กรีนพีซดำรงอยู่เพราะโลกอันบอบบางใบนี้สมควรมีผู้ปกป้อง โลกต้องมีวิธีแก้ปัญหา ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการลงมือทำ
 
 

ขยะชิ้นนั้น... อาจเป็นของคุณ ก็เป็นได้!





เขียน โดย พรทิพย์ ธรรมวิชัยพันธ์

ขยะพลาสติกในท้องทะเล... ปัญหาที่หลายคนบอกว่าไกลตัว... แต่รู้หรือไม่ ว่ามันเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเราเอง... ขยะชิ้นนั้น... อาจเป็นของคุณ ก็เป็นได้!

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี และอาสาสมัครเยาวชนกรีนพีซกว่า 50 คน ได้ร่วมมือร่วมใจกันเก็บขยะบนชายหาดบางแสน ในกิจกรรม Greenpeace Youth Wavemakers  ตอน  Clean Up the Ocean เพื่อทำความสะอาดชายหาดบางแสน และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงปัญหาขยะและผลกระทบกับระบบนิเวศทางทะเล  

ข้อมูลจากเทศบาลแสนสุขพบว่า ขยะหาดบางแสน จะแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ก็คือ ขยะที่อยู่บนหาดทรายซึ่งพัดขึ้นมาจากทะเล ประกอบกับขยะจากนักท่องเที่ยวที่ทิ้งไว้บนหาดเฉลี่ยวันละ 6 ตัน และขยะที่อยู่ในถังขยะบริเวณหาด ซึ่งในส่วนนี้มีมากถึงเฉลี่ยวันละ 14 ตัน

แล้วขยะพลาสติกในท้องทะเล เชื่อมโยงถึงตัวเราได้อย่างไร?...

ขยะพลาสติกมีทั้งแบบที่นำไปรีไซเคิลได้ และรีไซเคิลไม่ได้ โดยขยะถุงพลาสติกจำนวนมากที่เกิดขึ้นจากการใช้ในชีวิตประจำวันของเรานั้น จัดเป็นพลาสติกชนิดที่ย่อยสลายและรีไซเคิลไม่ได้ ดังนั้นเมื่อลอยอยู่ในท้องทะเลจะแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับแพลงตอน ส่งผลทำให้ปลาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาหารและกินเข้าไป พอเรากินปลา เศษขยะพลาสติกเหล่านั้นจึงไม่ได้หายไหน มันยังคงอยู่ในตัวปลาที่เรากิน เป็นห่วงโซ่อาหารที่สุดท้ายเราก็ได้รับผลกระทบย้อนกลับมา

กิจกรรม Greenpeace Youth Wavemakers  ตอน  Clean Up the Ocean เมื่อวันที่ 20-21 สิงหาคม 2559 จึงเกิดขึ้นเพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักให้แก่เยาวชนถึงปัญหาขยะในทะเล โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติก รวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยและสร้างเครือข่ายเยาวชนที่สามารถขับเคลื่อนและสนับสนุนงานรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป โดยขยะที่เก็บได้จากชายหาดบางแสนในครั้งนี้ จะถูกนำไปรวมกับกิจกรรมเก็บขยะที่เก็บได้จากชายหาดอื่นๆ อีกตลอดทั้งปี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการบอกเล่าเรื่องราวของขยะสู่ท้องทะเล ผ่านงานศิลปะที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตี 3 ครึ่ง ได้เวลาตื่นมาลุยเก็บขยะแล้วสิ น้อง ๆ อาสาสมัครเยาวชนกรีนพีซ และพี่ ๆ ประจำกลุ่ม ก็เริ่มตื่นเตรียมตัวและทยอยเดินออกมาตั้งแถว จากนั้นตี 4 ครึ่ง ก็เริ่มเคลื่อนขบวนไปที่ชายหาดเพื่อมุ่งหน้าทำภาระกิจสำคัญด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินไปที่ชายหาดก็ได้เจอกับกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่มารวมตัวกัน ทั้งนักท่องเที่ยวที่ยังไม่หลับไม่นอน ยังคงเปิดเพลงจากเครื่องเสียงรถยนต์และดื่มกินกันอย่างสนุกสนานริมทางเลียบหาดบางแสน

พอทุกคนเดินมาถึงจุดหน้าหาด อุปกรณ์การเก็บขยะก็ถูกแจกจ่าย และก็ถึงเวลาลงมือเก็บขยะกันแล้ว เหล่าอาสาสมัครเยาวชนกรีนพีซก็กระจายตัวช่วยกันเก็บขยะบริเวณชายหาดบางแสน พร้อมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลแสนสุข โดยขยะพลาสติกที่พบมีทั้งที่เป็นชิ้นใหญ่ และชิ้นเล็ก ถึงเล็กมาก นี่คือรอบแรกที่ออกลุยเก็บขยะกันตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง จนถึง 7 โมงเช้า พอมาถึงการเก็บขยะรอบที่สองเริ่มกันที่ 10 โมงครึ่ง คราวนี้เราต้องใช้ตะแกรงในการร่อนเก็บขยะพลาสติกที่มีขนาดเล็กมาก น้องๆ เต็มที่กันสุดๆ ทั้งที่ต้องเจอกับแสงแดดที่ร้อนระอุ แต่ทุกคนก็มุ่งมั่นกันอย่างจริงจัง

หลังเสร็จสิ้นภาระกิจเก็บขยะทั้งสองรอบ ซึ่งใช้เวลารวมกันเพียง 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น อาสาสมัครเยาวชนของเราสามารถเก็บขยะได้มากถึง 22 ถุงดำ (ถุงขนาด 30x40 นิ้ว) โดยพบว่าขยะส่วนใหญ่ที่เก็บได้เป็น ยางวง ถุงพลาสติก ขวดน้ำพลาสติก เศษโฟม เชือกไนล่อน และก้นบุหรี่

แต่ถึงอย่างไรก็ตามการแยกขยะหรือเก็บขยะเช่นนี้ ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ทางออกและสิ่งที่จะทำให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ควรเริ่มตั้งแต่ต้นทางที่ตัวเรา ซึ่งนั่นก็คือ ลดการสร้างขยะ เพราะสุดท้ายปัญหาขยะในทะเลก็จะไม่ทำร้ายแค่สัตว์ทะเลเท่านั้น แต่มันจะย้อนกลับมาถึงตัวเรา...ในที่สุด

ณศรัณย์ อมรฉันทนากร เยาวชนกรีนพีซ

“ปัญหาขยะ คือสิ่งรอบตัว มันไม่ใช่สิ่งไกลตัวเลย ขยะมันเกลื่อนไปหมด ง่ายที่สุดคือเริ่มที่ตัวเรา ไม่ต้องไปสั่งให้ใครเก็บ เราต้องเริ่มที่ตัวเราคือเก็บทิ้งขยะให้เป็นที่ และที่สำคัญคือลดการใช้ หัดปฏิเสธบ้าง ไปซื้อของร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องปฏิเสธให้หนักแน่นไปเลยว่า…ไม่ใส่ถุงค่ะ” ณศรัณย์ อมรฉันทนากร หนึ่งในอาสาสมัครเยาวชนกรีนพีซที่เข้าร่วมกิจกรรมให้ความเห็น

ชินดนัย แก้วภูบาล เยาวชนกรีนพีซ

และอีกหนึ่งตัวอย่างของการพยายามลดขยะพลาสติก โดยมุ่งเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย “เวลาผมเข้าร้านสะดวกซื้อ พนักงานก็จะรู้ว่าผมจะไม่เอาถุง เพราะผมจะบอกเค้าประจำว่าไม่เอาถุง หรือหากซื้อของเยอะจริง ๆ ก็จะให้ใส่ของรวมกันได้เลยในหนึ่งถุงใหญ่ไม่ต้องแยกถุงตามประเภทของ ทำแบบนี้ประจำจนตอนนี้เขาจำได้แล้วครับ”  ชินดนัย แก้วภูบาล หนึ่งในอาสาสมัครเยาวชนกรีนพีซที่เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวิธีที่เขาใช้เพื่อลดการสร้างขยะ

กิจกรรมนี้นอกจากน้องเยาวชนกรีนพีซจะได้รับความรู้จากเทศบาลแสนสุขเรื่องการจัดการขยะแล้ว ยังได้ความรู้และแรงบันดาลใจอย่างมหาศาลจากแนวคิดและวิธีการทำงานของกลุ่ม TRASH HERO THAILAND ซึ่งเป็นคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นโดยมีแนวคิดที่ว่า “คิดแล้ว ก็ลุยเลย” ไม่จำเป็นต้องรออะไร เพราะการลงมือทำงานอาสาฯ เพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่จำเป็นต้องมีแบบแผนอะไรเลย ขอแค่ใจที่โตก็พอ

ศักดาเดช สุดแสวง TRASH HERO THAILAND

“พวกเราในฐานะผู้บริโภคควรหันมาตระหนักและใส่ใจกับผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะในปัจจุบันให้มากขึ้น อาจเริ่มต้นจากการลด ละ เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น หลอด หรือ ถุงพลาสติกใส่อาหาร นอกจากผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปแล้ว ภาคเอกชน และภาครัฐ ควรออกนโยบายพื่อแก้ไขต่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง” คุณศักดาเดช สุดแสวง หนึ่งในคณะทำงาน TRASH HERO THAILAND ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกิจกรรมครั้งนี้กับเยาวชน

ถึงแม้ว่าตอนนี้การจัดการปัญหาขยะของภาครัฐ รวมไปถึงการปลูกฝั่งจิตสำนึกของประชาชนทั่วไปในเรื่องนี้จะยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ แต่อย่างน้อยกิจกรรมนี้ ที่ได้พยายามมุ่งปลูกฝังความรู้และความตระหนักใส่ใจเรื่องปัญหาขยะ และขยะพลาสติกให้เด็ก ๆ และเยาวชน จะทำให้เกิดคลื่นและแรงกระเพื่อมไปในทิศทางที่ดีได้ในอนาคตไม่มากก็น้อย

อัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“การจัดการขยะของประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่มีประสิทธิภาพที่เพียงพอ ยังคงขาดการส่งเสริมการให้ความรู้ และขาดแรงจูงใจ ตอนนี้เป็นเพียงการดำเนินการโดยใช้ความสมัครใจ ยังไม่มีกฏหมายที่เข้มแข็งที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง” คุณอัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมให้ข้อมูลปัญหาขยะ 

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปัญหาขยะพลาสติกลดน้อยลงหรือดีขึ้น ไม่ได้อยู่แค่ที่ใคร หรือแค่หน่วยงานใด ๆ หากแต่ว่า“ตัวคุณเอง” ก็มีส่วนที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางและกลไกของการเพิ่มและลดจำนวนขยะพลาสติกของโลกใบนี้ด้วย



ที่มา: Greenpeace Thailand




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2559   
Last Update : 23 สิงหาคม 2559 10:50:44 น.   
Counter : 1239 Pageviews.  


ในธรรมชาติมีตัวเรา ในตัวเรามีธรรมชาติ



เขียน โดย ผณิตา คงสุข

ในธรรมชาติมีตัวเรา ในตัวเรามีธรรมชาติ

เป็นคำง่ายแต่ลึกด้วยความหมายเพื่อการพิจารณาของพี่นิคม พุทธา เครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำปิงตอนบน ที่กล่าวในภารกิจปลูกซ่อมต้นไม้ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว เมื่อวันที่ 13 และ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา  กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากวันที่ 4-5 มิถุนายน ที่อาสาสมัครกว่า 600 คนมาร่วมเติมต้นไม้ให้ผืนป่า ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกต้นกล้ากว่า 10,000 ต้น ลงสู่ดินในพื้นป่าอันกว้างใหญ่ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ในพื้นที่มีฝนมากตกชุกกว่าสองเดือน นอกจากจะทำให้ต้นกล้าเหล่านั้นเติบใหญ่แตกยอดอ่อนและผลิใบใหม่ ยังทำให้วัชพืชเจ้าถิ่น เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนปกคลุมต้นกล้าจนไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ภารกิจแหวกต้นไม้จึงเริ่มต้นขึ้น

พวกเราใช้มีดพร้าของชาวบ้านบ้านยางปู่โต๊ะ เรียงแถวหน้ากระดานบุกดงวัชพืช อย่างเช่นต้นไมยราบแบบเถาเลื้อยจำนวนมหาศาล หลังแถวหน้ากระดานก็ติดตามด้วยเหล่าอาสาสมัครที่ถือจอบเสียม และใช้มือเปิดทางให้ต้นกล้าได้มีโอกาสรับแสงแดดอีกครั้ง ทำให้เราเห็นว่าเมื่อใดที่เราลงมือปลูกต้นไม้ การติดตามดูแลรักษาก็ทำอย่างต่อเนื่องด้วย มิฉะนั้น ต้นกล้าที่ปลูกไว้จะไม่สามารถหยั่งรากลงดินได้ในที่สุด แต่ก็น่าภูมิใจที่ต้นกล้าจำนวนมากยังรักษาต้นให้ตั้งตรงและแตกยอดใบอ่อนให้เราได้เห็นเป็นจำนวนมาก จึงมีการสรุปบทเรียนว่าต้นไม้เฉพาะถิ่นที่สามารถเอาตัวรอดและเติบโตได้ดี อย่างเช่นต้นสัก  มะค่า สมอพิเพกจะเหมาะกับที่นี่ 

งานนี้ทำให้เหล่าอาสาสมัครกว่า 40 ชีวิตเจองานหนักเอาการ เมื่อต้องทำหน้าที่เป็นหมอต้นไม้ ภารกิจแรกคือต้องหาคนไข้ให้เจอซึ่งต่างจากเมื่อตอนปลูก ที่เพียงแค่วางต้นไม้ลงในหลุมให้ลำต้นตั้งตรง และกลบหน้าดินรอบต้นให้แน่น แต่การปลูกซ่อมเพิ่มขั้นตอนมากกว่านั้น เมื่อเจอต้นกล้าที่เราปลูก เราก็ต้องดึงวัชพืชที่ปกคลุมต้นออก เพื่อให้ต้นกล้าได้มีโอกาสรับแสงแดดได้อีกครั้ง ใช้จอบขุดดินรอบๆ ต้นกล้าอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สะเทือนไปถึงรากไม้ และต้องทำอย่างปราณีต

คุณนิคม พุทธา เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน ได้กล่าวว่า การปลูกป่าต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และงานอนุรักษ์เราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมือของหลายฝ่าย เพราะการเติมต้นไม้ในพื้นที่ดินที่ว่าง มีความหมายมหาศาล เพราะเมื่อฝนตกลงมาถ้าเจอต้นไม้จะช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดิน แต่ถ้าไม่มีต้นไม้น้ำฝนก็ชะล้างเอาหน้าดินไปด้วย ซึ่งในพื้นที่ป่าเป็นความเสียหาย เพราะป่าต้องทำหน้าที่ซับความชุ่มชื้นไว้ในดินตลอด โดยเฉพาะที่นี่เป็นป่าต้นน้ำอีกด้วย และที่เราต้องมาปลูกซ่อมเพื่อเป็นอีกแรงที่จะทำให้อัตราการรอดของต้นกล้าสูงขึ้น เพราะฝนตกเยอะวัชพืชก็โตเร็วมากเช่นกัน และวัชพืชอายุสั้นก็จริงแต่เมื่อแห้งตายไป เมื่อถึงฤดูแล้งก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

เราจึงต้องปลูกป่าเพื่อทำให้ผืนป่ามีความชื้น ลดความแห้งแล้ง เราจะรักษาต้นไม้ในวันนี้เพื่อยังประโยชน์ไปถึงคนรุ่นต่อไปเพราะในธรรมชาติจึงมีตัวเรา และในตัวเรามีธรรมชาติ

หลังจากนี้ทางเครือข่ายจะทำข้อตกลง MOU ร่วมกับกรมอุทยานเพื่อเป็นสัญญาร่วมกันให้เราสามารถดูแลต้นไม้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาป่าเชียงดาว ที่เป็นป่าต้นน้ำ และเป็นป่าเขาหินปูนที่มีระบบนิเวศเฉพาะ

อ่านบทความ คนละไม้คนละมือเติมต้นไม้ในป่าว่าง ฟื้นฟูป่าต้นน้ำเชียงดาวได้ที่นี่


ภาพประกอบโดย  เพียงตะวัน พุทธา

ที่มา : Greenpeace Thailand




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2559   
Last Update : 17 สิงหาคม 2559 11:40:19 น.   
Counter : 885 Pageviews.  


10 เรื่อง น่าสนใจเกี่ยวกับอุรังอุตัง



เขียน โดย Richard George, Forest campaigner


อุรังอุตังเป็นสัตว์ที่น่าสนใจมาก มันมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายมนุษย์ มาดูกันดีกว่าว่าคุณรู้จักเพื่อนสัตว์โลกเหล่านี้แค่ไหน เรารวบรวม 10 เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับอุรังอุตังมาฝากทุกคนครับ

1. อุรังอุตังคือหนึ่งในบรรดาสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในโลก

มีการทดสอบความสามารถทางสติปัญญาของอุรังอุตัง กอริลล่า และ ชิมแปนซี  เชื่อผมสิ! พวกมันฉลาดกว่าที่คุณคิดซะอีก

อย่าเชื่อเพียงคำพูดของผม แต่ต้องคุณเห็นด้วยตาของคุณเอง คลิกที่นี่ เพื่อดูความฉลาดของพวกมัน

2. อุรังอุตังชอบรสชาติของสบู่

ไม่ใช่แค่ทุเรียนเท่านั้น แต่พวกมันก็ชอบรสชาติของสบู่เช่นกัน น่าแปลกที่สบู่ไม่ทำให้กระเพาะของมันระคายเคืองสักนิดเดียว

3. อุรังอุตังมีนิ้วหัวแม่มือและหัวแม่เท้าที่ใหญ่

เช่นเดียวกับเราอุรังอุตังมีนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้าที่ใหญ่ เพื่อช่วยให้พวกมันแกว่งไกวได้อย่างง่ายดายแม้บนต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่าดงดิบ

4. อุรังอุตัง คือวิศวกรชั้นยอด

นักวิจัยพบว่าทักษะวิศวกรรมขั้นสูงขออุรังอุตังจะแสดงออกมาในเวลาสร้างรัง อุรังอุตังมีความเข้าใจถึงคุณสมบัติโครงสร้างโดยใช้กิ่งไม้หนาเพื่อสานนั่งร้านที่แข็งแกร่งสำหรับรัง หรือแม้กระทั้งการสร้างที่นอนที่ยืดหยุ่นได้ อุรังอุตังมักจะสร้างรังใหม่ในทุกวัน และยังมีความเร็วในการสร้างเพียง 5-6 นาทีเท่านั้น

5. แก้มยิ่งกว้างยิ่งเซ็กซี่

อุรังอุตังเพศผู้โตเต็มวัย มักจะมีแก้มที่กว้างและห้อยย้อย คุณรู้หรือไม่!? แก้มของตัวผู้ที่ยิ่งกว้างก็ยิ่งเซ็กซี่และเป็นที่ดึงดูดของอุรังอุตังเพศเมียอีกด้วย

6. แม่-ลูกผูกพัน

อุรังอุรังในวัยเด็กจะอยู่ติดแม่ตลอดเวลา แม่อุรังอุตังจะเลี้ยงดูพวกมันในช่วง 5 ปี แรก และให้นมจนอายุราว 6-7 ขวบ  พวกมันนอนด้วยกันในรังทุกคืนจนอายุอย่างน้อย 8 ปี นอกจากมนุษย์แล้ว อุรังอุตังถือเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่ใกล้ชิดกันมาก

7. อุรังอุตังมีชีวิตประจำวันที่น่าอิจฉาที่สุด

คุณเคยคิดไหม? ในทุก ๆ วันอุรังอุตังทำอะไรกันบ้าง ก็ไม่มีอะไรมาก ตื่นขึ้นมากิน พักผ่อน นอนระหว่างวัน เล่น กินอีกครั้งแล้วก็นอน เป็นไงหล่ะ? น่าอิจฉาใช่ไหม

8. อุรังอุตังมีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับมนุษย์ถึง 97%

ในบรรดาสัตว์หลายชนิด อุรังอุตังนับว่าเป็นญาติสนิทของมนุษย์เรา เห็นได้ชัดๆจากลักษณะมือ เท้าและใบหน้า ลิงอุรังอุตังยังมีฟัน 32 ซี่เช่นเดียวกับเรา และพวกมันก็ยังยิ้มและหัวเราะเช่นเดียวกับเราอีกด้วย

9. อุรังอุตังมีแขนที่ยาวกว่าลำตัวของมัน

แขนอุรังอุตังสามารถเติบโตและยาวได้ถึง 7 ฟุตทีเดียว

10. อุรังอุตังก็จั๊กจี้เป็น

การบ้าจี้มีอยู่สองแบบ แบบเบา ๆ ที่เพียงรู้สึกคัน ๆ และแบบที่ทำให้คุณหัวเราะได้อย่างบ้าคลั่ง สัตว์หลายชนิดบ้าจี้อย่างในแบบแรก มันเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการวิวัฒนาการที่ช่วยป้องกันพวกมันจากสัตว์ที่อาจจะทำอันตรายต่อมัน รวมถึงแมลงต่าง ๆ แต่มีสัตว์อยู่เพียงไม่กี่ชนิดที่เป็นแบบที่สอง ที่จริงแล้วดูเหมือนจะมีแค่มนุษย์กับสัตว์ตระกูลลิงที่มีอาการแบบนั้น ซึ่งก็รวมไปถึงอุรังอุตังด้วย

เช่นเดียวกับัตว์ชนิดอื่นๆ อุรังอุตังกำลังตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์กำลังถูกทำลายโดยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษ และบริษัทปาล์มน้ำมันที่กำลังทำลายป่าฝนเขตร้อน

ร่วมกันปกป้องผืนป่าซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่านี้ และอย่าลืมช่วยกันเผยแพร่เรื่องราวน่ารัก ๆ นี้ออกไปนะครับ


แปลและเรียบเรียงโดย ภุชงค์ แซ่เล้า

ที่มา : Greenpeace Thailand




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2559   
Last Update : 11 สิงหาคม 2559 10:35:14 น.   
Counter : 1641 Pageviews.  


ข่าวที่โลกต้องฉลอง! โครงการเขื่อนยักษ์ที่ป่าอะเมซอนถูกยกเลิกแล้ว



เขียน โดย Danicley Aguiar


เด็กน้อยชาวพื้นเมืองมูนดูรูกุกระโดดเล่นน้ำที่แม่น้ำทาปาโฮซ ของผืนป่าอะเมซอน

นี่เป็นข่าวดีที่ผมเองก็ไม่แทบไม่อยากจะเชื่อ โครงการเขื่อนยักษ์ São Luiz do Tapajós (SLT)  ที่วางแผนไว้ว่าจะสร้างขึ้นที่ใจกลางผืนป่าอเมซอน บนแม่น้ำทาปาโฮช ได้ถูกยกเลิกแล้ว! โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลบราซิล (IBAMA) ได้ออกมาประกาศยกเลิกการดำเนินงานของโครงการเขื่อนนี้เอง หลังจากทราบข่าวผมใจเต้นมาก หลังจากที่คลายความตื่นเต้นลงแล้ว ผมก็เริ่มโทรหาเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้าชนพื้นเมืองมูนดูรูกุเพื่อขอข้อมูลยืนยันข่าวดี

ในที่สุดก็เป็นข่าวดีอย่างเป็นทางการแล้ว! หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลบราซิลประกาศ ถึงเวลาฉลองข่าวดีนี้ ผมอยากจะขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมยืนหยัดเคียงข้าวชาวมูนดูรูกุเพื่อผืนป่าอะเมซอนของโลก และทำให้ชัยชนะในวันนี้เกิดขึ้นได้

ในช่วงการรณรงค์หลายเดือนที่ผ่านมา เราเชื่อจริง ๆ ว่า ไม่ช้าไม่นานหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลบราซิล (IBAMA) จะต้องตระหนักถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของโครงการเขื่อนยักษ์นี้ต่อภูมิภาค และเมื่อรัฐบาลตัดสินใจออกมาเช่นนี้แล้ว กระบวนการต่าง ๆ ก็เป็นอันต้องยุติลง 

ผู้คนกว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก ได้ยืนหยัดร่วมกับชนพื้นเมืองมูนดูรูกุยุติโครงการเขื่อนขนาดยักษ์ที่จะทำลายผืนป่าอะเมซอนนี้ รวมถึงได้ร่วมกันออกมาส่งสารถึงบริษัท Siemens หนึ่งในบริษัทผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ (ซึ่งหนึ่งในนั้นยังมีนักกิจกรรมจากประเทศไทยด้วย)

หน่วยงานอื่นของบราซิลอย่างเช่น มูลนิธิเพื่อการปกป้องสิทธิมนุษยชนของชนเผ่าในป่าอะเมซอนของบราซิลหรือ ฟูไน (FUNAI) และสหพันธ์อัยการรัฐปาราของบราซิล ได้ออกมาแนะนำให้หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลบราซิลยกเลิกสัญญาอนุมัติของโครงการเขื่อน เนื่องจากจะเป็นการทำลายชนพื้นเมืองมูนดูรูกุ โดยส่วนหนึ่งของดินแดนของชนพื้นเมืองมูนดูรูกุนั้นอยู่ในเขตพื้นที่สงวนเซาเร มุยบู (Sawré Muybu) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมเนื่องจากเขื่อน

ขณะนี้ เมื่อโครงการเขื่อนยักษ์ได้ถูกยกเลิกการอนุมัติแล้ว กระทรวงยุติธรรมประเทศบราซิลควรดำเนินการตามหลักกฎหมายอย่างเร่งด่วน และกำหนดเขตพื้นที่สงวนเซาเร มุยบูอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม แม้ข่าวดีนี้จะถือเป็นอีกหนึ่งชัยชนะ แต่การปกป้องผืนป่าอะเมซอนยังไม่สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ ก่อนที่แม่น้ำของผืนป่าอะเมซอนทุกสายจะปลอดภัยจากเขื่อนอย่างแท้จริง

นอกจากโครงการเขื่อนยักษ์นี้แล้ว ยังมีอีก 42 โครงการที่วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในลุ่มแม่น้ำโทปาโฮช รวมถึงยังมีอีกนับร้อยโครงการในพื้นป่าอะเมซอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่คำนึงถึงความสำคัญในการปกป้องผืนป่าอะเมซอนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ต้องพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ทั้งที่โครงการเขื่อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ รวมถึงยังมีชื่อเสียงอันอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีคอรัปชั่นอีกด้วย

เราจะต้องหยุดโครงการเหล่านี้ให้ได้

บราซิลมีทางออกอื่นที่ดีกว่า คือภาครัฐควรมุ่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และหันมาเป็นผู้นำของโลกในด้านพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ซึ่งหากมีการลงทุนอย่างถูกต้องก็เป็นไปได้ว่าโครงการพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปริมาณเทียบเท่ากับพลังงานจากเขื่อนขนาดใหญ่อย่าง São Luiz do Tapajós โดยที่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั่วไปอย่างลมและแสงอาทิตย์ 

Danicley Aguiar ผู้ประสานงานรณรงค์ปกป้องผืนป่าอะเมซอน กรีนพีซบราซิล


ที่มา: Greenpeace Thailand




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2559   
Last Update : 10 สิงหาคม 2559 14:19:13 น.   
Counter : 897 Pageviews.  


ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งปรมาณูที่ฮิโรชิมากำลังเรียกร้องให้ยุติอาวุธนิวเคลียร์



เขียนโดย โดย Tamara Stark

สัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นวันครบรอบ 71 ปี ของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ญี่ปุ่นซึ่งได้คร่าชีวิตคนจำนวนมากในเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ เรามักไม่รำลึกการครบรอบ 71 ปีเท่าไรนัก ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นการรำลึกการครบรอบ 25 ปี หรือ 50 ปีเสียมากกว่า แต่ปี 2559 นี้มีเหตุการณ์ความขัดแย้ง ความรุนแรง และวิกฤตทางการเมืองเกิดขึ้นมากมายในหลายประเทศต่างจากทุกปี รวมถึงการก่อการร้ายที่คร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปจำนวนมาก

นกพิราบสัญลักษณ์แห่งสันติภาพโบยบินเมื่อปี 2548 ในวันครบรอบ 60 ปี ของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู โดยมีข้อความรณรงค์เขียนไว้ว่า “No More Hiroshima” สื่อว่า พอแล้วกับเหตุการณ์ฮิโรชิมา

สื่อมวลชนทั่วโลกเผยแพร่ภาพของโลกที่กำลังหมุนไปอย่างไร้การคาดเดาในสภาวะที่ผู้คนต่างหวาดกลัว นี่คงเป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะหันมาฟังเสียงของคนที่เคยใช้ชีวิตผ่านเหตุการณ์ความขัดแย้งและสงคราม และพวกเขาต้องการเรียกร้องให้โลกรับฟังคำของพวกเขา คำร้องขอให้โลกลงมือดำเนินการเพื่อสันติภาพ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ หรือ “ฮิบากุชะ” ได้ริเริ่มโครงการเพื่อรวมพลังคนกว่าแสนคนเรียกร้องให้โลกยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดภายในปี 2563 นี้

ภาพบุคคลในรูป - ผู้หญิงและเด็กเล็กที่อาศัยอยู่ในนากาจิมา-ฮอนมาชิ ซึ่งขณะนี้เป็นอนุสรณ์สถานสันติภาพ พวกเขาเหล่านี้ถูกระเบิดปรมาณูที่มีอุณหภูมิสูงถึง 3,000 องศาเซลเซียสคร่าชีวิตไป ไม่เหลือแม้กระทั่งศพ (ภาพอนุเคราะห์โดย Mr. Noboru Katayama)

กลุ่มฮิบากุชะกล่าวว่า:

“อายุเฉลี่ยของพวกเรากลุ่มฮิบากุชะนั้นมีอายุเกิน 80 ปีแล้ว พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโลกของเราจะเข้าสู่ยุคที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ภายในช่วงชีวิตของเรา เพื่อที่รุ่นลูกหลานต่อจากนี้จะไม่ต้องประสบกับนรกบนดินเช่นนี้อีก คุณ ครอบครัวเครือญาติของคุณ หรือไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ควรจะกลายเป็นกลุ่มฮิบากุชะเหมือนกับพวกเราอีก”

คำพูดสะเทือนใจนี้กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือน ผู้คนทั่วโลกกำลังร่วมส่งเสียงเป็นเสียงเดียวกับฮิบากุชะ เพื่อเรียกร้องให้สร้างอนาคตที่ปราศจากนิวเคลียร์

ประธานาธิบดีโอบามาได้เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงกระจายข้อเรียกร้องนี้ออกไป เมื่อครั้งที่มาพบกับผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฮิโรชิมาเมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำเช่นนั้น เขาพูดกับผู้รอดชีวิต และพูดกับผู้ที่เสียชีวิตไปในช่วงเหตุการณ์ทิ้งระเบิดอันเลวร้ายนั้น เขากล่าวว่า

“ดวงวิญญาณของพวกเขากำลังพูดกับเรา บอกให้เรามองลึกเข้าไปในจิตใจถึงสิ่งที่เราเป็น และสิ่งที่เราจะเป็นในอนาคต… เราสามารถเลือกอนาคตได้ อนาคตที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากินั้นไม่ได้เป็นเมืองที่รู้จักกันในนามของเมืองที่ถูกระเบิดปรมาณูทำลาย แต่เป็นเมืองแห่งจุดเริ่มต้นใหม่ของการตื่นขึ้นของศีลธรรม”


พระสงฆ์สวดมนต์ ณ ด้านข้างบริเวณโดมปรมาณูเมื่อปี 2548 ในวันครบรอบ 60 ปี ของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู

แน่นอนว่าแค่เราปฏิเสธอาวุธนิวเคลียร์ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเราจะต้องพยายามต่อต้านความรุนแรงทุกประเภท แสวงหาวิถีแห่งสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และในสัปดาห์นี้เราจะเปล่งเสียงพร้อมกันกับกลุ่มฮิบากุชะเพื่อเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทุกชนิด เราจะเริ่มต้นในจุดเล็กๆ ของเรานี้เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิต และได้รับผลกระทบที่ไม่มีวันแก้ไขได้จากสงครามอันโหดร้าย

ร่วมเป็นอีกเสียงเรียกร้องเพื่อสันติภาพ

ร่วมกับองค์กร Nihon Hidanko ที่กำลังรวบรวมรายชื่อชาวญี่ปุ่นและผู้คนจากทั่วโลกเพื่อยื่นรายชื่อให้กับองค์กรสหประชาชาติ เรียกร้องให้ถอดถอนอาวุธนิวเคลียร์ คุณสามารถส่งอีเมลพร้อมชื่อของคุณเพื่อสนับสนุนมาได้ที่ kj3t-tnk@asahi-net.or.jp


ที่มา: Greenpeace Thailand




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2559   
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 11:39:29 น.   
Counter : 938 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  

greenpeacethailand
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ในพ.ศ.2514 กลุ่มนักกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ จากเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์แห่งโลกสีเขียวและมีสันติสุข ได้แล่นเรือหาปลาเก่าๆ ออกจากแวนคูเวอร์ แคนาดา นักกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกรีนพีซ เชื่อว่าบุคคลไม่กี่คนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

ภาระกิจของพวกเขาคือการ "เป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ" ของการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินที่เกาะอัมชิตกา ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งตะวันตกของรัฐอลาสก้า ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

อัมชิตกาเป็นสถานหลบภัยของนากทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 3,000 ตัว และเป็นบ้านของนกอินทรีย์หัวล้าน เหยี่ยวต่างถิ่น และ สัตว์ป่าอื่นๆ มากมาย

ถึงแม้ว่าเรือเก่าๆ ของพวกเขา คือ ฟิลลิส คอร์แมก ถูกขัดขวางก่อนที่จะไปถึงอัมชิตกา แต่การเดินทางครั้งนี้จุดประกายเล็กน้อยให้แก่ความสนใจของสาธารณชน

สหรัฐอเมริกายังคงจุดระเบิดอย่างหนักหน่วง แต่เสียงเพรียกแห่งเหตุผลมีผู้ได้ยินแล้ว การทดลองนิวเคลียร์บนเกาะอัมชิตกาได้สิ้นสุดลงในปีเดียวกัน และเกาะแห่งนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นสถานหลบภัยของนกทั้งหลาย

ปัจจุบัน กรีนพีซเป็นองค์กรนานาชาติที่ให้ความสำคัญแก่การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก


คุณพร้อมที่จะร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือยัง?
มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ตอนนี้!


หลายคนอาจจะคิดว่าการดูแลรักษาโลกเป็นเรื่องยาก แค่ลำพังเราอาจทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่เพียงสองมือเล็กๆของเราก็สามารถทำเพื่อโลกได้มากมาย อ่านต่อ

ติดตามกรีนพีซเพ่ิมเติมได้ที่:

Facebook | Twitter | Instagram | YouTube
[Add greenpeacethailand's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com