อยุธยา : วัดกษัตราธิราช
ผมไม่ได้สนใจวัดนี้โดยตรง จึงขอกล่าวถึงแบบสั้นๆ ว่าเป็นวัดที่อยู่นอกเกาะเมืองอยุธยาทางฝั่งตะวันตก ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงวัดนี้ มีเพียงข้อสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นที่ตั้งค่ายของพม่าในคราวสงคราม
เมื่อเสียกรุงฯ วัดนี้ก็ร้างลง จนกระทั่งได้รับการบูรณะ ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยเจ้าฟ้าอนุรักษ์เทเวศร์ (วังหลัง) เรามาวัดนี้เพื่อที่จะตามหาอาคารหลังหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในงาน
Night at the Museum 11 Night Talk ของ museum siam เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ในช่วง แค่ยกย้ายแต่ไม่สลายสูญท้องพระโรงวังพระองค์เจ้างอนรถ จากมิวเซียมสยามสู่วัดราชา โดยคุณ โลจน์ นันทิวัชรินทร์
พื้นที่เดิมของมิวเซียมสยามมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ตรงข้ามกับปากคลองบางหลวง ซึ่งเดิมเป็นด่านขนอนเก็บภาษี เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาได้ปรับปรุง ให้มีความแข็งแรง เรียกว่าป้อมวิไชเยนทร์
ฝั่งตรงข้ามได้ก่อสร้างป้อมที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นรูป 5 แฉก เรียกว่าป้อมบางกอก รักษาการโดย เชวาเลียร์ เดอ ฟอร์บัง มีความสำคัญเมื่อคราวเกิดกบฏมักกะสัน เจ้าพระยาวิชเยนทร์ สั่งให้ฟอร์บังจับแขกมะกะสัน ที่กำลังจะออกจากกรุงศรีอยุธยา
และเหตุการณ์ที่สำคัญต่อมา เมื่อผลัดแผ่นดินเข้าสู่สมัยพระเพทราชา พระองค์ได้ส่งทหารกรุงศรีอยุธยามารบกับฟอร์บัง การล้อมที่ยืดเยื้อ กว่าแรมปี จบลงด้วยการที่สยามยอมให้ฝรั่งเศสลงเรือออกจากป้อมไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก พระเพทราชาสั่งให้รื้อป้อมบางกอกลง
พ.ศ. 2374 รัชกาลที่ 3 ทรงต้องการจะบูรณะและขยายวัดโพธิ์ออกไป จึงโปรดให้รื้อวังริมวัดโพธิ์ออก เพื่อสร้างเป็นวิหารพระนอน หากใครเคยอ่าน จดหมายเหตุความทรงจำ กรมหลวงนรินทรเทวี วังนี้ก็คือที่อยู่ของเจ้าครอกวัดโพธิ์นั่นเอง
รวมถึงบ้านขุนนางบริเวณนั้น เหลือเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมระหว่างถนน ทรงพระราชทานไม้ที่รื้อออกมาจากพระบรมมหาราชวัง จากอาคารครั้งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 มาสร้างวังให้พระราชโอรส เรียกว่าวังท้ายวัดโพธิ์ ประกอบไปด้วยวังของ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมาตาพิทักษ์ (พระองค์เจ้าศิริวงศ์) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นเชษฐาธิเบนทร์ (พระองค์เจ้าโกเมน) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ (พระองค์เจ้าคเนจร) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้างอนรถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี (พระองค์เจ้าลดาวัลย์)
พระองค์แรกประสูติในปี พ.ศ. 2355 ในเวลานั้นก็มีพระชันษาราว 20 ส่วนที่เหลืออีก 4 พระองค์ ประสูติในปี พ.ศ. 2358 การบูรณะวัดโพธิ์นั้นเป็นงานใหญ่ใช้เวลากว่า 16 ปี โดยมีเจ้านายวังท้ายวัดโพธิ์เป็นแม่งานสำคัญ
โดยพระองค์เจ้างอนรถ เป็นผู้บูรณะพระระเบียง 4 ทิศ พระองค์เจ้าศิริวงศ์ พระองค์เจ้าโกเมน พระองค์เจ้าคเนจร เป็นช่างมุกสร้างและประดับประตูหน้าต่างของพระวิหารหลวง พระองค์เจ้าลดาวัลย์ เป็นผู้สร้างวิหารและปิดทองพระนอน
สมัยก่อนไม่มีสถานที่ราชการ ที่ทำงานก็คือวังเจ้านาย วังจึงต้องมีท้องพระโรงเพื่อให้ขุนนางเฝ้า ท้องพระโรงวังเจ้าฟ้าก่ออิฐถือปูนและมีใบเสมาประดับกำแพง
ส่วนท้องพระโรงวังพระองค์เจ้าเป็นอาคารไม้ขนาด 5 ห้อง แบ่งได้เป็นสองส่วนโดยมีฉากกั้นในแนวตามยาวของตัวอาคาร ฝั่งหนึ่งเจ้านายประทับว่าราชการ อีกฝั่งให้ขุนนางมาเฝ้า ยกเว้นท้องพระโรงของพระองค์เจ้างอนรถที่กั้นพระฉากในแนวขวาง
ต่อมานิยมอาคารแบบตะวันตก ธรรมเนียมก่ออิฐถือปูนจึงถูกละไป เช่นท้องพระโรงวังท่าพระของสมเด็จเจ้าฟ้าพระยานริศนรานุวัติวงศ์ ที่แม้จะก่ออิฐถือปูน แต่รูปแบบอาคารก็เป็นแบบชั้นพระองค์เจ้า
เมื่อท้องพระโรงวังท่าพระปรับมาเป็นแบบก่ออิฐถือปูนแล้ว ท้องพระโรงของวังชั้นพระองค์เจ้าที่ยังเป็นอาคารไม้ และอยู่ในตำแหน่งเดิมมาจนถึงปัจจุบัน จึงเหลือเพียงท้องพระโรง วังบ้านหม้อของพระองค์เจ้ากุญชรในรัชกาลที่ 2 เพียงหลังเดียวเท่านั้น
ลุถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมืองก็ขยายออกไป วังเจ้านายก็ย้ายตาม วังเจ้านายที่ใช้เงินแผ่นดินสร้างถือเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน เมื่อเจ้านายองค์ใดสิ้นก็เป็นพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ ในเวลานั้น ที่จะโปรดให้ผู้ใดไปครองวังต่อ
เมื่อกลุ่มวังท้ายวัดโพธิ์ไม่มีผู้สืบทอดที่จะครองอาคารนี้ได้ วังจึงต้องทิ้งร้างลง พื้นที่เมืองชั้นในถูกใช้เป็นสถานที่ราชการ อันเป็นรูปแบบการปกครองแบบตะวันตกแทน ตำหนักทั้ง 5 ถูกรื้อย้าย กลายมาเป็นที่ตั้งของกระทรวงพาณิชย์เป็นเวลาอีกกว่า 80 ปี
แล้วท้องพระโรงพระองค์เจ้ากลุ่มวังท้ายวัดโพธิ์ทั้ง 5 หลังหายไปไหน
เรามีข้อมูลของท้องพระโรงที่ถูกรื้อย้ายไปเพียง 3 หลัง หลังที่มีประวัติชัดที่สุด คือ วังพระองค์เจ้างอนรถ โดยกล่าวไว้ในหนังสือบันทึกของ มจ. แดง งอนรถ ว่า
พ.ศ. 2451 รัชกาลที่ 5 โปรดให้มีการบูรณะวัดราชาธิราช ทรงระลึกได้ว่าท้องพระโรงของพระองค์เจ้างอนรถนั้นงดงาม ปัจจุบันไม่มีผู้ดูแลรักษาจึงโปรดให้รื้อมาถวายเป็นหอสวดมนต์
วัดปรินายกที่มีพระประธานสมัยสุโขทัยอันงดงาม ข้างๆ โบสถ์นั้นมีอาคารไม้ตั้งอยู่ โดยมีความสูงจากพื้นไม่มาก ซึ่งเป็นระดับเดียวกับการตั้งของรูปแบบอาคารเดิม นั่นคือท้องพระโรงของวังพระองค์เจ้าศิริวงศ์
ซึ่งอาคารทั้งสองหลังนี้ไปไม่ยาก ด้วยตั้งอยู่กลางกรุงเทพ จึงเหลือเพียงหลังสุดท้าย อันเป็นที่เป็นที่มาของการเดินทางในครั้งนี้ ท้องพระโรงวังพระองค์เจ้าอุไร ได้ถูกถวายมาเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ที่วัดกษัตราธิราช นอกเกาะเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
เราถามหาท้องพระโรงหลังนี้กับพระที่อยู่ในอุโบสถ และได้เส้นทางมาว่าอยู่ในเขตสังฆาวาส ก็ได้รูปมาดังที่เห็น หากเป็นผู้หญิงก็ไม่น่าจะเข้าไปได้ ดังนั้นคงต้องชมภาพก็แล้วกัน
พ.ศ. 2548 เมื่อกระทรวงพาณิชย์ย้ายไปอยู่ที่สนามบินน้ำ ได้มอบพื้นที่นี้ให้กับกรมธนารักษ์ซึ่งให้คณะโบราณคดี ม. ศิลปากร เข้ามาขุดค้นบริเวณนี้ซึ่งทำให้เห็นแนวโครงสร้างด้านใต้ที่เคยเป็นวัง ก่อนที่จะมีการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
พ.ศ. 2554 ได้มีการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินส่วนต่อขยาย จากหัวลำโพงถึงท่าพระ ผ่านพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ทำให้ต้องมีการดำเนินการทางโบราณคดี
โบราณวัตถุที่ขุดได้บอกเล่าเรื่องราวของพื้นที่นี้ ตั้งแต่สมัยเป็นป้อมบางกอกจนถึงเป็นช่วงเวลาของกลุ่มวังท้ายวัดโพธิ์ ถูกจัดแสดงอยู่ที่ในสถานีสนามไชย สามารถไปรับชมกันได้ทุกวันเลย
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2566 |
|
3 comments |
Last Update : 28 ธันวาคม 2566 8:59:13 น. |
Counter : 587 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 23 พฤศจิกายน 2566 17:39:20 น. |
|
|
|
| |
ขอบคุณค่ะ