:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 230 ::
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 230 ::โจทย์ --- ความกลัวผู้คิดโจทย์ --- กะว่าก๋า
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 2 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
ไป่จิงเหวินไม่เคยรู้สึกกลัวเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แม้ผ่านศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน เข่นฆ่าผู้คนมากมายโดยไม่กระพริบตา เฉยชาต่อความเป็นความตายของผู้คนรอบข้าง ขอเพียงให้ตนรอด เขายอมทำทุกอย่าง แม้ต้องทำสิ่งผิดต่อมโนธรรมสำนึกที่ดีก็ตาม คมดาบกวัดแกว่ง ปลายกระบี่ทิ่มแทง คลื่นเกาทัณฑ์ที่พุ่งตรงมา เขาปัดป้อง เบี่ยงบ่าย และโต้ตอบกลับไปได้ทุกครั้ง จนร่างกายแทบไม่มีบาดแผลริ้วรอยจากคมศาสตรา แต่ปลายตะเกียบไม้เล็ก ๆ ของอาจารย์เฒ่ากลับพุ่งแทงทะลุคอหอยของเขา โดยมิอาจหลบหลีก มิอาจต้านทาน
เจ็บ ? --- ไม่...แปลกมากที่มันมิได้ก่อเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอันใดเลย ที่แปลกอีกสิ่งหนึ่ง คือ เขามิอาจขยับเขยื้อนเคลื่อนกายได้ แม้นเปล่งเสียงร้องออกมาสักคำยังทำไม่ได้ เขามองเห็นอาจารย์เฒ่าค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ ไป่จิงเหวินนั่งคอพับคออ่อนไร้เรี่ยวแรง จะต้านต่อ
ลมหายใจของเขาเริ่มขาดห้วง แผ่วเบา ก่อนเงียบสงบลงในที่สุด
....................................................
ไป่จิงเหวินในวัย 7 ขวบหาใช่เด็กทารกไร้เดียงสาไม่ เขาเห็นภาพการเข่นฆ่าเบื้องหน้า อย่างชัดเจน ขุนศึกนายกองจำนวนมากวิ่งกรูกราวเข้ามาในคฤหาสน์ของพ่อ ดาบถูกชักออกจากฝัก มนุษย์คนใดที่อยู่ตรงนั้นถูกสังหารโดยไม่เลือกหน้า
เด็ก สตรี คนชราภายในบ้านถูกฆ่าอย่างไร้เยื่อใยไมตรี เสียงกรีดร้องดังก้องโหยหวนไปทั่วบริเวณ เลือดไหลนองเหมือนน้ำป่าไหลหลาก
“กบฏไป่อวี้จิงเจ้าอยู่ไหน ออกมารับโทษทัณฑ์ซะ !”
เสียงแม่ทัพหนุ่มตะโกนก้องท่ามกลางเสียงอึงคะนึงแห่งการเข่นฆ่า
“หามันให้เจอ แล้วฆ่าให้หมดทุกคน !!!” ไป่จิงเหวินซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงนอนในห้องของพ่อแม่ แม่กอดเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำตัวไป่จิงเหวินไปซ่อนไว้ที่ใต้เตียง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าได้ยินหรือเห็นอะไร อย่าส่งเสียงร้องออกมาเด็ดขาด เจ้าจงเติบโตเป็นผู้กล้าแกร่ง อย่าลืมความแค้นในวันนี้ พ่อแม่หมดวาสนาต่อเจ้าเพียงเท่านี้ จิงเหวิน --- จงมีชีวิตอยู่ต่อไปนะลูก”
ไป่จิงเหวินเข้าไปซุกซ่อนตัวใต้เตียงอันมืดมิด มองดูทุกสิ่งรอบตัวด้วยความตื่นตระหนก
แม่ของเขาเด็ดเดี่ยวมากพอที่จะจับกระบี่แล้วออกไปสู้กับเหล่าทหารที่บุกเข้ามา เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงร้องขอชีวิตดังขึ้นอยู่เกือบสองชั่วยาม เสียงดาบโคล้งเคล้ง เสียงร่ำไห้ เสียงตะโกนด่าทอ เสียงสั่งการดังลั่นไปหมด คล้ายมหรสพแห่งความตาย ลมพัดกลิ่นเลือดโชยคลุ้งไปทั้งบ้าน
ใต้เตียงไม้แห่งนั้น ไป่จิงเหวินรู้สึกถึงความกลัวอันหน่วงหนักที่สุดในชีวิต กว่าเขาจะกล้าคืบคลานออกมาจากใต้เตียงนั่นก็ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม ทั้งหิวโหยโรยแรงล้า น้ำตาไหลออกมาจนแห้งเหือด พ่อกับแม่ของเขาถูกบั่นหัวออกไป เหลือเพียงร่างนอนตายก่ายเกยอยู่กลางบ้าน ซากศพของผู้คนที่เขาคุ้นเคยภายในบ้าน นอนเกลื่อนกล่นแน่นิ่งไร้ลมหายใจ “จงมีชีวิตอยู่ต่อไปนะลูก”
คำพูดสุดท้ายของแม่ยังดังกึกก้องอยู่ในหัวของเขา
..................................................
ไป่จิงเหวินซัดเซพเนจรร่อนเร่นานนับสิบวัน ก่อนเดินลุถึงยอดเขาคุนลุ้น เขาเก็บผลหมากรากไม้กินประทังความหิว ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเด็กน้อยคนหนึ่งจึงเดินมาถึงที่นี่ได้และไม่รู้ว่ามาทำไม ศิษย์วัดคนหนึ่งซึ่งเป็นพระบวชใหม่อุ้มร่างระทดระทวยไร้เรี่ยวแรงของไป่จิงเหวิน มาส่งมอบให้กับเจ้าอาวาส
“ข้าพบเด็กน้อยคนนี้นอนสลบอยู่ที่หน้าประตูวัดขอรับท่านอาจารย์”
ท่านเจ้าอาวาสก้มมองดูเด็กน้อยมอมแมมด้วยความเมตตา ก่อนสั่งให้ศิษย์วัดนำไป่จิงเหวินไปดูแลรักษาตัวในห้อง หลังสลบไปนานสามวัน เมื่อตื่นขึ้นมาไป่จิงเหวินพบว่าตัวเองรอดชีวิต กำลังวังชาคืนกลับมาห้าในสิบส่วน ร่างกายปวดเมื่อยและเต็มไปด้วยริ้วรอยขูดขีดจากกิ่งไม้
ไม่นานนักเขาก็ฟื้นฟูพลังได้และเริ่มสนิทสนมกับศิษย์วัดเกือบทุกคน อารามหมื่นลี้นั้นเงียบสงบ อากาศหนาวเย็นสบายตลอดทั้งปี มีพระเณรทั้งหมดเพียง 20 รูป ถือเป็นสำนักสงฆ์ขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีใครมาเยี่ยมเยือน
……………………………………..
สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวจากเด็กน้อยผู้กำพร้าบิดามารดา เขากลายเป็นชายหนุ่มผู้แกว่นกล้าอาชาไนย ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม วิทยายุทธ์ของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความขยันฝึกฝน ความมุ่งมั่น และความเคียดแค้นในใจ....
“อภัย --- เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย”
อาจารย์เฒ่าพร่ำสอนเขาเสมอ มันเป็นประโยคที่เขาเกลียดที่สุด ไม่มีทาง --- เขาจะให้อภัยคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ได้อย่างไร
ไป่จิงเหวินพูดน้อยลง ไม่ร่าเริงเหมือนตอนเข้ามาอยู่ในวัดใหม่ ๆ ความแค้นสุมรุมในอก สร้างนรกอันลุกร้อนไปด้วยเปลวเพลิงโทสะ ภายนอกเขาดูเป็นพระหนุ่มผู้รักสงบ นิ่ง พูดน้อย แต่ภายในนั้นเล่ากลับปะทุคุกรุ่นไปด้วยอวลไอแห่งการเข่นฆ่าแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา
กฎของวัดมีอยู่ว่าหากใครประสงค์จะลงจากวัด จะต้องผ่านด่านการทดสอบทั้งทางธรรมและทางโลกเสียก่อน
แน่นอน --- ด่านหินที่สุดของบททดสอบย่อมเป็นการต่อสู้ประมือกับปรมาจารย์เฒ่าผู้เก่งกาจ ซึ่งยังไม่มีใครสามารถผ่านกำแพงหินนี้ไปได้เลย ทุกคนจึงยังคงบวชอยู่บนยอดดอยแห่งนี้โดยไม่เคยมีใครจากไปไหน
ไป่จิงเหวินประเมินฝีมือของตนเองตลอดเวลา ณ เวลานี้เขาย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์ แต่ใจอันรุ่มร้อนด้วยเพลิงโทสะทำให้คืนนั้นเขาตัดสินใจทำสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต
…………………………………..
ช่วงหัวค่ำเขาได้ยินศิษย์พี่สองคนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคัมภีร์มังกรพยัคฆ์บูรพา และพิชัยสงครามต้าซ่ง ซึ่งไคหมิงต้าซือเป็นผู้รจนาขึ้น คัมภีร์ยุทธ์ทั้งสองถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด ที่ห้องเก็บคัมภีร์ด้านในสุดของอาราม
ไป่จิงเหวินสอบถามรายละเอียดทั้งหมดจากศิษย์พี่อย่างกระตือรือร้นจนรู้สึกได้ ภายในใจปั่นป่วนไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง
“ถ้าข้าครอบครองคัมภีร์วิเศษนี้ได้ ย่อมครอบครองใต้หล้าได้ไม่ยาก ถึงเวลานั้นข้าจะเข่นฆ่าคนที่ล้างตระกูลข้าให้หมดทุกคน !!!”
คืนนั้นเขาจึงพรางตัวด้วยชุดดำแล้วลอบเข้าไปขโมยคัมภีร์ แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะรื้อค้นอย่างไร กลับพบเพียงม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่อันเก่าแก่คร่ำคร่า ดูไร้ค่าและหาใช่คัมภีร์สำคัญไม่
แสงวอมแวมจากเทียนในมือส่องลอดออกไปนอกห้อง จนศิษย์น้องสามคนเดินผ่านมาและสังเกตเห็น
“นั่นใครน่ะ ?” เสียงศิษย์น้องร้องทัก
“ขะ..ข้า...เอง” ไป่จิงเหวินแง้มประตูห้องออกมาแล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก
“ท่านเข้าไปทำอะไรน่ะพี่จิงเหวิน” ศิษย์น้องอีกคนหนึ่งคาดเค้นคำตอบ
ก่อนใครจะทันรู้ตัว ปลายมีดเล่มเล็กในมือไป่จิงเหวิน ก็เฉือนปาดเข้าไปที่คอหอยของศิษย์น้องคนแรก ยังไม่ทันสุดเสียงร้อง มีดเล่มเดียวกันพุ่งแทงเข้าไปที่หน้าอกของศิษย์น้องอีกคน ไป่จิงเหวินถอนมีดออกจากอก แล้วตวัดเข้าไปที่คอหอยของศิษย์น้องคนที่สาม เลือดสาดกระเซ็นซ่านเปื้อนชุดของไป่จิงเหวิน ศิษย์น้องทั้งสามถูกเข่นฆ่าในพริบตาเดียว !
เขาลนลานรีบวิ่งกลับไปที่ห้อง เก็บของใช้ทั้งหมดลงในห่อผ้าแล้วเตรียมหนี
แต่ตรงทางลงเขานั้นศิษย์พี่สองคนยืนจังก้าเฝ้าด่านอยู่ตามคำสั่งของอาจารย์ แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งลงเขาของไคหมิงต้าซือ แต่แปลก...วันสองวันที่ผ่านมาอาจารย์เฒ่า กลับสั่งให้ลูกศิษย์ผลัดเวรกันเฝ้าตรงหน้าประตูอย่างเข้มงวดกวดขัน
“ดึกดื่นเช่นนี้เจ้าจะไปไหนรึจิงเหวิน ?”
ศิษย์พี่ถามเขาโดยไม่ทันสังเกตเห็นมีดในมือ
“ข้าจะลงเขา” จิงเหวินตอบ
“เจ้าขออนุญาตท่านอาจารย์แล้วหรือยัง ?”
ศิษย์พี่อีกคนกล่าวยังไม่ทันสุดความ ไป่จิงเหวินชักมีดในมือฟันข้อมือของศิษย์พี่จนขาดกระเด็น ก่อนหันไปใช้ฝ่ามือพันกร สุดยอดกระบวนท่าหนึ่งของสำนัก ซัดเข้าเต็มหน้าอกของศิษย์พี่ที่ไม่ทันได้ระวังตัว จนหน้าอกยุบลงไปทันที ไป่จิงเหวินโผกระโจนหลบหนีลงจากเขาไปทันที !!!
...................................................
ในห้องหับอันมืดมิด แสงสว่างจากอรุณรุ่งค่อย ๆ ลอดผ่านช่องรอยแตกตามผนังไม้ ไป่จิงเหวินค่อย ๆ ปรับสายตาตนเอง จนเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวทีละนิด
“ข้ายังไม่ตายอีกรึเนี่ย ?”
ใจเขากลับคิดว่าตนเองตายไปแล้วและขณะนี้อาจอยู่ในนรก
“ข้าถูกอาจารย์ซัดตะเกียบทะลุคอ น่าจะตายไปแล้วนี่นา “ เขานึกในใจ
ไป่จิงเหวินลองพยายามขยับร่างกาย แต่เขาขยับกายไม่ได้ดั่งใจนึก เหงื่อกาฬแตกทั่วร่างทั้งที่อากาศยามเช้านั้นเหน็บหนาว
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าขยับร่างไม่ได้เลย”
ความกลัวแทรกซึมทั่วร่าง
“ข้าไม่ตาย แต่เคลื่อนไหวอะไรไม่ได้อีก ยังนับว่าเป็นชีวิตอีกหรือ ถ้าต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต ข้าสู้กลั้นลมหายใจตายไปเสียยังดีกว่า”
ไป่จิงเหวินเริ่มฟุ้งซ่านสับสน
ก่อนความคิดจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลกว่านี้ บานประตูถูกแง้มเปิดออกมาช้า ๆ
ไคหมิงต้าซือเดินเข้ามาพร้อมศิษย์น้องคนหนึ่ง รอยยิ้มของอาจารย์ยังคงเปี่ยมเมตตาเสมอ
“เจ้าฟื้นเล้วรึจิงเหวิน อย่าเพิ่งรีบร้อนขยับร่างกายเลย นอนนิ่ง ๆ เช่นนี้ไปก่อน จนกว่าร่างกายและกำลังภายในของเจ้าจะฟื้นฟูเถิดนะ”
“ทำไมข้าถึงยังไม่ตาย ?”
ไป่จิงเหวินถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าซัดตะเกียบไม้เข้าที่จุดฉาอี้เหวยของเจ้า เพื่อทำให้เจ้าหมดสติและหยุดลมหายใจในชั่วขณะ จากนั้นจึงนำเจ้ามาที่ห้องนี้ เดินลมปราณประสานอินหยาง ถ่ายทอดกำลังภายในเพื่อรักษาชีวิตเจ้าไว้” อาจารย์เฒ่ากล่าว
“ทำไมท่านอาจารย์ถึงปล่อยให้ข้ารอด ทั้งที่ข้าทำสิ่งชั่วร้ายต่ำทรามกับพี่น้องในวัด” ไป่จิงเหวินกล่าวขึ้นพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“อภัย --- เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย --- ข้าสอนเจ้ามาตลอดชีวิต ข้าจะสอนจนกว่าเจ้าจะเข้าใจมัน”
อาจารย์กล่าวขึ้นด้วยความเมตตา น้ำตาของนักรบสิ้นสภาพไหลนองอาบสองแก้ม เขาคงหมดสิทธิแก้แค้นแทนพ่อแม่ ไม่อาจกลับมาเดินเหินได้อีก ไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญกับใครได้อีกแล้วในสภาพพิการเยี่ยงนี้ นี่คงเป็นกรรมเวรซึ่งเขาต้องแบกรับ หลังเข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย เพื่อสนองตอบความทะเยอทะยานของตนเอง
“จงนอนพักจนกว่าจะหายดีเถิด ข้าสลายวิทยายุทธ์ของเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้ว อย่างน้อยสามเดือนนี้เจ้าจะขยับร่างกายมิได้ เหลียนหู่ศิษย์น้องจะช่วยดูแลเจ้าทุกวัน ทั้งการป้อนข้าว และเรื่องการขับถ่าย อย่าได้ฝืนขยับร่างกาย มิเช่นนั้นธาตุไฟอาจเข้าแทรก และมันจะทำให้เจ้าเสียชีวิตในทันที จงใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับตัวเอง เพ่งพิจารณาความกลัวซึ่งซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจเจ้า จงค้นหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต ตรองตรึกในทุกการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง เพื่อตอบคำถามของข้าในอีกสามเดือนข้างหน้า”
ไคหมิงต้าซือหันไปกระซิบสั่งงานกับศิษย์น้อง แต่ไป่จิงเหวินมิอาจได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเนื่องจากเสียงของอาจารย์นั้นแผ่วเบามาก ไป่จิงเหวินทบทวนตัวเองอยู่บนเตียงโดยลำพังอีกครั้ง หลังจากอาจารย์เฒ่าและศิษย์น้องเดินออกจากห้องไป เสียงลมวู่หวิวยามเช้า เสียงนกร้องดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา อดีตนักรบผู้เกรียงไกรและแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา กลับทำได้เพียงนอนกระพริบตาอยู่บนเตียงโดยเดียวดายนี่หรือ คือ ชะตากรรม !!!
ความเดิมตอนที่แล้ว:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 1 ::
Create Date : 17 มิถุนายน 2562 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2562 23:03:53 น. |
|
24 comments
|
Counter : 4367 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณmultiple, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณTui Laksi, คุณmcayenne94, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณkae+aoe, คุณหอมกร, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเนินน้ำ, คุณตะลีกีปัส, คุณmambymam, คุณJinnyTent, คุณเรียวรุ้ง, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณRinsa Yoyolive, คุณธนูคือลุงแอ็ด |
โดย: multiple วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:7:58:17 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:8:17:14 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:8:59:40 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:9:00:35 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:10:00:04 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:10:15:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:11:17:43 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:12:47:06 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:14:26:18 น. |
|
|
|
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:14:37:51 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:22:50:30 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 17 มิถุนายน 2562 เวลา:23:58:32 น. |
|
|
|
| |
เดี๋ยวกลับมาใหม่อีกครั้งค่ะ