วัดทองธรรมชาติ : จิตกรรมฝาผนังพุทธประวัติ (1)
มีคำถามว่า อาคารสำคัญในวัดมักจะมีสองหลัง ถ้าหลังหนึ่งเขียนทศชาติแล้วอีกหลังจะเขียนอะไร คำตอบคือวัดในขนบมักจะเลือกเขียนพุทธประวัตินั่นเอง
ถ้ายกจิตรกรรมวัดสุวรรณารามเป็นตัวอย่างการเขียนทศชาติ คงจะยกตัวอย่างภาพจิตรกรรมแบบพุทธประวัติก็คงต้องเป็นที่นี่ ที่ที่ซึ่งฝีมืองดงามไม่แพ้กัน แต่อาจจะต้องวนเวียนไปหลายครั้งกว่าจะได้เข้าชม
วัดทองธรรมชาติหรือชาวบ้านมักเรียกขานติดปากว่าวัดทองบน คู่กับวัดทองล่างหรือวัดทองนพคุณ อีกหนึ่งวัดทองของย่านคลองสาน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อเสียกรุงครั้งที่สอง ชาวบ้านก็คงแตกกระสานไปกลายเป็นวัดร้าง
เมื่อแรกตั้งกรุงเทพเป็นราชธานี พระองค์เจ้าหญิงกุพระขนิษฐาในรัชกาลที่ 1 หรือกรมหลวงนรินทรเทวี กับกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ แต่ยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ กรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ ผู้เป็นพระภัสดาสิ้นพระชนม์ลง
จนมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ทรงโปรดเกล้าให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร เป็นแม่กองสานต่อการปฏิสังขรณ์วัดจนเสร็จสมบูรณ์ แล้วพระราชทานชื่อวัดว่า วัดทองธรรมชาติ หน้าบันพระอุโบสถจำหลักไม้ เป็นรูปเทพพนมบนลายก้านขดเป็นฝีมือของช่างสมัยอยุธยา
บานประตูหน้าต่างด้านนอกลงรักเขียนลายทองมีลักษณะเป็นลายกลับสองชั้น พระประธานในพระอุโบสถนี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้พระราชทานนามว่า พระพุทธชินชาติ มาศธรรมคุณ มีพระอัครสาวกอยู่ด้านซ้ายและขวาสององค์ พระอุโบสถมีขนาดเล็ก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะแค่ 4 ห้อง ด้านหลังพระประธานไตรภูมิ ด้านล่างวิถีชีวิตผู้คนในหมู่เรือนไทยและตึกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น คาดว่าเป็นชุมชนวังบูรพาภิรมย์ เนื่องด้วยเป็นชุมชนเดิมของผู้คิดจะซ่อมสร้างวัด ถ้าใช่ก็เป็นหลักฐานชั้นดี เนื่องด้วยเพราะตัววังในปัจจุบันนั้นไม่เหลือให้เห็นแล้ว
ด้านตรงข้ามพระประธานเป็นภาพพระพุทธประวัติตอนมารผจญ ด้านข้างบนของพระอุโบสถก็เป็นภาพเทพชุมนุมสามแถว ต่ำลงมาเป็นภาพพุทธประวัติอันเป็นจุดสำคัญที่เราจะมาดูกัน คำถามสำคัญคือเราจะทำอะไรก่อนเมื่อเข้าไปในโบสถ์
บางคนจะเดินหน้าถ่ายไปทั่ว สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วก็ลืมว่ารูปนี้ถ่ายจากมุมไหน เมื่อไม่รู้ว่าถ่ายอะไร ก็ไม่รู้ว่าจะเก็บภาพบริเวณไหนของจิตรกรรม คนที่ดูจิตรกรรมถึงขีดสุด เค้าจะเดินตัวเปล่าโดยไร้กล้องในมือเลย
เมื่อเข้าไปในอุโบสถ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือเรากำลังอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป มันคือบริเวณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ควรทำคือนั่งลงตรงหน้าพระประธาน รู้สึกให้ได้ถึงความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เพราะอุโบสถแต่ละที่ล้วนมีแสงน้อย ที่จะช่วยขับพระประธานสีเหลืองทองให้มลังเมลืองงามระยับจับจิตใจ
พระประธานในบางวัดก็เป็นพระพุทธรูปสำคัญในระดับคู่บ้านคู่เมือง ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่การเสียเวลาหากเราจะค่อยพิจารณาถึงความงาม เก็บภาพในความทรงจำในมุมกว้างของของพระอุโบสถไว้ จากนั้นจึงค่อยไปดูและเก็บภาพด้านหลังพระประธาน ด้านหน้าพระประธานและเทพชุมนุมที่อยู่สองข้างตามลำดับ
จากนั้นจึงเดินไปมุมซ้ายมือพระประธานด้านหลังเพราะที่นี่มักเป็น จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเสมอ ถ้าไม่ใช่เราก็เดินไปรอบๆ เพื่อหาจุดเริ่มต้นก่อน ถ้าหาไม่ได้ เราจะเรียงเรื่องไม่ถูก จำไว้ว่าสองตาเราคือกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุด ไม่ว่าเราจะใช้กล้องและเลนส์ดีเพียงใด ก็ไม่มีทางที่เก็บภาพนั้นไว้ได้เท่าที่ตาเห็น
เมื่อเข้าใจการเดินเรื่องทั้งหมด เราจึงค่อยเก็บภาพ แต่ละห้องเริ่มจากภาพทั้งหมด จากนั้นเมื่อเราเข้าใจ ค่อยซูมเก็บภาพรายละเอียด จากต้นเรื่องไปจนจบ เทคนิคที่แนะนำคือเปิดรูรับแสงให้กว้างที่สุด ปรับ ISO สูงที่สุด ปรับ WB ไปที่แสงแบบหลอดทังสเตน ปรับ EV ลงมาซัก -1
แต่ละที่นั้นมืดไม่เท่ากัน สำหรับผมได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะการเปิด Flash เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง แม้เราไม่รู้ว่ามันมีผลต่อจิตรกรรมอย่างไร แต่เมื่อเราเชื่อว่ามันเสี่ยงที่จะทำอันตรายภาพวาดอันเก่าแก่เราก็ไม่สมควร จะเก็บความงามนี้ไป โดยไม่คำนึงว่าคนรุ่นหลังเค้าจะมีโอกาสเช่นเราหรือไม่
Create Date : 11 ตุลาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 10:06:18 น. |
Counter : 3283 Pageviews. |
|
|