหมิงต้าซือก็เดินเข้ามาในห้อง อาจารย์บอกให้เหลียนหู่ประคอง ไป่จิงเหวินเพื่อยกตัวขึ้น จากนั้นขึ้นไปนั่งบนเตียงเคียงคู่กัน ไคหมิงต้าซือใช้ฝ่ามือทั้งสอง ถ่ายทอดกำลังภายในผ่านแผ่นหลังของไป่จิงเหวิน ความร้อนวูบวาบไหลผ่านร่างกายอย่างรู้สึกได้ ไป่จิงเหวินรู้สึกเหมือนมีมวลพลังงานจำนวนมหาศาลไหลเวียนผ่านจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งจุดตันเถียน จุดสิ้นฮุ่ย จุดซวิงจุงที่กลางอก จุดฉีจุง ฯลฯ ลมปราณไหลลามไปทั่วร่าง จากที่หมดแรงจนมิอาจทรงกายลุกนั่งเองได้ ผ่านไปครึ่งชั่วยามคล้ายพลังชีวิตของเขาได้หวนคืนกลับมาทั้งหมด เมื่ออาจารย์เฒ่าถ่ายทอดพลังภายในผ่านไปอีก 1 ชั่วยาม กล้ามเนื้อลีบเล็กจากการไม่ได้เคลื่อนไหวนานสามเดือนกว่า กลับพองตัวกลายเป็นมัดกล้ามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“เหลียนหู่”
ไคหมิงต้าซือร้องเรียกขึ้นเบา ๆ
“จงใช้ท่าฝ่ามือมังกรพยัคฆ์บูรพาซัดไปที่จุดไป๋ฮุ่ยเดี๋ยวนี้”
เหลียนหู่พยักหน้ารับคำ เดินอ้อมไปด้านหลัง ขยับเดินลมปราณชั่วขณะ ก่อนซัดฝ่ามือเข้าไปบริเวณกึ่งกลางศีรษะเยื้องไปทางด้านหลังของไป่จิงเหวินเต็มแรง
ไป่จิงเหวินรู้สึกทรมานร่างกายราวกับอวัยวะทุกส่วนกำลังปริแตก กล้ามเนื้อทุกมัดของเขาเขม็งเกลียว เส้นเลือดทุกเส้นบวมพองปูดโปน หน้าตาแดงก่ำ ตาเหลือกถลน ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทุก ๆ จุดในร่างกาย ลมหายใจติดขัด
แล้วสติของเขาก็ดับวูบไป !!!
.....................................................
ไป่จิงเหวินต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในห้องบนยอดเขานานนับเดือน ทุกวันมีเหลียนหู่ซึ่งเปรียบเสมือนมิ่งมิตร คอยดูแลแวะเวียนไม่ขาดตกบกพร่อง นอกจากจะได้รู้ว่าเหลียนหู่เป็นใบ้ ชั่วชีวิตเพราะคมมีดของเขา ไป่จิงเหวินยังได้รู้ว่าศิษย์น้องผู้นี้มีวรยุทธ์ลึกล้ำจากวิชามังกรพยัคฆ์บูรพาอีกด้วย
เปล่า --- เขามิได้ปรารถนาสุดยอดคัมภีร์ใดใดอีกแล้ว การได้ชีวิตใหม่กลับมานี่ต่างหาก คือของขวัญอันวิเศษสุดของไป่จิงเหวิน
เขาตัดสินใจได้แล้วหลังจากตรึกตรองตลอดหลายวันที่ผ่านมา ว่าจะตัดสินใจวางความแค้นทั้งหมดของตนเองลง เพื่อมุ่งหน้าสู่ทางธรรม เขารู้แล้วว่าการให้อภัยนั้นมีรสชาติฉ่ำหวานเพียงใด และยังรู้ว่าการละวางความโกรธเกลียดได้นั้น มอบความชุ่มเย็นให้กับชีวิตมากจริง ๆ
ทุกวันเขาค่อย ๆ ขยับร่างได้มากขึ้น ๆ ทีละนิด กำลังภายในเต็มเปี่ยมที่ไคหมิงต้าซือถ่ายทอดให้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เพียงแต่พลังอันเปี่ยมล้นเกิน กลับทำให้เขาควบคุมพลังนั้นมิได้
ไคหมิงต้าซือขึ้นมาสอนการเดินลมปราณให้เขาอีกครั้งสองครั้งแล้วหายหน้าไปเลย มีเพียงเหลียนหู่ซึ่งคอยช่วยเหลือในเรื่องการอยู่กิน และ สอนวิชาหมัดมวยบางท่าให้เขาทำตาม ความสนิทสนมเพิ่มพูนขึ้นโดยมิรู้ตัว แม้ทั้งสองมิอาจสื่อความกันได้ด้วยถ้อยคำ แต่มิตรภาพที่มั่นคงกลับก่อเกิดขึ้นภายใต้ความเงียบอันดื่มด่ำลึกซึ้ง
และในเย็นวันหนึ่ง ไป่จิงเหวินเรียกเหลียนหู่เข้ามาใกล้ ๆ เขาเอ่ยถ้อยคำที่คิดไว้ในใจ
“ศิษย์น้อง ที่ผ่านมาเจ้าดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก และมิรู้จะกล่าวคำขอบคุณเจ้าได้อย่างไร แม้นข้าโขกคำนับเจ้าสักพันครั้งหมื่นครั้งก็นับว่ายังน้อยเกินไป ขอเจ้าโปรดรับการคารวะจากข้าด้วย”
พูดจบเขาก้มตัวลงคุกเข่าเตรียมก้มหัวก้มคารวะ แต่มิทันได้ทำเช่นนั้น เหลียนหู่กลับทรุดตัวนั่งลงประคองศิษย์พี่ให้ลุกขึ้นยืนด้วยไมตรี เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของไป่จิงเหวิน
“ถ้าเช่นนั้น ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าขอสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าจะได้หรือไม่ ?”
เหลียนหู่พยักหน้ายิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนเดินไปหยิบถ้วยชามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวกลางห้อง จุดธูปแล้วยื่นให้ไป่จิงเหวิน เพื่อสาบานเป็นพี่น้องกัน
ไป่จิงเหวินกล่าวถ้อยคำสาบานดังก้อง
“ข้า --- ไป่จิงเหวิน ขอสาบานเป็นพี่น้องกับเหลียนหู่ แม้มิได้เกิดวันเดียวกัน แต่ขอร่วมสุขร่วมทุกข์ไปด้วยกันตร าบจนวันตาย ขอฟ้าดินเป็นพยาน ขอฟ้าดินเป็นพยาน”
เมื่อกล่าวจบไป่จิงเหวินก้มตัวคารวะที่พื้น ปักธูปลงในกระถางซึ่งเหลียนหู่เตรียมไว้
มิทันคาดคิด ห่าธนูนับร้อยกลับพุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว !!! เหลียนหู่ตัดสินใจในฉับพลัน ผลักไป่จิงเหวินให้นอนลงบนเตียงนอน ก่อนใช้ฝ่ามือตบไปที่พื้นเตียงเต็มแรง จนเตียงพลิกกลับกลายเป็นเส้นทางลับ ช่วยให้ไป่จิงเหวินรอดพ้นจากความตาย เหลียนหู่ใช้แรงกดอีกครั้งแผ่นเตียงก็หมุนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม แต่นั่นทำให้เขาต้องรับเกาทัณฑ์อันแหลมคมเป็นจำนวนมาก ลูกธนูปักไปทั่วร่างจนเหลียนหู่ขาดใจตายในทันที !!!
ไป่จิงเหวินหล่นร่วงลงไปในเส้นทางอุโมงค์ลับที่ทั้งมืดและเย็นยะเยือก อุโมงค์ลึกลับพาร่างของเขาไหลไปเรื่อย ๆ จนหลุดทะลุไปยังโถงถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแสงสว่างลอดผ่านมาจากที่ใดสักแห่งอย่างเลือนราง สติของเขาดับวูบไปอีกครั้งเนื่องจากยังเดินพลังลมปราณไม่สมบูรณ์
ชะตากรรมใยโหดร้ายเยี่ยงนี้ เขาเองย่อมมิอาจเข้าใจ !!!
ความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1
ตอนที่ 2
Create Date : 01 กรกฎาคม 2562 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2562 22:48:11 น. |
|
22 comments
|
Counter : 3141 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณTui Laksi, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณhaiku, คุณ**mp5**, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเรียวรุ้ง, คุณJinnyTent, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณmultiple, คุณmariabamboo, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSai Eeuu, คุณชีริว, คุณtoor36, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณnewyorknurse |
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:07:02 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:32:31 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:39:00 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:9:56:30 น. |
|
|
|
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:11:13:26 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:12:31:31 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:18:49:42 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:20:13:38 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:21:34:21 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:22:56:10 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:23:15:55 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 1 กรกฎาคม 2562 เวลา:23:42:38 น. |
|
|
|
| |
ได้มากมาย จริง ๆ
และก็เป็นไปแบบไม่คาดคิดอีก 555
ตอนนี้หัวเราะได้บ้างแล้ว... น่าจะเป็นกรรมเก่าของศิษย์น้อง
ที่ตามมาถึง และแล้วก็พ้นทุกข์..ไป
คนอยู่ก็คง มีสิ่งที่กัดกร่อนจิตอีกต่อไป